รับส่วนลด 500 บาท! เมื่อพักที่ ธารมันตรา ชะอำ รีสอร์ท (Tara Mantra Cha Am Resort) จ.เพชรบุรี

ธารมันตรา ชะอำ รีสอร์ท (Tara Mantra Cha Am Resort) .เพชรบุรี

มอบส่วนลดทันที 500 บาท เมื่อจองโรงแรมนี้

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

ธารมันตรา ชะอำ รีสอร์ท (Tara Mantra Cha Am Resort) จ.เพชรบุรี รีสอร์ทบูติกแห่งใหม่สำหรับการพักผ่อนสุดพิเศษ ด้วยห้องพักหรูกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีไม้อุ่นและหินอ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบ Morning Suite, Soul of Spa และ Suite @ Pool ห้องพักในอุดมคติที่ตั้งอยู่บริเวณสวนร่มรื่นและสระว่ายน้ำ เพิ่มความหรูหราด้วยอ่างจากุซซี่ส่วนตัวบนเฉลียง ภายในโรงแรมล้อมรอบด้วยพืชพรรณสีเขียวชอุ่ม มีไผ่สีทองซึ่งเป็นต้นไม้ท้องถิ่น ช่วยเพิ่มมิติให้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ในขณะที่ฝาผนังตกแต่งด้วยแนวคิดของสายน้ำ ช่วยให้บรรยากาศสดชื่น เสริมด้วยการออกแบบแนวร่วมสมัยมีสไตล์ ที่ผสมผสานสีโทนอุ่นของผืนดิน เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของคุณให้รู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างแท้จริง

