เพชรบุรี เป็นอีกหนึ่งจัดหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ หรือพระวัดดัง! งานนี้ Travel.mthai เลยอยากจะชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวที่นี่กันสักหน่อย รับรองว่าไม่ผิดหวัง ^^
8 ที่เที่ยวเพชรบุรี
จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว!.
1. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย คือ 2,915 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.8 ล้านไร่ เป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบ มีเนื้อที่ประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร มีเกาะกลางแม่น้ำอยู่มากมายหลายเกาะ นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะล่องเรือชมทิวทัศน์เพื่อพักผ่อนหรือตกปลาน้ำจืดในทะเลสาบ ก็สามารถเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ
2. เขาพะเนินทุ่ง
Cr. The Never Lonely Journey
เขาพะเนินทุ่ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 50 กิโลเมตรเป็นภูเขาสูง มีบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง ในระดับความสูง 960เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบเขา มีสัตว์ป่าชุกชุม ทิวทัศน์งดงาม จากยอดเขาสามารถเห็นทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว การเดินทางต้องใช้เวลา 2 วัน พักค้างแรม 1 คืนระหว่างทาง และติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง อาหารและเต็นท์สำหรับพักค้างแรมไปเอง
3. โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
โครงการชั่งหัวมัน คือ บ้านไร่ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) อยู่ในความดูแลของ กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ให้ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
เนื้อที่ภายในโครงการกว้างสุดลูกหูลูกตา บนภูเขา มีลมโกรก เย็นสบาย และพื้นที่ทั้งหมดถูกจัดสรรทำการเกษตรเป็นอย่างดี มีทั้งแปลงพืชเศรฐกิจที่ปลูกหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะนาว มะพร้าว รวมทั้งมันเทศ และก็ยังมีส่วนของกังหัน ผลิตไฟฟ้า มีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวยสวยให้คนที่แวะมาเยี่ยมชม ได้พักผ่อน นั่งเล่นตามซุ้มเงาร่มไม้ตามอัธยาศัย
งานในโครงการแห่งนี้ มีชาวบ้านสมัครมาเป็นลูกจ้าง คอยดูแลพืชพรรณ ฟาร์มสัตว์ และช่วยกันดำเนินงาน เหมือนเป็นการสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านไปอีกทางหนึ่ง
4. แหลมผักเบี้ย
หากใครกำลังคิดอยากจะเดินทางไปเพชรบุรี และอยากสัมผัสธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์“แหลมผักเบี้ย”จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเมื่อไปเยือนแน่นอน เพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติริมทะเลที่มีหาดเลนอุดมสมบูรณ์ มีป่าชายเลนต้นโกงกางและต้นแสมขึ้นอยู่อย่างเบียดเสียดหนาแน่น จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด ตลอดเส้นทางยังพบเห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไป
อย่างเช่น ปลาตีน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั้งปลาตีนเล็กปลาตีนใหญ่ งูกินปลา ปูที่มีหน้าตาแปลกรวมทั้งยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยและเป็นทางผ่านในการอพยพในช่วงฤดูหนาวของนกสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 200 ชนิดทำให้แหลมผักเบี้ยได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกกันเลยทีเดียว…
5. พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
Cr. http://wolfza.multiply.com
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สถานที่เที่ยวสุดคลาสสิก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตั้งอยู่ ต.ห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ เป็นเรือนไทยประยุกต์ท่ามกลางบรรยากาศดี สถาปัตยกรรมสุดบรรจงสร้าง จะมองมุมกว้างหรือมุมแคบ ก็ล้วนแสดงจุดยืนอันเด่นชัด โทนสี โครงสร้าง ทุกองค์ประกอบดึงดูดใจสะกดสายตา ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหนึ่งแกลอรี่ ว่าครั้งหนึ่งเคยสัมผัสความงามในสถานแห่งนี้
6. ถ้ำเขาหลวง
Cr. ธีรชัย ธาราสุข
“ถ้ำเขาหลวง” ตั้งอยู่บนเขาหลวง จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลงถ้ำ 99 ขั้น เขาหลวงเป็นภูเขาขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 92 เมตร ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันไดหินลงไป
