Satoyama พื้นที่สีเขียว แหล่งท่องเที่ยวในชนบทของญี่ปุ่น

หากพูดถึงการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ผู้คนร้อยทั้งร้อยมักพุ่งเป้าไปที่เมืองใหญ่อย่างโตเกียว หรือ โอซาก้า แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่หลงไหลความงามของธรรมชาติ มากกว่าแสงสี … วันนี้เราเลยอยากพาทุกคนไปสัมผัสกับ Satoyama พื้นที่เพาะปลูกในแถบชนบทของญี่ปุ่น

Satoyama พื้นที่สีเขียว
แหล่งท่องเที่ยวในชนบทของญี่ปุ่น

แม้ประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันทันสมัย แต่ยังมีผู้คนมากมายในแถบชานเมืองที่ยังคงอยู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมและเลี้ยงชีพด้วยงานเกษตรกรรม พวกเขาเรียกวิถีชีวิตแบบนี้ว่า ซาโตยามะ (Satoyama)

โดยมีพื้นที่เพาะปลูกบริเวณฐานของภูเขา โอบล้อมด้วยทุ่งนา ป่าไม้ และวิวทิวเขาสลับซ้อน ทำให้ชนบทแห่งนี้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี และสร้างระบบนิเวศให้เป็นที่อยู่ของทั้งสัตว์รวมถึงแมลงหลากชนิด

ภาพสะท้อนผืนน้ำของ ยอดภูเขาไฟฟูจิ ที่เราสามารถมองเห็นได้ พร้อมกับทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาต่างๆ ในแต่ละวัน

แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันพื้นที่ satoyama กำลังตกอยู่ในสภาวะทรุดโทรม เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นเพราะความทันสมัย ซึ่งเกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามการจัดการผืนป่าเพื่อการเพาะปลูกซาโตยะมะ ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วประเทศ

ถ้าได้เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า ลองออกนอกเมืองมาใช้ชีวิตสโลไลฟ์ ใช้ชีวิตเรียบง่ายสไตล์ชนบทเจแปนกันดูนะ  ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่ไม่สามารถหาได้จากเมืองใหญ่ค่ะ ^^

Source : soranews

เที่ยวโอกินาว่า 5 อันดับ สุดยอดชายหาดญี่ปุ่น ประจำปี 2018

ถ้าให้แพลนไปเที่ยวญี่ปุ่น หลายคนก็คงเลือกไปชมดอกซากุระบาน หรือไปปั้นหิมะที่ฮอกไกโด มีน้อยคนมากที่อยากไปทะเลญี่ปุ่น ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับทะเลงามๆ และชายหาดขาวๆ ที่ติด Top 5 ของ สุดยอดชายหาดญี่ปุ่น ประจำปีนี้กันค่ะ

5 อันดับ สุดยอดชายหาดญี่ปุ่น
ประจำปี 2018

“Tripadvisor” เว็บไซต์รีวิวท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยผลการจัดอันดับ “สุดยอดชายหาดญี่ปุ่น ประจำปี 2018” โดยใช้เกณฑ์ประเมินจากผลการรีวิวในเว็บไซต์จากนักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้นจริง ผลปรากฏว่า 5 อันดับแรกนั้น รวมตัวกันอยู่ที่ จังหวัดโอกินาว่า ทั้งหมด สมกับเป็นแหล่งพักผ่อนริมทะเลติดอันดับโลกจริงๆ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูๆ พร้อมกันเลย

1. FURUZAMAMI BEACH
ชายหาดฟุรุซามานิ เกาะเครามะ

Credit : japanhoppers

ชายหาดฟุรุซามานิ ถูกจัดอันดับให้ได้รับ 2 ดาวจากมิเชลลินกรีนไกด์ ด้วยมีชายหาดสีขาวที่ทอดตัวยาวกว่า 1 กิโลเมตร และน้ำทะเลที่ใสมองเห็นผืนทรายด้านล่าง เต็มไปด้วยฝูงปลา แหวกว่ายรอบประการังจำนวนมาก

2. YONAHA MAEHAMA BEACH
ชายหาดโยนาฮะ มาเอฮามะ เกาะมิยาโกะ


Credit : expedia

ชายหาดโยาเนะ จัดว่าเป็นชายหาดที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ทอดตัวยาว 7 กิโลเมตร เหมาะแก่การว่ายน้ำ และเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย

3. NISHIHAMA BEACH
ชายหาดนิชิฮามะ เกาะฮาเทรุมะ


Credit : tripadvisor

ชายหาดนิชิฮามะ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด จนมองเห็นผืนน้ำสีน้ำเงินเปล่งประกายแวววาว รวมถึงปลาล่องลมจุด ปลากะพงลายสี่แถบ และปะการังอันอุดมสมบูรณ์ ในตอนกลางวันเมื่อต้องแสงแดดก็ระยิบระยับ ยามพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้า สาดแสงสีทองกระทบท้องทะเล ก็ยิ่งสวยงามขึ้นทวีคูณ

4. SUNAYAMA BEACH
ชายหาดซูนายามะ เกาะมิยาโกะ


Credit : supercoolbeaches

หาดซูนายามะ มอบทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะมิยาโคจิมะ จึงกลายเป็นปลายทางยอดนิยมในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ทะเลสีน้ำเงิน ทรายสีขาวบริสุทธิ์ และหินรูปโค้งทำให้เกิดการเล่นของแสงและเงาที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานศิลปะตามธรรมชาติ

5. AKA BEACH
ชายหาดอาคะ เกาะซามามิ (หมู่เกาะคาราเมะ)


ชายหาดอาคะ หนึ่งในหาดทรายขาวบนเกาะซามามิ ซึ่งเป็นส่วนหนึงของหมู่เกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า คาราเมะ พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี และมีหน้าผาสูงชัน ที่พิเศษกว่านั้นคือมีทะเลกว้างสีฟ้าใส รวมถึงแนวปะการังอันงดงาม

นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนมกราคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังเกาะซามามิ มีโอกาสที่จะได้ชมปลาวาฬหลังค่อมที่หาชมได้ยากอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : anngle, visitokinawa.jp

Digital Art Museum แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโตเกียว สัมผัสศิลปะไร้พรมแดน

เปิดประสบการณ์ใหม่ของการเที่ยวชมงานศิลปะ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาพวาด หรือประติมากรรมชิ้นเอกเท่านั้น สำหรับ Mori Building Digital Art Museum ซึ่งตั้งอยู่ในอาคาร Palette Town ย่านโอไดบะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการรวมร่างระหว่างเทคโนโลยีกับศิลปะได้อย่างลงตัว เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที 21 มิถุนายน 61 ที่ผ่านมานี้เอง

Digital Art Museum
แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโตเกียว

Team Lab ทีมผู้สร้างสรรค์ผลงาน Digital Art สุดล้ำ สัญชาติญี่ปุ่น โดยเป็นความร่วมมือกันของผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทั้งศิลปิน โปรแกรมเมอร์  วิศวกร สถาปนิก และ กราฟฟิคดีไซเนอร์  ในครั้งนี้ผลงานล่าสุดของพวกเขาก็คือ Mori Building Digital Art Museum พิพิธภัณฑ์ดิจิทัลอาร์ท ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์  “Borderless” ศิลปะแบบไร้ขอบเขต

ด้านในพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่เหมือนเขาวงกต ขนาด 10,000 ตารางเมตร จัดเต็มแสงสีเสียงสุดตระการตา มีผลงานมากกว่า 50 ชิ้น ผ่านการรังสรรค์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ 150 เครื่อง กับโปรเจคเตอร์อีก  470  เครื่อง หลอมรวมผู้ชมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้ โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน ดังนี้

  • Borderless World ปลดปล่อยจินตนาการไปกับศิลปะอันไร้ขอบเขต และ บรรยากาศ แสง สี เสียง จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
  • Athletics Forest มีที่ห้อยโหน หลุมบ่อ พื้นที่ลาดเอียง ให้ได้เคลื่อนไหวกันอย่างสนุกสนาน
  • Future Park โซนรวบรวมผลงานทางการศึกษา ที่ช่วยกระตุ้นจินตนาการ และพัฒนาทักษะด้านศิลปะ
  • Forest of Lamps โซนป่าโคมไฟจำนวนนับไม่ถ้วน
  • EN Tea House โซนศิลปะจากถ้วยชา

ช่วงเวลาเข้าชม 

จันทร์พฤหัสบดี  11.00–19.00
ศุกร์ 11.00–21.00
เสาร์ 10.00–21.00
อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00–19.00
**
หยุดทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน
**
เข้าด้านในได้รอบสุดท้ายก่อนปิด 1 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่, เด็กมัธยมและมหาวิทยาลัย 3,200 เยน

เด็กนักเรียนอนุบาลถึงประถม 1,000 เยน

เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าฟรี

Source : ilovejapantoursborderless.teamlab.artpress.ikidane-nipponanngle