8 สถานที่ เที่ยวอีสาน มหัศจรรย์หนึ่งเดียวของประเทศ

8 สถานที่ เที่ยวอีสาน
มหัศจรรย์หนึ่งเดียวของประเทศ

อีสาน หรือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภูมิภาคที่มีความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 168,854 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 จังหวัด เหตุที่ภาคอีสาน ถูกขนานนามว่า “ดินแดนที่ราบสูง” เนื่องมาจากอีสานทั้งภาคเป็นที่ราบ แต่ยกตัวสูงเป็นขอบแยกตัวออกจากภาคกลางอย่างชัดเจน เรียกว่าที่ราบสูงโคราช แต่เข้ามาข้างในตอนกลางของภาคจะมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ บริเวณแถบลุ่มแม่น้ำชีและมูล โดยมียอดภูหลวง ที่มีความสูง 1,571 เมตร ในจังหวัดเลย เป็นภูเขาสูงที่สุดของภาค

นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังเป็นแหล่งเรียนรู้อู่อารยธรรม จึงดึงดูดนักโบราณคดี ทั้งไทยและเทศ มาตามรอยค้นหาอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองในอดีต จนมีค้นพบหลักฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์อีกหลายอย่าง จากหลายจังหวัด จึงเป็นข้อมูลยืนยันได้ว่า ภาคอีสาน นอกจากมีพื้นที่มีความหลายทางธรรมชาติแล้ว ยังอุดมไปด้วยหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ อีกด้วย โดยมี 8 สถานที่ มหัศจรรย์ที่เที่ยวยอดนิยม ต่อไปนี้ ที่ไม่สามารถจะพบได้ นอกจากมา เที่ยวอีสาน เท่านั้น!

1. จูราสสิกพาร์คเมืองไทย

ท่องดินแดนไดโนเสาร์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบกระดูกไดโนเสาร์มากมาย รวมถึงสายพันธุ์ใหม่ของโลก ได้ที่ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่น และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว อ.สารขันธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สมบูรณ์ที่สุด ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

2. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง

เรียนรู้โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 5,000 ปี ได้จาก “แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง” อ.หนองหาน จ.อุดรธานี อีกหนึ่งในมรดกโลก แหล่งขุดพบโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเครื่องปั่นดินเผาของที่นี่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แสดงถึงความเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความเจริยญทางวัฒนธรรมอาศัยอยู่หนาแน่นมาหลายพันปี

3. มหัศจรรย์พนมรุ้ง

ชมปราสาทหินที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย และชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ แสงตะวันส่องทะลุประตู 15 ช่อง ที่ประสาทหินพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 (เมษายน) ของทุกปี ชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้นมาชมความหัศจรรย์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างของบรรพชน จนกลายเป็นงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัด

4. สามพันโบก

ตื่นตากับธรรมชาติอันวิจิตรที่แก่งหิน “สามพันโบก” แหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตของจังหวัดอุบลราชธานี ประติมากรรมหินทรายที่เกิดจากแรงวนน้ำกัดเซาะเมื่อหลายพันปี เกิดเป็นแอ่งเล็กแอ่งใหญ่มากกว่า สามพันแอ่ง หรือ สามพันโบก (ในภาษาอีสาน) ในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินนี้จะจมอยู่ใต้ลำน้ำโขง ประมาณเดือนมิถุนายน แก่งหินจะโผล่พ้นน้ำอวดความงามให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม

5. น้ำตกแสงจันทร์ Unseen in Thailand
ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

น้ำตกงามในฉากโฆษณาชุดสุวรรณภูมิ ที่พรั่งพรูจากรูหินเหนือเพิงถ้ำ มองดูคล้ายแสงจันทร์สาดส่องลงมาสู่โลก อีกทั้งเมื่อสายน้ำกระทบสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง ยังกระจายตัวเป็นรูปหัวใจสีขาวน่าอัศจรรย์

6. กุ้งเดินขบวน แห่งอุบล

สุดทึ่งกับขบวนปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวน ตลอดเดือนกันยายนของทุกปี ในช่วงเวลากลางคืน บริเวณน้ำตกแก่งลำดวน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จะปรากฏเหตุการณ์มหัศจรรย์ เมื่อบรรดากุ้งน้ำจืดขนาดเล็ก หรือกุ้งฝอยนับล้านๆ ตัว ต่างพากันพร้อมใจเดินพาเหรด บนพลาญหิน ลานพันรู ระยะทางประมาณ 30 เมตร เพื่อหลบความรุนแรงของกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของน้ำตกแก่งลำดวน มุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูง “สามเหลี่ยมมรกต” ไปยังแหล่งต้นน้ำ เพื่อไปวางไข่ และผสมพันธุ์ ที่ต้นน้ำบนเทือกเขาพนมดงรัก

