ทุ่งดอกกระเจียว ที่เที่ยวสำหรับหน้าฝน พร้อมแนะนำที่พัก

ทุ่งดอกกระเจียว ที่เที่ยวสำหรับหน้าฝน

พร้อมแนะนำที่พัก

รูปภาพจาก อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

ทุ่งดอกกระเจียว ณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพียงปีละครั้งเท่านั้นจะเริ่มเห็นได้ในช่วงต้นฤดูฝนประมาณกลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุกปี และจะเริ่มแทงหน่อออกในช่วงต้นเดือนมิถุนายน สีของดอกกระเจียว จะออกสีชมพูอมม่วง และสีขาว

ปัจจุบันทุ่งดอกกระเจียว มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ที่ให้ความสวยงามจากธรรมชาติ หากท่านไม่ได้มาในช่วงเวลาดังกล่าว ก็คงต้องรอในปีถัดไปเพื่อที่จะได้มาสัมผัสความงามจากธรรมชาติของดอกกระเจียวที่อุทยานฯ เป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นที่นี่ จัดว่านางเอกของอุทยานฯ และสวยงามที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้

ช่วงเวลาดังกล่าว ต่างแย่งกันชูช่อพริ้วไสวไปตามสายลมหนาว นอกฤดู ปูพรมด้วยผืนหญ้าสีเขียว ชุ่มช่ำด้วยหยาดน้ำค้าง อาบฉากหลังด้วยม่านสายหมอกในยามรุ่งอรุณของวันใหม่ จึงเหมาะแก่การขึ้นเยือนบนผืน ทุ่งดอกกระเจียว ขนาดใหญ่กว่า 1000 ไร่ ในยามเช้าตรู่เพราะหากสายกว่านี้บรรยากาศในการเข้าเยี่ยมสัมผัสจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินการเข้าไปยังทุ่งดอกกระเจียว ท่านต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ซ้ายมือก่อนถึงอุทยานฯ 500 ม.หรือนำรถจอดบริเวณลานจอดรถที่ทางอุทยานฯ จัดให้ แล้วจึงนั่งรถสองแถวท้องถิ่นที่จอดรอรับนักท่องเที่ยวบริเวณทางเข้าอุทยานฯ เพียงท่านละ ๑๐ บาท(ทั้งขึ้นและลง) โดยรถจะจอดให้ท่านลง ณ.จุดท่องเที่ยวต่าง ๆและท่านสามารถขึ้น-ลง รถคันใด ๆ ก็ได้ โดยขากลับลงมา รถฯ จะส่งท่านยังจุดเดิมที่ท่านขึ้นครั้งแรก

รูปภาพจาก อุทยานแห่งชาติไทรทอง

การเดินทาง

ทุ่งดอกกระจียว ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯใช้เส้นทางสระบุรี – ชัยบาดาล ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205 เส้นทางชัยบาดาล – เทพสถิต – ชัยภูมิ ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก 29 กิโลเมตร หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา – เพชรบูรณ์ โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต – ซับใหญ่ และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว – ซับใหญ่ – เทพสถิต เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต

แนะนำที่พัก เมื่อมาชมทุ่งดอกกระเจียว

บ้านป่าดินหินงาม

ก่อนถึงอุทยาน ฯ 500 เมตร  บ้านพัก 1,200 – 1,500 บาท  ค่าอาหาร 240 บาท/คน รองรับได้ 60-80 คน มีสถานที่จัดเลี้ยงและจุดกางเต็นท์ห้องน้ำภายนอกจำนวนมาก มีแอร์น้ำอุ่น TV ดาวเทียม WiFi และมีอาหารบริการ

โทร. 087-021-7000, 087-107-2000, 087-207-2000 แฟ็กซ์ 044-890-076

Web : http://www.padinhinngam.com

ที่ตั้ง: 220 ม.9 ต. บ้านไร่ อ. เทพสถิต จ. ชัยภูมิ

******************************************

ไร่บันดาลสุข

ห่างจากอุทยานฯป่าหินงาม 700 เมตร   โทร. 08-6527-0321, 08-1296-7939, 08-1722-1790 บ้านพัก 2 – 4 คน ราคา 500 – 900 บาท บ้านพักหลังใหญ่ 16 คน ราคา 2,500 บาท เต๊นท์พร้อมเครื่องนอน ราคา 400- 800 บาท รองรับได้ 60 – 90 คน มีสถานที่กางเต็นท์ ห้องน้ำภายนอก 6 ห้อง มีร้านอาหารบริการ