รายละเอียดห้องพัก
1. ห้องดีลักซ์ (Deluxe Room): จำนวน 18 ห้อง พื้นที่ขนาด 43 ตร.ม. ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นนำสมัย เน้นความโปร่งโล่ง และสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย
2. ห้องธารา ดีลักซ์ (Tara Deluxe Room): จำนวน 21 ห้อง พื้นที่ขนาด 33 ตร.ม. มองเห็นวิวสวนในเขตร้อนชื้นและสระว่ายน้ำ ห้องพักตกแต่งด้วยไม้ไผ่สีทองและสีเอิร์ธโทน ทำให้ห้องโล่งกว้างรู้สึกโปร่งสบาย
3. ห้องแฟมิลี่ ทริโอ (Family Trio)/ ห้องแฟมิลี่ สวีท (Family Suite): จำนวน 9 ห้อง เหมาะสำหรับนักเดินทางแบบครอบครัว ห้องแฟมิลี่สวีทมีขนาด 53 ตร.ม. โดยแต่ละห้องมีเตียงใหญ่ 1 เตียง และเตียงเดี่ยว 1 เตียง ห้องน้ำแยกอ่างอาบน้ำและฝักบัวอาบน้ำ ภายในโทนสีที่อบอุ่น พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ ให้เปิดรับแสงธรรมชาติอันอบอุ่นจากภายนอก
4. ห้องแกรนด์ แฟมิลี่ สวีท (Grand Family Suite): จำนวน 3 ห้อง พื้นที่ขนาด 63 ตร.ม.เป็นพื้นที่เปิดโล่งมีเตียงใหญ่และเตียงเดี่ยว ห้องน้ำมีขนาดใหญ่แยกอ่างอาบน้ำและฝักบัวอาบน้ำ มีระเบียงที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนเด็กเล่นได้
5. ห้องมินิ สวีท (Mini Suite): จำนวน 18 ห้อง พื้นที่ขนาด 48 ตร.ม. ภายในมีห้องนั่งเล่น และพื้นที่ห้องนอน แยกด้วยคอนโซลโทรทัศน์ มีระเบียงที่สามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำ อันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ชอบพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อย
6. ห้องสวีท แอด พูล (Suite @ Pool): จำนวน 3 ห้อง พื้นที่ขนาด 54 ตร.ม.และมองเห็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 3 สระ ภายในห้องพักประกอบไปด้วย ห้องนั่งเล่น ห้องนอนแยกส่วนด้วยคอนโซลโทรทัศน์ ให้ความรู้สึกที่เปิดกว้างภายในมุมสวีท และห้องน้ำที่มีสระจากุซซี่ขนาดใหญ่ พื้นที่ห้องเพียงพอสำหรับ 2 คน
7. ห้องมอร์นิ่ง สวีท (Morning Suite): จำนวน 1 ห้อง เป็นห้องที่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พร้อมวิวฝั่งตรงข้ามเป็นสวนหย่อม และสระว่ายน้ำ ผ่อนคลายด้วยจากุซซี่ขนาด 48 ตร.ม. และระเบียงชมวิวิภายนอกขนาด 48 ตร.ม. พร้อมพื้นที่นั่งเล่นภายในแยกห้องนั่งเล่นที่โปร่งสบายและห้องนอนขนาดคิงไซส์ ส่วนภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำขนาดเล็ก
8. ห้องโซล ออฟ สปา สวีท (Soul of Spa Suite): จำนวน 1 ห้อง ภายในมีอ่างอาบน้ำหินส่วนตัว และเตียงอาบแดดขนาด 48 ตร.ม.ระเบียงภายนอกเป็นแบบ”โซล ออฟ สปา” สัญลักษณ์ของธารา มันตรา ชะอำ พื้นที่ภายในแยกเป็นห้องนอนและห้องพักกลางวัน ส่วนห้องโซล ออฟ สปาเป็นห้องนั่งเล่นที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนแบบใหม่
9. ห้องบาซิล สวีท (Basil Suite): จำนวน 1 ห้อง ห้องพักแบบใหม่ที่มอบความเป็นส่วนตัว ภายในพื้นที่ขนาด 48 ตร.ม. ด้วยห้องนอน ห้องนั่งเล่น และเพิ่มเติมพื้นที่อีก 48 ตร.ม. เป็นสวนสมุนไพรและพืชสวนกลางแจ้ง มาพร้อมศาลาแบบไทย และเปลญวน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบนอนพักสบายๆแบบใกล้ชิดธรรมชาติ หรือผู้ที่ต้องการจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัวแบบครอบครัว
10. ห้องรอยัล ธารา สวีท (Royal Tara Suite): จำนวน 1 ห้อง เน้นความหรูหราในแบบ “รอยัลธาราสวีท” บนพื้นที่ชั้นบนสุดขนาด 82 ตร.ม. สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำทั้ง 3 สระ และสวนเขตร้อน ภายในแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องน้ำที่เปิดไปสู่ระเบียง ซึ่งผู้เข้าพักจะสัมผัสได้ถึงความสงบสุขและการผ่อนคลายอย่างแท้จริง

 

สถานที่ตั้ง
ธารามันตรา ชะอำ รีสอร์ท ตั้งอยู่ห่างจากหาดชะอำเพียง 30 เมตร การเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้ขับรถมาตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปทางหาดชะอำ เมื่อถึงทางแยกเข้าหาดชะอำ ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปจนสุดทาง จะพบทางแยกให้เลี้ยวซ้ายและตรงไปประมาณ 1.5 กม. รีสอร์ทจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ (ติดกับโรงแรมลองบีชชะอำ)

ห้องพักแบบ Deluxe

ห้องพักแบบ Family Suite

ห้องพักแบบ Mini Suite

ห้องพักแบบ Royal Tara Suite

ห้องพักแบบ Suite @ Pool

ห้องพักแบบ Superior

ห้องพักแบบ Tara Deluxe

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดชำระค่าห้องพักตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Travel Guru เท่านั้น

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-7008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

ระยะเวลา: วันนี้ – 30 พ.ย. 61

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/cha-am/tara-mantra-cha-am-resort.html

เที่ยวสมุทรสงคราม 13 สถานที่เด็ด เมืองแม่กลอง มีเวลาน้อยก็ชิลล์ได้

Travel Mthai อาสาพา เที่ยวสมุทรสงคราม จังหวัดใกล้กรุงเทพ ที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย มีเพียง 3 อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที ชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนที่นี่มีความผูกพันกับแม่น้ำแม่กลองมาตั้งแต่อดีต จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองสายน้ำสามเวลา”