ที่นี่มีลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำใหญ่สูงโปร่งทอดตัวไปทางซ้ายแบ่งสัดส่วนเหมือนห้อง มีหินงอกหินย้อยที่เกิดจากน้ำหยดลงมาสวยงาม ที่ประหลาดใจสำหรับวัดถ้ำเขาหลวงแห่งนี้คือ ไม่มีกลิ่นอับชื้นของถ้ำเหมือนถ้ำทั่วไป และที่สวยสะดุดตาคือแสงที่สาดส่องจากเพดานถ้ำด้านบนสู่ด้านล่างของพื้นถ้ำบริเวณลานหน้าพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ดูศักดิ์สิทธิ์และสวยงามครับ ผมนั่งตรงนี้ใช้เวลารอแสงที่ชอบเพื่อบันทึกภาพอยู่นาน ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย
Cr. ธีรชัย ธาราสุข
Cr. ธีรชัย ธาราสุข
ปัจจุบันมีพระพุทธรูปในถ้ำรวม 170 องค์ มีเจดีย์ในถ้ำ 6 องค์ ด้านในมีองค์พระพุทธไสยาสน์ หลวงพ่อโต ไว้ให้นักท่องเที่ยวกราบไหว้บูชา และที่ฐานพระพุทธรูปองค์หนึ่งยังมีตราประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 1-5 จารึกไว้ด้วย อีกทั้งด้านในมีพระพุทธรูปปางพระนอน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 มีความยาว 14 เมตร ทราบมาว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 สร้างได้เพียง 9 เมตร และมาสร้างต่อจนเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5
7. วนอุทยานเขานางพันธุรัต
Cr. พระราชดำริ – สำนักงาน กปร
หากยังจำวรรณดีเรื่องสังข์ทองได้ดี ในตอนที่พระสังข์หลบหนีนางพันธุรัตจนเป็นเหตุให้นางต้องอกแตกตาย เพราะความรักในตัวพระสังข์นั้น จากตำนานเรื่องนี้ได้นำไปสู่การเป็นที่มาของชื่อเทือกเขาที่มีรูปร่าง คล้ายกับคนนอนหงายในยามที่มองเห็นมาแต่ไกลว่า “เทือกเขานางพันธุรัต” ซึ่งบางครั้งชาวบ้านพากันเรียกว่า “เขานางนอน” นั่นเอง
อย่างไรก็ตามเขานางพันธุรัตมีความสำคัญยิ่งกว่าการเป็นเพียงแค่สถานที่ในตำนาน ตรงที่การเป็นพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่เขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และผลลัพธ์ที่ตามมานั้นได้ทำให้ทิวเขาสีน้ำตาลแห้งแล้งถูกแทนที่ด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ ที่เติมความสดชื่นเย็นสบายในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
โดยภายในนั้นมีหลายจุดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้แวะชม เริ่มต้นจากศึกษาข้อมูลเขานางพันธุรัตจากศาลาข้อมูลที่จัดแสดงภาพต่างๆ เกี่ยวกับเขาลูกนี้ รวมทั้งการตั้งชื่อส่วนต่างๆ ของเขาตามเรื่องราววรรณคดีสังข์ทอง ต่อด้วยการเดินเล่นในสวนหย่อมที่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย
ส่วนใครที่สนใจเรื่องราวของพระสังข์ ลองเดินไปชมบ่อจำลองที่เชื่อกันว่าเป็นบ่อทองที่พระสังข์ลงมาชุบตัวแล้วเอาชุดเจ้าเงาะ รวมทั้งของวิเศษหลบหนีนางพันธุรัตไป รวมทั้งจุดต่างๆ ที่มีความเกี่ยวพันตามท้องเรื่อง เช่น กระจกหน้านางพันธุรัต เมรุนางพันธุรัต เหล่านี้เป็นต้น
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 16.00 น.
ขอบคุณข้อมูล thai.tourismthailand.org
8. พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย
พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย ตั้งอยู่ภายใน วัดข่อย ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นศาสนสถาน หรือ เสนาสนะ ที่มีการนำงานศิลปะชั้นสูงของช่างเมืองเพชร หรือ เรียกว่าช่างสิบหมู่ มาเป็นส่วนร่วมสร้างอาคาร เพื่อเทิดทูนบูชาพระพุทธศาสนาให้เกิดความสวยงามตามความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน จนเรียกได้ว่าเป็น พุทธสถานศิลป์
สถาปัตยกรรมของพระธาตุฉิมพลีฯ ดูแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั้น เป็นทรงอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีลักษณะคล้ายผ้ายันต์ที่ผนังอาคารเต็มไปด้วยอักขระพิเศษ มีพระพุทธรูปประจำอยู่ 4 ทิศ ขนาดฐานยาวด้านละ 18 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดพระธาตุ 27 เมตร มีจำนวน 3 ชั้น
ภายในจะพบกับ พระประธาน 3 องค์
- พระพุทธมิ่งมงคล (ด้านซ้าย)
- พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ (ตรงกลาง)
- พระสิวลีมหาลาภร่มเย็น (ด้านขวา)
นอกจากนี้ถ้าได้แหงนมองขึ้นไปข้างบน จะเห็น ผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักเป็นตัวอักขระขอม บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เหนือบริเวณพระประธาน ซึ่งทางพระสุเมธ อักขระขอมที่แกะสลักนั้น เป็นยันต์ของหลวงพ่อทองศุขแห่งวัดโตนดหลวง ยันต์พรหมสี่หน้า และยันต์หงส์มหาเสน่ห์ หรือหงส์เรียกทรัพย์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก หากผู้ใดมาสักการะบูชาจะได้พบแต่ความเจริญ สมหวังในหน้าที่การงาน และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น ตัวผู้สักการะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความดีด้วยเช่นกันนะ