Web : http://www.raibundarnsook.com

ที่ตั้ง: 282 หมู่ 9 บ้านหนองใหญ่ บ้านไร่ เทพสถิต ชัยภูมิ

******************************************

บ้านม่านหมอก

ก่อนถึงอุทยานฯ 2 กิโลเมตร  บ้านพัก 1-3 ท่าน ราคา 800-2,000 บาท บ้านพัก 1-6 ท่าน ราคา 3,000 บาท ทีวี คาราโอเกะ น้ำอุ่น ห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ เตาปิ้งย่าง ลานกางเต็นท์  รองรับได้ 40 – 50 คน

โทร. 089-029 -7990, 081-487-8434, 086-024-3447

Web : http://www.banmanmok.com

ที่ตั้ง:

******************************************

อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง

อุทยานแห่งชาติไทรทอง มีการเตรียมบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งหมด 4 หลังคือ บ้านไทรทอง101 บ้านไทรทอง102 บ้านไทรทอง103 บ้านไทรทอง106

ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติไทรทอง เลขที่ 81 หมู่ 10 ตำบลวังตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
ติดต่อบ้านพัก: อุทยานแห่งชาติไทรทอง

ที่มารูปภาพ: www.flowerslover.in.th/ , www.thai-tour.com/

 

จัดเต็ม 20 ที่เที่ยวหน้าฝน จุใจทั้ง น้ำตก ภูเขา ล่องแก่ง

1

เข้าหน้าฝนแบบเต็มตัวแล้ว เป็นสัญญาณบอกว่าเราต้องเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวน้ำตก เที่ยวภูเขา ลุยน้ำล่องแก่งให้สะใจ เพราะเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวให้เราได้ไปสัมผัสอีกเพียบ travel.mthai.comจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในฤดูฝน ที่จะอยู่กับเรายาวนานกว่า 4 เดือน (กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนตุลาคม) ใน จัดเต็ม 20 ที่เที่ยวหน้าฝน จุใจทั้ง น้ำตก ภูเขา ล่องแก่ง สาวกนักผจญภัยต้องไม่พลาด !!

จัดเต็ม 20 ที่เที่ยวหน้าฝน จุใจทั้งน้ำตก ภูเขา ล่องแก่ง

2

  1. เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกทีลอซู – ตาก

3

น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีหลายชั้น ตกลดหลั่นลงมาจากหน้าผาสูง ผ่านโขดเขาหินปูนและดงไม้เขียวขจี พลังมหัศจรรย์ของสายน้ำตกแห่งนี้ หากใครปีนขึ้นไปเที่ยวชมบริเวณน้ำตกชั้นบนสุดในเวลาช่วงเช้าก็จะพบว่า มีพลังแห่งแสงที่สาดส่องผ่านละอองน้ำที่ฟุ้งกระจาย กลายเป็นสายน้ำตกงดงามด้วยรุ้งกินน้ำตัวโตที่พาดผ่านอย่างน่าอัศจรรย์

  1. เที่ยวหน้าฝน เที่ยวแก่งหินเพิง – ปราจีนบุรี

4

แก่งหินเพิง แหล่งท่องเที่ยวเชิญผจญภัย รอคุณมาล่องแก่ง กิจกรรมยอดนิยมของคนผจญภัยหัวใจสีเขียว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี แก่งหินเพิง เป็นแก่งน้ำใสที่ท้าทายผู้รักธรรมชาติและการผจญภัยให้เดินทางมาทดสอบความมันส์ รับรองว่าสนุกสะใจ ชุ่มฉ่ำกันแน่นอน

3.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย – กาญจนบุรี

5

น้ำตกไทรโยคน้อย หรือชื่อเดิม น้ำตกเขาพัง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี  ตั้งอยู่ติดริมทางหลวงหมายเลข 323 เส้นทางระหว่างไทรโยค – ทองผาภูมิ ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 46 เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่สวยงามของจังหวัดกาญจนบุรี เหมาะแก่การแวะพักผ่อน พาลูก ๆ หลาน หรือ เพื่อน ๆ มานอนแช่น้ำตกเย็น ๆ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ร่มรืน ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม

4.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกผาดอกเสี้ยว – เชียงใหม่

6

น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือ น้ำตกรักจัง ตั้งอยู่บ้านแม่กลางหลวง ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ น้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้นมีทั้งหมด 10 ชั้น แต่ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือนคือชั้นที่ 7 เพราะสายน้ำจากน้ำตกชั้นบนไหลตกลงมากระทบชั้นล่าง มีความสูงราว 20 เมตร สวยงามตระการตา ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกผาดอกเสี้ยวก็มาจากชื่อต้นเสี้ยวซึ่งเป็นไม้เด่นบริเวณน้ำตกนั้นเอง

5.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวผาหำหด – ชัยภูมิ

7

ผาหำหด  คือสถานที่ทดสอบความเสียวเบื้องล่างของชายชาตรี และเป็นชื่อจุดชมวิวที่สวยงามของจังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง ด้วยลักษณะทางกายภาพ ผาหำหด เป็นชะง่อนผา คล้ายกับแผ่นกระดาน ขนาดกว้างไม่เกินเมตรคูณเมตร ยื่นออกไปกลางอากาศ ไม่มีอะไรรองรับเบื้องล่างที่ความสูง 864 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เสียวจนมีคนกล่าวว่า “เสียวจน หำหด หมดแล้ว”

6.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกภูซาง – พะเยา

8

อุทยานแห่งชาติภูซาง จ.พะเยา ผืนป่าอุดมสมบูรณ์แหล่งต้นน้ำสำคัญของจังหวัดพะเยา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างน้ำตกภูซาน หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในนาม น้ำตกอุ่น ที่มีอุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การมานอนแช่เพื่อสุขภาพ นับว่าเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ของผืนป่า ที่ควรค่าไปสัมผัสกันสักครั้ง

7.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวทุ่งโปรงทอง – ระยอง

9

ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง ป่าชายเลนผืนใหญ่กว่า 6,000 ไร่ ที่อุดมสมบูรณ์มากอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่จุดชมวิวทุ่งโปรงทองที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา จะได้เห็นทุ่งต้นโปรงทองสีทองอร่ามไปทั่วแบบ 360 องศา ถ้าไม่เชื่อ ต้องลองไปดูให้เห็นกับตา

8.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวเขากระโจม – ราชบุรี

10

เขากระโจม เป็นยอดเขาสูงสุดในเทือกเขาตะนาวศรี อยู่ห่างจากอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีประมาณ 29 กิโลเมตร ความจริงแล้ว เขากระโจม เป็นที่รู้จักกันมานานพอสมควร เป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงในเรื่องของจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม เนื่องจากมีความสูงประมาณ 1,045 การเดินทางขึ้นไปยังเขากระโจมนั้น ขอบอกว่าค่อนข้างยากลำบากมาพอสมควร เนื่องจากว่าระยะทางจากตีนเขาถึงยอดเขานั้นเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร และการขึ้นไปที่เขากระโจมก็ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น

9.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวแก่งหนานมดแดง – พัทลุง

11

ล่องแก่งหนานมดแดง จ.พัทลุง โดดเด่นด้วยกิจกรรมล่องแก่ง พายเรือคายัคผจญภัยในสายน้ำที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ณ ห้วยน้ำใส ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม สนุกไปกับการผ่านแก่งเล็กแก่งน้อยหลายระดับกว่า 40 แก่ง ทั้งได้ชมธรรมชาติสวย ๆ แถมยังได้ตื่นเต้นกันไปตลอดเส้นทาง

10.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกปางสีดา – สระแก้ว

12

น้ำตกปางสีดา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติปางสีดา ประมาณ 800 เมตร เป็นน้ำตกที่ไหลตกลงมาจากผาหิน 3 ชั้น สูงประมาณ 10 เมตร ช่วงฤดูฝนสายน้ำจะไหลลงสู่เบื้องล่างแผ่เต็มลานน้ำตกงดงามมาก เบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำ และลานหินกว้าง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน

11.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวภูสอยดาว – อุตรดิตถ์

13

ภูสอยดาว” อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูฝนของนักท่องเที่ยวแนวผจญ เดินป่า ลุยฝน นอนเต้นท์ สัมผัสไอหมอกและชมวิวสวย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันน่าหลงใหล อีกทั้งยังติด 1 ใน 5 ของเส้นทางพิชิตยอดเขาที่ยากที่สุดในเมืองไทย โดดเด่นด้วยลานป่าสนสามใบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เต็มไปด้วยทุ่งดอกหงอนนาค อันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ขึ้นเป็นทิวสวยงามจับตา