เที่ยวสมุทรสงคราม 13 สถานที่เด็ด
เมืองแม่กลอง มีเวลาน้อยก็ชิลล์ได้

แล้วเพื่อนๆ รู้หรือไม่ ว่านอกจากตลาดน้ำอัมพวาอันโด่งดัง ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ตลาดบก ตลาดน้ำ หรือเที่ยวป่าชายเลน ก็น่าสนใจทีเดียว สำหรับใครที่อยากนอนค้างแนบชิดติดริมน้ำ และธรรมชาติ ก็มีโฮมสเตย์ให้เลือกหลายหลังเลยล่ะค่ะ รับรองว่าทริปเที่ยวสมุทรสงครามครั้งนี้ ได้อะไรอันซีน แปลกใหม่ กลับไปแน่นอน

1. ตลาดน้ำอัมพวา

ขอบคุณรูปภาพจาก TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง

ตลาดน้ำอัมพวา จุดหมายปลายทางยอดฮิตเมื่อไป เที่ยวสมุทรสงคราม เป็นตลาดริมแม่น้ำ ที่เปิดขายตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึนดึก แต่จะครึกครื้นมากเป็นพิเศษช่วงเย็นเป็นต้นไป  ชาวบ้านจะพายเรือนำสินค้ามาขายหลากหลายชนิด บ้างก็วางขายริมสองฝั่งคลอง ทั้งอาหารไทย อาหารทะเล ผลไม้ พืชผัก ขนม ของกินของใช้ ของฝาก ของที่ระลึก ให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ ยังมีเรือบริการพาชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม จะมีหิ่งห้อยเยอะที่สุด

เวลาเปิดปิด เปิดทุกวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 .
ที่ตั้ง ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

2. วัดบางกุ้ง

มาเที่ยว สมุทรสงคราม ต้องแวะเที่ยววัดบางกุ้ง เพราะเป็น 1 ใน unseen  thailand ด้วยมีต้นไทรปกคลุมรอบพระอุโบสถ ด้านในมีพระพุทธรูปให้ขึ้นไปปิดทองพระขอพร เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” มีผู้ให้ความเคารพศรัทธาจำนวนมาก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินมหาราชและหุ่นนักมวยแห่ง ค่ายบางกุ้ง ด้วย ที่วัดบางกุ้งนี่เองตามประวัติศาสตร์ ระบุว่า เคยเป็นที่ตั้งของค่ายทหารช่วงสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 และเป็นค่ายทหารของพระเจ้าตากสิน

เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00
ที่ตั้ง : ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

3. วัดบางกะพ้อม

ขอบคุณรูปภาพจาก citieshiddengemsthailand

เป็นวัดเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าเข้าไปชมคือภายในวิหารเก่าของวัด ซึ่งมีความสวยงามวิจิตรด้วยอิทธิพลการตกแต่งแบบจีน ผนังวิหารเป็นปูนปั้นลวดลายนูน แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธประวัติที่หาดูได้ยาก ส่วนผนังวิหารด้านล่างมีช่องเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป และตรงกลางวิหารมีรอยพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่สีรอยซ้อนกัน

ที่ตั้ง :  ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

************************************************************************

4. ตลาดร่มหุบ

ขอบคุณรูปภาพจาก : thailandscanme

ตลาดร่มหุบ หรือ ตลาดแม่กลอง แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตาย เป็นตลาดที่ติดอยู่กับ สถานีรถไฟแม่กลอง สายแม่กลอง – บ้านแหลม โดยพ่อค้าแม่ค้า จะตั้งแผงสองข้างทางรถไฟ ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนน สำหรับจับจ่ายซื้อของ สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ก็คือ เวลาที่รถไฟกำลังจะมา เหล่าพ่อค้าแม่ค้าจะรีบเก็บของและหุบร่มอย่างรวดเร็ว เมื่อรถไฟผ่านไป ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวมาก ไม่ใช่แค่คนไทย แต่ดังไกลไปทั่วโลก

ถ้าใครอยากมาเที่ยวที่นี่ เพื่อดูร่มหุบแล้วล่ะก็ คงต้องมากันให้ถูกเวลา กำหนดเวลาเดินรถไฟสายแม่กลองบ้านแหลม เวลาเข้าออก (จำนวน 2 โบกี้)คือ ออก : 6.20 .,9.00 . ,11.30 .,15.30 . เข้า :8.30 . 11.10 .15.30 .