7. บั้งไฟพญานาค

บั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าพิศวง มนต์ขลังแห่งความมหัศจรรย์ในดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ในวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ลูกไฟสีชมพูพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขง สู่อากาศสูงประมาณ 20-30 เมตร แล้วหายไป ท่ามกลางความเชื่อและความนับถือพญานาคสืบเนื่องกันมา ตั้งแต่บรรพบุรุษยาวนานนับพันปี

8. มอหินขาว

มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาภูแลนคา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เสาหินและแท่งหินที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง จากการบอกเล่าถึงความแปลกประหลาดอัศจรรย์ที่มีคนเคยเห็นว่า ก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ และ 8 ค่ำ) คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น จึงเรียกที่นี่ว่า มอหินขาว

ความมหัศจรรย์ในแผ่นดินอีสานยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างรอการเปิดตัว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาพิสูจน์ด้วยตาคุณเอง..

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศ
ขอบคุณรูปภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี
เรียบเรียงโดย Travel MThai

Tokyo DisneySea เปิดโซนใหม่ธีม Frozen-Tangled-Peter Pan รอชมปี 2022

สำหรับใครที่กำลังจะไปญี่ปุ่น แล้วมีแพลนเที่ยวโตเกียว คงมีลิสต์ที่เที่ยวอย่าง โตเกียวดิสนีย์ซี(Tokyo DisneySea) อยู่ในใจแน่ๆ สวนสนุกในฝันของคนทุกเพศทุกวัย เพราะมีทั้งเครื่องเล่น การแสดง โรงละคร และร้านขายสินค้า ตุ๊กตาน่ารักๆ ที่ทำเอาแฟนดิสนีย์ใจละลาย เงินก็ละลายไปด้วย >< ล่าสุด โตเกียวดิสนีย์ซี มีแผนสร้างโซนเพิ่มแล้วด้วยค่า เราขอนำภาพจำลองมาให้ดูกัน

Tokyo DisneySea เปิดโซนใหม่ธีม
Frozen-Tangled-Peter Pan

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) อยู่ในเขตชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.. 2544 ในพื้นที่รวมที่เรียกว่าโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท มีแนวคิดหลักของพื้นที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น เมืองเวนีส ลำธารน้ำ ทะเล เรือไททานิก ถ้ำใต้น้ำในปล่องภูเขาไฟ เมืองในป่าดิบชื้นแถบอเมริกากลาง เงือกและเมืองบาดาล เป็นต้น

และวันนี้ก็ถึงเวลาเหมาะสม หลังจากอยู่มอบความสนุกให้กับเรามานานเกือบ 20 ปี โตเกียวดิสนีย์ซี เตรียมขยายพื้นที่โซนที่ 8 โดยใช้ธีมจากภาพยนตร์ชื่อดังของ Walt Disney ทั้ง 3 เรื่อง คือ Frozen, Tangled (Rapunzel) และ Peter Pan ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า ‘น้ำพุวิเศษจะนำทางสู่โลกแห่งดิสนีย์แฟนตาซี”

ประเดิมกันที่โซนแรก Frozen ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศจำลองของอาณาจักรอเรนเดล พร้อมล่องเรือไปในโลกแฟนตาซีกับเอลซ่าและแอนนา เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงโปรดจากภาพยนตร์ และอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารสุดพิเศษในปราสาทอเรนเดล

อีกหนึ่งภาพยนตร์ขวัญใจน้องๆ หนู อย่าง Tangled หรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ Rapunzel หอคอยของราพันเซลที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าอันสวยงาม เพลิดเพลินเริงร่าไปกับราพันเซลที่จะพาเราไปดูเทศกาลโคมลอย (Lantern Festival) นั่งเรือกอนโดล่า แหงนหน้าชมโคมลอยฟ้าแสนโรแมนติก ก่อนแวะไปร้านอาหารที่ถอดแบบมาจากแหล่งกบดานของกลุ่มโจรจอมแสบ ตัวละครในเรื่อง

มาถึงโซนสุดท้าย Peter Pan  ผจัญภัยในดินแดน Never Land ที่ที่เรือโจรสลัดของกัปตันฮุค และภูเขาหินหัวกะโหลก มีอยู่จริงๆ ซึ่งด้านในจะมีเครื่องเล่นให้เราได้โบยบินเหนือผืนป่าเนเวอร์แลนด์ แล้วต่อสู่กับกัปตันฮุค จอมร้ายกาจ เพื่อช่วยเหลือจอห์น น้องชายของเวนดี้ ที่ถูกจับตัวไป จากนั้นเข้าไปสัมผัสโลกของ Pixie Hollow ดินแดนเวทย์มนต์ ที่ทิงเกอร์เบลและเพื่อนพรายของเธออาศัยอยู่