  1. เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกปิตุ๊โกร – ตาก

14

น้ำตกปิตุ๊โกร” หรือ เปโตร๊ะลอซู น้ำตกที่อยู่บนดอยเทือกเขาสามหมื่น ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก เป็นน้ำตกที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงที่สุดในเมืองไทย ด้วยความสูงกว่า 500 เมตร (วัดด้วยเครื่อง GPS) หรือเกือบสองเท่าของตึกใบหยก นับเป็นน้ำตกที่อลังการสุด ๆ แต่การจะเดินทางไปถึงนั้นโหดเอาเรื่องทีเดียว ที่น้ำตกแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความโรแมนติกด้วย ถ้านักท่องเที่ยวได้มองน้ำตกปิตุ๊โกรจากระยะไกล จะเห็นน้ำตกแห่งนี้เป็นรูปหัวใจ บางคนจึงเรียกที่นี่ว่าน้ำตกรูปหัวใจ

13.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวภูทับเบิก – เพชรบูรณ์

15

ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเพชรบูรณ์ ภูมิประเทศมีความงดงามอย่างมาก เต็มไปด้วยทะเลภูเขา ป่าไม้และธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ อากาศบริสุทธ์ เย็นสบายตลอดปี ในตอนเช้ามีหมอกและกลุ่มเมฆ มองเห็นเป็นทะเลหมอกตัดกับยอดภูสีเขียว และยังเป็นเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกด้วย

14.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น – กาญจนบุรี

16

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขากะลาซึ่งเป็นป่าดิบเขาแล้งทางทิศตะวันออกของอุทยานฯ และไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ มีทั้งหมด 7 ชั้น เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยความเขียวขจีของผืนป่าที่รายล้อมน้ำตก ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

15.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม – ชัยภูมิ

17

ชมทุ่งดอกกระเจียวบาน ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว พบเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ แห่งนี้ ปกติจะพบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ดอกกระเจียวจะขึ้นและบานเป็นสีชมพูอมม่วงในช่วงต้นฤดูฝนเท่านั้น คือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงยังมีน้ำตกให้เท่ียวอีกด้วย คือ น้ำตกเทพประทาน และ น้ำตกเทพพนา

16.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวเทือกเขาไกรสร – สุราษฎร์ธานี

18

เทือกเขาไกรสร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่จุดชมวิว “ทาร์ซาน วิวพอยท์” ที่จะทำให้คุณเห็นทัศนียภาพของเขาสกได้อย่างเต็มตา และเต็มอิ่มไปกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติ การเดินทางไป ต้องเดินป่าเป็นระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ผ่านป่าดิบชื้น ต้องปีนผาสูงชันชัน เต็มไปด้วยแง่งหินคมกริบสุดอันตราย ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อีกทั้งต้องฝ่าดงทากนับร้อยอีก ถือเป็นความหฤโหดของเหล่านักผจญภัยโดยแท้

17.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกห้วยทรายใหญ่ – อุบลราชธานี

19

น้ำตกห้วยทรายใหญ่ (แก่งอีเขียว) อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก-เขายอดมน เป็นน้ำตกที่สวยงาม ห่างจากอำเภอบุณฑริกไปทางทิศเหนือตามเส้นทางหมายเลข 2369 ไปบ้านห้วยทราย เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 29 มีทางแยกขวาไปอีก 6 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกที่ไหลมาตามลานหินลดหลั่นลงไปด้านล่าง บริเวณร่มรื่นมีน้ำมากในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน)

18.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวบ้านป่าบงเปียง – เชียงใหม่

20

บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของนาขั้นบันไดที่สวยงามสุด ๆ อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยวิวท้องทุ่งนาบนเนินเขาสูงบวกกับวิวเทือกเขาสลับซับซ้อน เกิดเป็นจุดชมวิวที่สวยงามน่าชมอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงฤดูฝน และปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงที่เหมาสมมากกับการมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ และความสวยงามของท้องทุ่งนาเขียวและเหลือง

19.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวล่องแก่งลำภาชี – ราชบุรี