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-17.00 .
ที่ตั้ง : ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

************************************************************************

5. โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์

ขอบคุณรูปภาพจาก : อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์

เป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้สำนักงานมูลินิธิชัยพัฒนานำที่ดินของคุณประยงค์ นาคะวะรังค์ มาดำเนินการพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนอัมพวา ภายในโครงการแบ่งเป็น พื้นที่สวนชัยพัฒนานุรักษ์ , ลานวัฒนธรรมนาคะวะรังค์ และลานสวนชัยพัฒนานุรักษ์ , ร้านชุมชนของโครงการฯ , ร้านชานชาลา และ ห้องนิทรรศการชัยพัฒนานุรักษ์

เวลาเปิดปิด : 08.00 – 17.00 .
ที่ตั้ง ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

************************************************************************

6. ดอนหอยหลอด

ขอบคุณรูปภาพจาก : thai.tourismthailand

ดอนหอยหลอด มีลักษณะเป็นสันดอนที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำแม่กลอง เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทราย หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า”ทรายขี้เป็ด” บริเวณสันดอนมีหอยอาศัยอยู่หลายชนิด ได้แก่ หอยลาย หอยปุก หอยปากเป็ด หอยแครง และโดยเฉพาะหอยหลอดมีมากที่สุด ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว คือ ประมาณเดือนมีนาคมพฤษภาคม เพราะระดับน้ำจะลดลงนานกว่าเดือนอีก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือบริเวณศาลาอาภร (ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพรเขตตอุดมศักดิ์) เพื่อนั่งเรือไปชมดอนหอยหลอด หรือลองเก็บหอยเอง ก็น่าสนุกไม่น้อย

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 .
ที่ตั้ง ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

7. คลองโคลน

แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ป่าชายเลนคลองโคลน  นอกจากจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านในการเลี้ยงหอยนางรม หอยแมลงภู่กลางทะเล และทำเคย(กะปิ) อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสนุกไปกับกิจกรรมถีบกระดานเลน เก็บหอยแครง หอยตลับ นั่งเรือชมป่าชายเลน ชมฟาร์มหอย แวะให้อาหารลิงแสมตัวน้อย และร่วมกันปลูกต้นแสม ต้นลำพู เพื่อช่วยฟื้นฟูป่าชายเลน ทั้งยังเป็นการช่วยสร้างแหล่งอาหารให้สัตว์ทะเลอีกด้วย

ที่ตั้ง ตำบล คลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

8. พิพิธภัณฑ์บ้านขนมไทย

นี่คือพิพิธภัณฑ์ขนมไทยที่มีชีวิตแห่งแรกของประเทศไทย ภายในจัดแสดงขนมไทยหลากหลายชนิด ที่จำลองขึ้นมาได้ใกล้เคียงของจริงที่สุด แบ่งโซนตามยุคสมัยถือกำเนิดและตามประเพณีวัฒนธรรมการกินของคนไทยรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา ไล่เรียงมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น ขนมต้มแดงต้มขาว ขนมมงคล 9 อย่าง ขนมหวานในหม้อดิน ฝอยทอง สังขยา หม้อแกง ขนมผิง, มัศกอด, รังไร (ขนมลำเจียกรวมไปถึงขนมในยุคที่เป็นปัจจุบันขึ้นมาอีกนิด เช่น ขนมโหล ขนมแห้งที่เก็บไว้กินได้นาน จำพวกฟักเชื่อม มะตูมเชื่อม ขนมโก๋ ฯลฯ

