รับส่วนลด 500 บาท! ภูใจใส เมาน์เท่น รีสอร์ท (Phu Chaisai Mountain Resory) จ.เชียงราย

ภูใจใส เมาน์เท่น รีสอร์ท (Phu Chaisai Mountain Resory) จ.เชียงราย

มอบส่วนลดทันที 500 บาท เมื่อจองโรงแรมนี้

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

ภูใจใส เมาน์เท่น รีสอร์ท (Phu Chaisai Mountain Resory) จ.เชียงราย หนึ่งในรีสอร์ทบูติคแห่งแรกของเมืองไทย ที่พักเชียงรายแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่ที่แสนอบอุ่นและสะดวกสบาย ใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่มีโทรทัศน์และนาฬิกาปลุก เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ซึมซับความเป็นธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ให้ผู้เข้าพักได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์จากระเบียงส่วนตัว ผ่อนคลายไปกับท้องฟ้า แล้วเปิดตารับรู้ความงามของขุนเขาและธรรมชาติ พร้อมห้องพักไว้คอยบริการถึง 5 ประเภท คือ Private Pool Cottage, Family Cottage, Upper Mountain Cottage, Mountain Cottage และ Bamboo Cottage พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และการบริการภายในรีสอร์ทมากมาย เช่น สระว่ายน้ำ สปา บริการนวดไทย ให้คุณได้รู้สึกผ่อนคลายกับธรรมชาติที่แสนเงียบสงบ

ห้องพักแบบ Bamboo Cottage

ห้องพักแบบ Mountain Cottage

ห้องพักแบบ Upper Mountain Cottage

ห้องพักแบบ Private Pool Cottage

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดชำระค่าห้องพักตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Travel Guru เท่านั้น

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-7008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

 ระยะเวลา: วันนี้ – 30 มิ.ย. 61

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/chiang-rai/phu-chaisai-mountain-resort.html

 

 

เดินเลาะริมน้ำเที่ยวชม ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และพระราชวังของพระเจ้าตาก

เดินเลาะริมน้ำเที่ยวชม ป้อมวิไชยประสิทธิ์
และพระราชวังของพระเจ้าตาก

หากเพื่อนๆ ติดตามละครบุพเพสันนิวาส คงจะได้ยินชื่อ ป้อมวิไชยเยนทร์ ผ่านหู ชนวนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวดราม่าต่างๆ มากมายขึ้น ซึ่งปัจจุบันป้อมวิไชยเยนทร์นี้ก็คือ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ที่ยังคงตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เราได้ชมความสวยงามในกรุงเทพฯ นี่เอง

ป้อมวิไชยประสิทธิ์ สำคัญไฉน? เหตุใด คอนสแตนติน ฟอลคอน ถึงอยากให้สร้างหนักหนา แต่ก็มีกลุ่มคนอีกพวกที่ไม่เห็นด้วย ถึงขนาดติดสินบนแก่ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) เพื่อขอให้ท่านช่วยทูลคัดค้านโครงการ จนเป็นมูลเหตุให้ พระสหายสนิทที่ร่วมต่อสู้กู้ชาติเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาคนนี้ ต้องโทษโบยอย่างหนัก จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ป้อมวิไชยประสิทธิ์สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2223 ในชื่อ ป้อมบางกอก หรือ ป้อมวิไชยเยนทร์ ตั้งชื่อตาม คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ ซึ่งเป็นผู้ทูลแก่สมเด็จพระนารายณ์ให้สร้างป้อม ทั้งยังเป็นคนออกแบบและควบคุมการก่อสร้างเองอีกด้วย

เดิมทีสร้างป้อมปราการไว้สองป้อม อยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ทางตะวันออก และฝั่งตะวันตก โดยมีสายโซ่อันใหญ่ ขึงขวางลำน้ำตลอดถึงกันทั้งสองฟาก เพื่อป้องกันข้าศึกรุกรานทางทะเล แต่ป้อมบางกอกฝั่งตะวันออกถูกรื้อทิ้งในสมัยสมเด็จพระเพทราชา และกลายเป็นโรงเรียนราชินีในปัจจุบัน  สำหรับสถาปัตยกรรม เป็นแบบก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น รูปทรงแปดเหลี่ยม ประดับปืนใหญ่รายล้อม กำแพงป้อมชั้นใน มีหอคอยกลมทรงสอบ 2 หลัง ตั้งอยู่บนกำแพงตรงมุมด้านทิศเหนือ และทิศใต้

หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ได้ทรงสร้างพระราชวังที่บริเวณป้อมฝั่งตะวันตก และปรับปรุงป้อมใหม่ให้ดูสวยสง่า ทรงพระราชทานนามว่า “ป้อมวิไชยประสิทธิ์”

ปัจจุบัน ป้อมวิไชยประสิทธิ์อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือไทย ใช้เป็นที่ยิงสลุตในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และมีการติดตั้งเสาธงตรงกลางป้อม เพื่อไว้ชักธงราชนาวี และธงผู้บัญชาการทหารเรือ

นอกจากนี้ภายในพื้นที่เดียวกันยังมีโบราณสถานอื่นที่ปรากฏให้เห็นได้แก่ ท้องพระโรง พระตำหนักเก๋งคู่ พระตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ศาลศีรษะปลาวาฬ และเรือนเขียว

ตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่

ตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

เรือนเขียว

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ศาลศีรษะปลาวาฬ

เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม

ทั้งนี้เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทย และฉลอง 250 ปี กรุงธนบุรี ทางมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานภายในพระราชวังเดิม ร่วมกับ กองบัญชาการกองทัพเรือ เชิญชวนนักท่องเที่ยวตามรอย เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และเยี่ยมชมโบราณสถาน พร้อมสักการะพระบรมรูปหล่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในโอกาสวันคล้ายพระราชสมภพ (วันที่ 17 เมษายน ของทุกปี) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย งานนี้ใครอยากแต่งชุดไทยมาเที่ยว ก็สามารถแต่งได้ค่ะ

ที่ตั้ง : กองบัญชาการกองทัพเรือ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด : 09.00 -16.00 น.

การเดินทาง : 

  • รถโดยสารประจำทาง  สาย 40, 57, 149, 177
  • เรือด่วนเจ้าพระยา ท่าราชินี, ท่าวัดอรุณราชวรารามฯ
  • เรือข้ามฟาก ท่าเตียน – ท่าวัดอรุณราชวรารามฯ, ท่าปากคลองตลาด – ท่าวัดกัลยาณมิตรฯ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม, Museum Thailand, bangkoktourist.com ,wikipedia, กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ, Bangkok Pulse By Pisut Jarintippitack ,พิพิธภัณฑ์ ธงชาติไทย, โบราณนานมา

 

7 เส้นทางดอกไม้หน้าร้อน สวยหวานละมุน น่าไปแชะภาพ

7 เส้นทางดอกไม้หน้าร้อน
สวยหวานละมุน น่าไปแชะภาพ

ถ้าพูดถึงหน้าร้อน เพื่อนๆ นึกถึงอะไรกันบ้างคะ คาดเดาว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คำตอบคงเป็น โอ้ทะเลแสนงาม~~ กันแน่เลย แต่ซัมเมอร์นี้ขอเบรกทะเลไว้ก่อน แล้วไปฟินกับ 7 เส้นทางดอกไม้หน้าร้อน ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้สดชื่นได้เพียงแค่ตามอง.. สีสันของดอกไม้กับท้องฟ้าสีสดกลางแดดเปรี้ยง เมื่อถ่ายภาพออกมา รูปจะสวยแบบไม่ต้องง้อแอป หรือ โฟโตชอปเลยล่ะ

  1. ชมพูพันธุ์ทิพย์
    มหาวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสน จ.นครปฐม

เส้นทางชมดอกไม้ในบรรยากาศสุดโรแมนติก ชมพูพันธุ์ทิพย์ แห่งมหาวิทยาลัยกำแพงแสน โดยจะออกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์และอาจล่าช้าจนถึงปลายเดือนมีนาคม  เมื่อผลัดใบจนหมดต้น จะกลายเป็นอุโมงค์สีชมพูสวยหวาน ถ้าดอกร่วงลงพื้นหรือสระน้ำยิ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจ

***************************************************************

  1. ดอกกัลปพฤกษ์ จ.ขอนแก่น

ฉายา ซากุระอีสาน เพราะดอกกัลปพฤกษ์มักปลูกทางภาคอีสาน บ้างก็ปลูกทางภาคเหนือ ลักษณะเป็นช่อพุ่มทรงกลม มีสีชมพูระเรื่อยสลับขาว ดูหวานละมุนเหมือนเดินเล่นอยู่สวนสาธารณะแถบโตเกียว ซึ่งมักจะบานช่วงปลายฤดูหนาว ประมาณมีนาคม-เมษายน สามารถชมได้ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่ถนนรอบวงเวียนสนามกีฬา 50 ปี ยาวไปจนถึงหอประชุมกาญจนาภิเศก