21

สนุกไปกับการพายเรือคายัค ล่องแก่งไปในลำน้ำภาชี แห่งอำเภอสวนผึ้ง ที่ทัศนาคายัค (ก่อนถึงแก่งส้มแมว 5 กม.) ชื่นชมกับบรรยากาศสวย ๆ ของสองฟากฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และนกนานาชนิด ที่ผลัดกันร้องสลับไปมาอย่างไพเราะ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เพลิดเพลินและสนุกมาก เหมาะกับการมาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่สุด

20.เที่ยวหน้าฝน เที่ยวน้ำตกผาเจริญ – ตาก

22

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ จ.ตาก อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่สอด ที่ครอบคลุมหายอำเภอในจังหวัดตาก ป่าที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนเป็น แหล่งต้นน้ำลำธาร และยังเป็นต้นกำเนิดของห้วยแม่ละเมา มีเนื้อที่ประมาณ 855 ตารางกิโลเมตร  เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามมากมาย เช่น น้ำตกพาเจริญ  น้ำตกสายฟ้า น้ำตกสายรุ้ง บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำ น้ำตกป่าหวาย  น้ำตกห้วยตะปูเคาะ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและรูปภาพจาก : www.chilldtravel.com  /  thai.tourismthailand.org

เรื่องและเรียบเรียงโดย : Travel MThai

 

เที่ยวไหนดี? แนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน

1

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนขี้เกียจนอนอยู่บ้าน อยากออกทริปสนุกๆ แต่ไม่รู้ว่า หน้าฝนแบบนี้จะไปไหนดี? Travel.MThai มี 5 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน มาฝากกันค่ะ ซึ่งการท่องเที่ยวหน้าฝนแบบนี้ เราสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ได้ชมความงามของดอกไม้ ต้นไม้ที่ผลิบานหน้าฝน รับรองว่าทริปหน้าฝนนี้ประทับใจแน่นอน ^^

เที่ยวไหนดี? แนะนำ 5 สถานที่
ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน

น้ำตกทีลอซู
อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

2

Cr. findthailand.com

หรือภาษากะเหรี่ยงแปลว่า น้ำตกดำ ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่าง 1 มิ.ย. – 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น (แต่ก็ต้องระวังเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์) มีจุดเด่นคือ “รุ้งกินน้ำ” โดยจะปรากฏให้เห็นช่วง 10 โมงเท่านั้น ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร

น้ำตกทีลอซู มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ มากถึง 97 ชั้น มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย

3

สิ่งที่น่าสนใจ

ก่อนที่เราจะเดินทางขึ้นไปยังจุดมุ่งหมาย ก็คือ น้ำตกทีลอซู ระหว่างทางเราจะผ่านเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กม. ผ่านป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ มีดอกกระเจียวขึ้นตามพื้นป่าระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติและพืชพันธุ์ตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา, ผ่านน้ำตกสายรุ่ง น้ำตกขนาดเล็ก สูงประมาณ 10 เมตร , ผ่านบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเราสามารถนั่งแช่กันได้ และผ่าน ผ่าผึ้ง เป็นบริเวณที่มีผึ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ชมความงามของธรรมชาติกันอย่างใกล้ชิด

4

การเดินทาง

โดยรถยนต์ จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 มีทางแยกซ้ายที่บ้านแม่กลองใหม่ไปด่านเดลอ หรือจุดตรวจ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง” เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางไปตามถนนลูกรังอีก 26 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดิน ควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ช่วงล่างมีความสูงมากพอสมควร ในฤดูฝนรถอาจเข้าไม่ได้ และจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร จึงถึงตัวน้ำตกทีลอซู

สอบถามรายละเอียดได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทร. 0 5550 0919-20 และที่ทำการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์อุ้มผาง โทร. 0 5556 1338

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์

5

ขอบคุณภาพจาก พี่ราม พี่เต่า พี่แจ็ค thaipackagetour.com

เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

อุทยานแห่งนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว เริ่มจากเดินเข้าอุทยานกว่าจะถึงยอดภูสอยดาวนั้นเราจะต้องออกเดินป่า แอดเวนเจอร์กันหน่อย โดยผ่านเนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน เป็นที่สองต่อจากเนินส่งญาติ ระดับความสูง 780 เมตร, เนินป่าต่อ, เนินเสือโคร่ง และ เนินมรณะ เนินสุดท้ายก่อนถึงยอดภูสอยดาว ระดับความสูง 1410 เมตร