ขอบคุณภาพจาก : thai.tourismthailand

นอกจากนี้ยังมีในส่วนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำขนม และผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นที่ใช้กับขนมไทย ตลอดจนพาหนะขายขนมสมัยโบราณ อย่าง จักรยานสามล้อพ่วงหาบเร่ เรือพายขายขนม เป็นต้น

เวลาเปิดปิด : เปิดให้ชมฟรี ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 . – 19.00 .
ที่ตั้ง : เทศบาลตำบลอัมพวา 17, อาคารอเนกประสงค์, ถนนโชติธำรงค์, ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

9. อาสนวิหารแม่พระบังเกิด

ขอบคุณภาพจาก : citieshiddengemsthailand

สัมผัสสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคหนึ่งเดียวท่ามกลางหมู่เจดีย์และกำแพงแก้วของศาสนาพุทธ ณ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอายุเก่าแก่กว่า 120 ปี งดงามด้วยภาพเขียนกระจกสีจากฝรั่งเศสและลวดลายปูนปั้นแกะสลักรูปนักบุญต่างๆ

จุดสำคัญอีกอย่างคือ ประตูโบสถ์ที่มีแผ่นดีบุกแกะสลักเป็นภาพโมเสสยกไม้เท้าขึ้นเหนือทะเลแดงทำให้เกิดทะเลแหวก ส่วนผสมทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้โบสถ์บางนกแขวกเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามตรึงใจ เพราะเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธาในอดีตที่ยังสัมผัสได้ถึงปัจจุบัน

เวลาเปิดปิด :  วันพุธวันเสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 .
วันอาทิตย์ เปิดเวลา 10.00 – 16.00 .

ที่ตั้ง ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ข้อมูลจาก : citieshiddengemsthailand

*************************************************************************

10. ตลาดน้ำท่าคา

ขนมเบื้องโบราณ

ตลาดน้ำท่าคา เป็นตลาดน้ำแบบ Local จริงๆ ใครที่ไม่ชอบอะไรปรุงแต่ง แนะนำไปที่นี่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่มีอาชีพทำสวน ปลูกผักผลไม้ต่างๆ  แม่ค้าจะเอาผลไม้ อาหาร ก๋วยเตี๋ยว ขนมเบื้องโบราณ ใส่เรือพายมาขาย เตาถ่านควันโขมงกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วคลอง โดยจะขายตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงช่วงสายๆ เท่านั้น

เวลาเปิดปิด : เปิดเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ หรือ วันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ 12 ค่ำ (ทุก ๆ 5 วัน) ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00–11.00 .
ที่ตั้ง : ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

11. ตลาดน้ำบางน้อย

โรตีแต้จิ๋ว

ใครยังไม่หนำใจกับวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง เราแนะนำให้นั่งรถมาต่อที่ตลาดน้ำบางน้อย ที่นี่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง มีสถานที่ให้อาหารปลา ของกินเพียบ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวรสชาติเด็ด ขนมจีนน้ำยา และของกินหายากอย่างโรตี สูตรแต้จิ๋ว ที่หากินได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น !! นอกจากนี้ยังมีขนมโบราณสัมปณี รสชาติเหนียวนุ่ม หวานมัน จุดถ่ายรูปน่ารักๆ ของตลาดน้ำบางน้อย จะมีสะพานไม้เล็กๆ ข้ามฝั่งไปจะมีซุ้มจัดไว้ให้ถ่ายรูป หรือหากยืนตรงสะพานมองลงไปก็จะเห็นเรือพายและต้นลำพูเก่าแก่ที่อยู่ริมตลาดน้ำด้วย

เวลาเปิดเปิด : เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-15.00 .
ที่ตั้ง ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