ไม่เพียงแค่พัฒนาสวนสนุกขึ้นใหม่ ยังลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ด้วย ที่เขาว่าหรูหราที่สุดในบรรดาโรงแรมทั้งหมดของ Tokyo Disney Resort เลยล่ะ บริการห้องพักสุดพิเศษมากถึง 475 ห้อง รวมทั้งมีห้องอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พื้นที่สีแดงคือโซนที่จะสร้างใหม่

อดใจรอกันยาวๆ เพราะกำหนดการสร้างบอกว่าเริ่มปี 2022 นู่นแหนะ ส่วนกำหนดการสร้างเสร็จยังไม่แน่นอน ยังไงก็เก็บตังค์ตุนไว้เยอะๆ ก่อนนะ เปิดตัวเมื่อไหร่ก็บินไปประเดิมวันแรกเลยจ้า

การเดินทาง :
การเดินทางสามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี เช่น โดยรถไฟ ให้นั่งมาลงที่สถานี Maihama ที่ตั้งอยู่บนสาย JR Keiyo และ JR Musashino หรือรถบัสจากสถานีโตเกียวที่ทางออก Central Yaesu ที่ป้ายหมายเลข 1 (ใช้เวลาเพียง 15 นาที)

วันเวลาเปิดปิด :
จันทร์ศุกร์ เวลา 9.00 – 22.00
เสาร์อาทิตย์ เวลา 8.00-22.00

ขอบคุณข้อมูลจาก : anngle , tiewyeepoonsapparot
เรียบเรียงโดย : travel.mthai

“Sanctuary Cafe and Restaurant” ร้านอาหารที่ดัดแปลงมาจากบ้านอายุกว่า 100 ปี

ร้านอาหารที่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ออกมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ บรรยากาศร่มรื่น หนีความวุ่นวายมาพักใจใกล้ๆ ที่ร้านอาหาร Sanctuary Cafe and Restaurant .ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ร้านอาหารที่ดัดแปลงจากบ้านที่มีอายุกว่า 100 ปี นำมาทำใหม่ แต่ยังคงความเป็นวินเทจอยู่ แต่มาทำให้แข็งแรงขึ้นเท่านั้นเอง

Sanctuary Cafe and Restaurant
ร้านอาหารที่ดัดแปลงมาจากบ้านอายุกว่า 100 ปี

ตัวร้านเป็นสีขาวและรอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ ปกคลุมด้วยใบไม้สีเขียวร่มรื่น โดยเฉพาะต้นจามจุรีใหญ่ ที่เด่นตระหง่านอยู่กลางสวน

สำหรับใครที่อยากหนีความวุ่นวายอย่างแท้จริง คุณเจอแล้วค่ะ เพราะที่นี่ไม่มี wifi ตัดขาดจากโลกภายนอกไปได้เลย ทำให้ได้นั่งคุยกัน พักสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือชั่วขณะ และที่นี่คือ จ.สมุทรปราการจริงๆ

นอกจากที่แห่งจะเป็นสถานที่ที่ให้เรามานั่งหลบมุม พักผ่อนสายตา ยังเปิดเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดแสนจะอบอุ่นอีกด้วย

และสำหรับเมนูอาหารก็มีทั้งอาหารคาว และ หวานครบครัน ทานอาหารเสร็จต่อด้วยกาแฟและของหวาน ก็ดีไม่น้อย

เมนูอาหารเช้า

ปลาหมึกแดดเดียว

กุ้งแม่น้ำทอดซอสมะขาม

ขาหมูเยอรมัน

มนู Honey Toast

การเดินทาง เหมาะกับมารถส่วนตัว เพราะมีที่จอดรถเยอะไม่ต้องไปแย่งกับใคร และหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ให้ลงสถานีสำโรงแล้วต่อรถมาอีก 6 กิโลเมตรเท่านั้น

ที่ตั้ง: ถนนสุขุมวิท ซอย 29 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง สมุทรปราการ
เบอร์โทรศัพท์ : 081 828 0155
เวลาเปิดปิด :
ร้านอาหาร: เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ 11.00 – 22.00 . (ปิดวันจันทร์)
ร้านกาแฟ: เปิดทุกวันเวลา 7.00 – 21.30

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก Imminimus, ร้าน sanctuary PAKNAM