***************************************************************

  1. ดอกเหลืองอินเดีย
    แยกทุ่งหล่ม (เชียงคำ) จ.พะเยา

ไม่ว่าถ่ายภาพมุมไหนก็สวยจนยอดไลค์พุ่ง! หากมีฉากหลังเป็นดอกเหลืองอินเดีย ที่ยืนเรียงต้นไปตามถนนสายเชียงคำ-สองแคว บริเวณแยกทุ่งหล่ม จังหวัดพะเยา ลักษณะดอกเป็นช่อกระจุก มีสีเหลืองอร่าม เบ่งบานรับแสงแดดตลอดวัน เมื่อร่วงหล่นหมดต้น พื้นบนถนนจะเหมือนถูกปูพรมด้วยสีเหลืองสดไปด้วย

***************************************************************

  1. ดอกตะแบก อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี

ขอบคุณรูปภาพจาก : pinterest

ดอกตะแบก (ดอกเสลา) เป็นไม้ยืนต้นที่มักปลูกเรียงไปตามริมถนน เมื่อผลิบานจะมีสีม่วงอ่อนแซมขาว พบเห็นได้ราวๆ เดือนเมษายน เป็นต้นไป สำหรับที่อ่างเก็บน้ำบางพระ สามารถเดินเที่ยว หรือปั่นจักรยานชมได้ตลอดแนวยาวขนานไปกับสันอ่างเก็บน้ำ และความโค้งของถนน

***************************************************************

  1. ถนนสายดอกคูณ(ดอกราชพฤกษ์)

ขอบคุณรูปภาพจาก : ที่นี่ คือเมืองไทย

ดอกคูณ หรือ ดอกราชพฤกษ์ เป็นไม้ยืนต้นที่ปลูกเรียงรายกันไปตามสองฟากฝั่งถนน มีดอกสีเหลืองอร่าม เมื่อบานพร้อมกันจะมีลักษณะเป็นช่อย้อยลงมาจากต้น งดงามรับกับความสดใสของฤดูร้อน

พิกัดชมต้นราชพฤกษ์

– ทางเลี้ยวเข้า จ.อ่างทอง ถนนสายโพธิ์พระยา – ท่าเรือ 2
– สถานีรถไฟสถานีสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
– ถนนกัลปพฤกษ์ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น
– รังสิต-นครนายก คลอง 5 เทคโนธานี
– ริมแม่น้ำโขง หน้าวัดโพธิ์ศรี อ.เมือง จ.นครพนม

***************************************************************

  1. บึงล้านบัว อุทยานนกน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง

นอกจากจะเป็นสวรรค์ของนักดูนกแล้ว ทะเลน้อยยังมีสิ่งน่าสนใจอันโดดเด่นอีกอย่างนั่นก็คือ “ทะเลบัวแดง” หรือ “ทะเลบัวสาย” โดยเฉพาะเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นหน้าบัวสายเติบโตเต็มที่ ในช่วงเช้าจะพากันออกดอกสีแดงสดบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ เหมาะแก่การล่องเรือชมบัวเพลินๆ พร้อมมีเพื่อนร่วมทางอย่าง นกกระยาง นกอีโก้ง และฝูงนางนวล

***************************************************************

  1. นาบัว คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม

ล่องเรือชมบัวในคลองมหาสวัสดิ์ เป็นเส้นทางชมดอกไม้สวยๆ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวนิยมลงเรือที่ท่าน้ำวัดสุวรรณาราม เรือจะแล่นผ่านบ้านเรือนและเทือกสวนไร่นาของชาวบ้าน ซึ่งหากต้องการมาชมนาบัว ควรมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะนอกจากแดดจะไม่ร้อนแล้ว ยังเป็นช่วงที่บัวสวยที่สุด และได้เห็นภาพชาวบ้านกำลังตัดบัวไปขาย ที่นี่เงียบสงบเหมาะแก่การมาใช้ชีวิตสโลไลฟ์จริงๆ

เตรียมกล้องให้พร้อม ชาร์จแบตให้เต็ม เลือกพร็อพสวยๆ ไว้ ใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบตัวไม่เปียก ก็ตามเราไปเที่ยวกันค่า