12. ตลาดน้ำสามอำเภอ

ที่ตั้งของ ตลาดน้ำสามอำเภอ หรือ ตลาดถนนเพลินเพลง คาบเกี่ยวอยู่ 2 อำเภอ ใน 2 จังหวัด คือ อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี อำเภออัมพวา และ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ทุกวันเสาร์อาทิตย์ พ่อค้าแม่ค้าจะพายเรือบรรทุกสินค้ามาขาย บ้างก็ขายบนฝั่ง มีทั้งพืชผัก ผลไม้ สินค้าโอท็อป สินค้าหัตถกรรม อาหารไทยต้นตำรับ ขนมหวานชาววัง นอกจากนี้บริเวณบ้านเรือนไม้ริมน้ำ ยังเปิดขายสินค้าของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า และให้เราเยี่ยมชมอาคารบ้านเรือนในสมัยยุครัตนโกสินทร์ตอนกลาง แบบไม่เสียตังค์ด้วย

เวลาเปิดปิด เปิดทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา  13.00 – 21.00 .
ที่ตั้ง ริมคลองแควอ้อม เชื่อมระหว่างตำบลวัดเพลง อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี , ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา และตำบลปราโมท อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

*************************************************************************

13. อุทยาน ร.2

ขอบคุณรูปภาพจาก : thailandscanme

อุทยาน .2 หรือ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง เด่นสง่าด้วยเรือนไทยหมู่ 5 หลัง จัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของร.2 และศิลปวัตถุในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ที่สะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ และศิลปะวัฒนธรรมของชาวไทยในสมัยนั้น

นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา ที่จัดแสดงถึงเอกลักษณ์ต่างๆ ของอำเภออัมพวา ทั้งเรื่องวิถีชุมชนริมน้ำ เกษตรกรรม และการประมงพื้นบ้าน  รวมถึงโรงละครกลางแจ้ง ใช้จัดการแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่งสำหรับงานประจำปีของอุทยานฯ และสวนพฤกษชาติที่รวบรวมพันธุ์ไม้ในวรรณคดีกว่า 140 ชนิด

วันเวลา : วันจันทร์ศุกร์ เปิดเวลา 08.30-17.00 .
วันเสาร์อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30-17.30 .

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
ที่ตั้ง : ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

7 ทริป เที่ยวเมืองรอง ไม่ไกลกรุง ไปกลับง๊ายง่าย วันเดียวเที่ยวสบาย

กระแส เที่ยวเมืองรอง กำลังมาแรงเหลือเกิน แถมมีให้เลือกเที่ยวตั้ง 55 จังหวัด ทั้งยังสามารถนำใบเสร็จจากค่าใช้จ่ายแพคเกจทัวร์ หรือค่าห้องพักโรงแรม มาหักค่าลดหย่อนภาษีได้อีก วันนี้เราเลยมี 7 ที่เที่ยวเมืองรอง ใกล้กรุงเทพฯ มาแนะนำกัน สำหรับคนมีเวลาน้อย แต่ชีพจรลงเท้าอยากเที่ยวม๊ากมาก บอกเลยว่าเมืองรองนั้นเด็ดและสวยไม่แพ้เมืองหลัก งานนี้ได้ทั้งท่องธรรมชาติ ไหว้พระ ช้อปฟิน กินกระจาย แน่นอน

7 ทริป เที่ยวเมืองรอง ไม่ไกลกรุง
ไปกลับง๊ายง่าย วันเดียวเที่ยวสบาย

1. อ่างทอง

จังหวัดอ่างทอง เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม ใครเป็นสายบุญก็อย่าพลาดไปกราบไหว้ พระนอนวัดขุนอินทประมูล องค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย หรือจะเป็นวัดม่วง ที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และชมความอลังการของพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง ที่ตั้งตระหง่านทองอร่ามมาแต่ไกล ณ วัดท่าอิฐ

ส่วนใครสายกิน ก็มีคาเฟ่ชิคๆ หลายร้าน เอาแบบบรรยากาศดีติดวิวทุ่งนาก็ต้อง มะขามคาเฟ่ ร้านกาแฟสไตล์บ้านๆ แต่รสชาติอร่อยล้ำ แล้วไปฝากท้องกันต่อที่ตลาดวิเศษชัยชาญ ตลาดโบราณที่อัดแน่นด้วยขนมของกินมากมาย รับรองว่าอิ่มแถมได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

2. ลพบุรี

เมืองแห่งลิง จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากลพบุรี ที่นี่เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพราะเดิมเคยเป็นเมืองสำคัญตั้งแต่สมัยทวารวดี เรียกว่า เมืองละโว้ ปัจจุบันยังเหลือซากอารยธรรมและโบราณสถานอยู่หลายแห่งให้ได้เห็น เช่น พระปรางค์สามยอด ศาลพระกาฬ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์) และวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

สำหรับใครชอบเที่ยวธรรมชาติ ลพบุรีก็มีดีไม่แพ้ใคร ทั้งทุ่งทานตะวันที่พร้อมใจกันบานเหลืองอร่ามในช่วงฤดูหนาว น้ำตกวังก้านเหลืองที่มีลำธารใสเหมือนมรกต หรือลงเล่นน้ำคลายร้อนที่อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ทะเลน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และที่ไม่อยากให้พลาดเลยก็คือ การนั่งรถไฟข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อันซีนกับวิวทิวทัศน์รอบสันเขื่อน ในระยะทางไป – กลับกว่า 10 กิโลเมตร

ส่วนใครตั้งใจมาทำบุญ เราก็อยากแนะนำให้ไปที่ วัดเขาวงพระจันทร์ ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท บนยอดเขาสูง ด้วยการขึ้นบันได 3,790 ขั้น ฟังปุ๊ปคงร้อง โอ้โห! ตามๆ กัน แต่เมื่อขึ้นไปได้สำเร็จ นอกจากจะได้บุญใหญ่แล้ว ยังมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำรูปหัวใจเบื้องล่าง และทิวทัศน์ที่สวยงามได้กว้างไกลสุดสายตาอีกด้วย

3. สุพรรณบุรี

ขอบคุณรูปภาพจาก suphan.biz

สุพรรณบุรี อีกหนึ่งเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีศาสนสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย สามารถไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ อาจเริ่มต้นทริปด้วยการมากราบไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดป่าเรไลย์ ต่อด้วยสักการะพระพุทธบาทสี่รอย กราบไหว้หลวงปู่คงปรมาจารย์ขุนแผน ทึ่งไปกับต้นมะขามยักษ์อายุนับร้อยปีที่วัดแค  แล้วเดินทางต่อไปยัง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ ถิ่นยุตหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

แวะเติมพลังและซื้อของฝาก ที่ตลาดสามชุก หรือ ตลาดเก้าห้อง ทั้งสองแห่งเป็นตลาดเก่าแก่ บรรยากาศคลาสสิค ชาวบ้านจะนำข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ มาวางขาย มีอายุหลายสิบปี รวมถึงขนมโบราณหาทานได้ยาก และยังได้สัมผัสวิถีดั้งเดิมของชุมชนอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก thai.tourismthailand

ขับรถเลยไปหน่อยก็ถึง บึงฉวาก ด้านในมีทั้งโซนสวนสัตว์ อุทยานผักพื้นบ้าน อุโมงค์ปลาน้ำจืด และบ่อจระเข้น้ำจืด จบทริปสุพรรณวันเดย์ด้วยการไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่เขื่อนกระสวย หรือใครจะลองจัดทริปสองวัน เราก็แนะนำให้ขึ้นไปนอนกางเต็นท์ชมดาว ตื่นเช้ามาสัมผัสทะเลหมอกที่อุทยานแห่งชาติพุเตย ธรรมชาติสวยงามจับตา อากาศหนาวเย็นจับใจ

4. นครนายก

ขับรถจากกรุงเทพฯ มาไม่ไกล เพียงชั่วโมงเศษๆ ก็ได้สูดอากาศดีๆ เข้าปอด ที่จังหวัดนครนายก มีธรรมชาติหลายรูปแบบให้สัมผัส อยากเล่นน้ำตกก็มี น้ำตกวังตะไคร้ น้ำตกสาริกา น้ำตกธารรัตนา น้ำตกคลองมะเดื่อ อยากทำกิจกรรมเบาๆ ก็ไปที่อ่างเก็บน้ำวังบอน มีให้เลือกทั้งพายเรือคายัค และปั่นจักรยานชมวิว

นอกจากนี้ยังมีวัดดังอย่าง หลวงพ่อปากแดง  มุมถ่ายรูปสวยที่ ซุ้มป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม และห้ามพลาดสถานที่สำคัญอย่าง เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ชมวิวเหนือสันเขื่อนเท่านั้น ยังสามารถเช่าเรือหางยาวออกไปชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนได้ด้วย หรือจะล่องแก่งเรือยางก็น่าสนุกไม่น้อย

ยิ่งในช่วงหน้าฝน จะเห็นวิวสองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี ไปชมเต็มๆ ตาได้ที่ ภูกะเหรี่ยง และ สะพานทุ่งนามุ้ย สองที่เที่ยวที่มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวไปตามท้องนา ให้เดินเล่น ถ่ายรูปกันชิลล์ๆ

5. ราชบุรี

หากพูดถึงจังหวัดราชบุรี หลายคนคงนึกถึง แกะน้อยขนปุย กับทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างไกลเป็นฉากหลัง เหมือนจำลองบรรยากาศแบบสวิตเซอร์แลนด์มาไว้ที่สวนผึ้ง ความจริงแล้วราชบุรีมีดีกว่าที่คิดซะอีก ทั้งอุทยานเขาหินงู, ถ้ำเขาบิน, มาลัยฟาร์ม ณ ดำเนินสะดวก, Secret Space, ตลาดน้ำเวเนโต้, ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก, ธารน้ำร้อนบ่อคลึง และแวะชิมเมล่อนหวานๆ พันธุ์ญี่ปุ่นที่ Coro Field

แถมราชบุรียังเป็นถิ่นคนอาร์ต ใครชอบศิลปวัฒนธรรมไทยก็ไปชมกันได้ที่โรงมหรสพหนังใหญ่วัดขนอน รวมถึงที่เที่ยวเปิดใหม่อย่าง ณ สัทธา อุทยานไทย ซึ่งอยู่ทางเดียวกับไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือใครชอบแนว Street Art  เท่ๆ ก็ไปที่อำเภอบ้านโป่ง มีหลายจุดให้ถ่ายรูปกันไม่หวาดไม่ไหว เรียกว่ามาจังหวัดเดียว ทั้งเที่ยวอิ่ม กินจุก นอนสบาย ครบรสมากจริงๆ

6. สมุทรสงคราม

เมื่อพูดถึงสมุทรสงคราม เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักตลาดน้ำอัมพวา แหล่งรวมของดี ของอร่อย สินค้าโอทอป และของที่ระลึก ตกดึกก็มีเรือบริการพาชมหิ่งห้อยด้วย หรือแวะเที่ยววัดบางกุ้ง ชมโบสถ์ Unseen Thailand ที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไทร  ต่อด้วยไปลุ้นระทึกกับขบวนรถไฟที่วิ่งผ่าน ตลาดร่มหุบ ชาวบ้านกางร่ม หุบร่มกันอย่างรวดเร็ว อย่างกับเล่นมายากล หรือเที่ยวอุทยาน ร.2 เรียนรู้วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านไทยในสมัยรัตนโกสินทร์

7. สิงห์บุรี

เยือนถิ่นวีรชนคนกล้า จังหวัดสิงห์บุรี และยังเป็นผืนดินที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ล้อมรอบไปด้วยวัด วิหาร และปูชนียสถานที่สร้างขึ้นตามแรงศรัทธา รวมทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งเกษตรกรรม ทั้งบนดิน และผืนน้ำ ตามคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนปลาแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง

ขอบคุณภาพจาก : thailandtourismdirectory

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน, วัดโพธิ์เก้าต้น, ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน, วัดพิกุลทองพระอารามหลวง, วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร, วัดกระดังงาบุปผาราม, อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี เป็นต้น