น้ำตกภูสอยดาว : อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อไว้อย่างไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี

น้ำตกสายทิพย์ : เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น ความสูงแต่ละชั้นประมาณ 5-10 เมตร สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วไปตามก้อนหินริมน้ำ

6

ทุ่งดอกหงอนนาค : ในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวผลิบานเต็มุท่งเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น รอรับนักท่องเที่ยวที่ได้ปีนป่ายขึ้นมาเยือน โดยดอกหงอนนาคจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง ซึ่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ภูสอยดาวแห่งนี้ เป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ก็จะมี ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอม ในฤดูหนาวจะมีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และต้นเมเปิลซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงามมาก

7 8

Cr. amrobon.blogspot.com

ลานสนสามใบภูสอยดาว : เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาว มีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่ของลานสนสามใบจะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป

การเดินทางไปเที่ยวลานสนสามใบภูสอยดาว ต้องเดินทางเท้าจากน้ำตกภูสอยดาวริมเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1268 ขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง มีถนนลาดยาง เข้าถึงพื้นที่ทำให้สะดวกสบายในการเดินทางพักผ่อนหย่อนใจ และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี บนยอดเป็นลานสนและมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์และตั้งแคมป์

9

การเดินทาง

การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถไปได้ 2 เส้นทางคือ

  • โดยรถยนต์ จากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1246 ถึงบ้านแพะแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 ผ่านอำเภอชาติตระการแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปบรรจบกับเส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร[3]
  • สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ ระยะทางประมาณ 133 กม. โดยใช้เส้นทาง อุตรดิตถ์-น้ำปาด (ทางหลวงหมายเลข 1047) ออกจากจังหวัดอุตรดิตถ์ พอถึง อ.น้ำปาดให้เลี้ยวรถเข้าไปใช้ ทางหลวงจังหวัด หมายเลข 1239 แล้วขับรถไปอีกประมาณ 46 กม. แล้วจึงเลี้ยวรถเข้าไปใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1268 ขับรถไปประมาณ 19 กิโลเมตรก็จะถึง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานแพร่ (เขตรับผิดชอบ อุตรดิตถ์, แพร่, น่าน) โทร. 0 5452 1127

10

Cr. phutabberk.sadoodta.com ,paiduaykan.com

ภูทับเบิก
จังหวัดเพชรบูรณ์

11

เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร อยู่ตำบลวังบาล ห่างจากอำเภอหล่มสักและหล่มเก่าประมาณ 40 กิโลเมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก

ภายในบริเวณจะมี ไร่กะหล่ำปลี ที่สวยงาม ตั้งอยู่เลยจุดชมวิวไม้กางเขน โดยชาวไทยภูเขาเผ่าม้งจะทำอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา กะหล่ำปลีจะมีให้ชมเยอะช่วงเดือนกรกฏาคมถึงพฤศจิกายน ส่วนหน้าหนาวมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มภูทับเบิก

12 13 14

นอกจานี้ยังมี ร้านค้าชุมชน ร้านขายของที่ระลึก, ที่พักสไตล์รีสอร์ทและโฮมเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักตามสะดวก เช่น ไร่ภูทะเลหมอกทับเบิก และ ภูทะเลหมอกโฮมสเตย์ ตั้งอยู๋ใกล้ใกล้กับไร่กะหล่ำปลี ส่วน ไร่ริมผา ที่พักแนะนำใกล้จุดชมวิวทะเลหมอกสูงสุด

จุดสูงสุดชมทะเลหมอก : จะมีลานกางเต็นท์ ใกล้กับบริเวณหอวัดอุณหภูมิ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิก

พิกัด GPS : 16.896719, 101.106135

ที่อยู่ : 2331 ตำบล วังบาล อำเภอ หล่มเก่า เพชรบูรณ์ 42120

ทุ่งแสลงหลวง
จังหวัดพิษณุโลก

15

หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย” เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ถือเป็นแหล่งผืนป่าสะวันนาแห่งเดียวของภาคเหนือที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยความแตกต่างแห่งพืชพรรณที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก

16

พื้นที่อุทยานตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง จ.พิษณุโลกและ จ.เพชรบูรณ์ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ หนองแม่นา ประมาณ 25 กิโลเมตร มีพื้นที่เป็นที่โล่งกว้างใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 16 ตรกม. ตามเส้นทางจะตัดผ่านป่าเบญจพรรณจะพบสัตว์ป่าออกมาหากินตามข้างทาง และมีพันธุ์ไม้ดอกมากมาย นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนสองใบ คือทุ่งหญ้าเมืองเลนและทุ่งโนนสน

17

สิ่งที่น่าสนใจ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีพื้นที่ที่น่าท่องเที่ยวมากมายให้เราได้เลือกทำกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • น้ำตกแก่งโสภา นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามได้จากทางด้านบนของตัวน้ำตก
  • ทุ่งโนนสน ทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนเขา ตั้งอยู่ใจกลางอุทยาน
  • ทุ่งนางพญา เป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนา มีพื้นที่ ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร เหมาะแก่การนั่งรถชมวิว และตั้งค่ายพักแรม
  • แก่งวังน้ำเย็น
  • น้ำตกซอนโสม
  • ถ้ำเดือน-ดาว ถ้ำพระวังแดง และถ้ำค้างคาว
  • ปั่นจักรยานเสือภูเขา
  • ชมดอกเอื้องพิสมร  เป็นดอกไม้บานในหน้าฝนเท่านั้น

18

การเดินทาง สามารถใช้เส้นทางได้ 2 เส้นทาง คือ

  • เส้นทางแรก จากจังหวัดเพชรบูรณ์ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 ไปทางอำเภอหล่มสัก ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงบ้านนางั่วแล้วเลี้ยวซ้าย ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นเขาค้อผ่านสี่แยกบ้านสะเดาพงษ์ผ่านพระตำหนักเขาค้อ ตรงไปจนถึงบ้านทานตะวันเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรจะถึงหน่วยพิทักษ์อุทยาน สล.8 (หนองแม่นา)
  • เส้นที่สอง จากจังหวัดพิษณุโลกใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 เส้นพิษณุโลก-หล่มสัก ประมาณ กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่เขาค้อผ่านหน้าอำเภอเขาค้อ ถึงสี่แยกบ้านสะเดาพงษ์แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2258 ผ่านพระตำหนักเขาค้อตรงไปบ้านทานตะวัน เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงหน่วยพิทักษ์อุทยาน สล. 8 (หนองแม่นา)

ล่องแก่งหินเพิง
จังหวัดปราจีนบุรี

19

ภาพ : chomthai.com

แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นชั้นหินทราย ครั้นเมื่อถึงฤดูฝน กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเกาะแก่งต่างๆ มากมาย แก่งหินเพิงเป็นที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม กระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก การล่องแก่งที่นี่ใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ล่องในลำน้ำใสใหญ่ สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3 -5 
นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายสูง

20

แก่งทั้ง 6 จะมีระดับที่ท้าทายแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่

  • แก่งหินเพิง เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง ลักษณะหินของแก่งหินเพิง เป็นแก่งยาวประมาณ 150 เมตร ในช่วงฤดูฝน เป็นสุดยอดของการล่องแก่ง ทริปนี้
  • แก่งผักหนามล้อม มีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่กระแสไหลวนไปมา
  • แก่งวังบอน เป็นแก่งหินสั้นๆ ยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหล ลาดเอียงลงมาประมาณ 30 องศาผ่านชั้นหินและเกาะต่างๆ จากนั้นน้ำจะไหล เอื่อยๆ ลงมายังแก่งลูกเสือ
  • แก่งลูกเสือ มีลักษณะเป็นแก่งน้ำเล็กๆ มีร่องน้ำสามารถพายเรือยางผ่านไปได้ แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา
  • แก่งวังไทร มีลักษณะเป็นแก่งหินกว้างประมาณ 50-60 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร ความกว้างของแก่งพอๆ กับแก่งลูกเสือ มีความลาดชันประมาณ 30 องศา กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งต่างๆ แล้วม้วนตัวเป็นวงคลื่น ต้องใช้ ทักษะความชำนาญในการพายเรือค่อนข้างสูง
  • แก่งงูเห่า ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่ ขญ.9 ถ้าปริมาณน้ำไม่มากนัก จะแลเห็นเกาะแก่งต่างๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำ จะไหลท่วมเกาะแก่งต่างๆ จนมีลักษณะคล้ายกับฝายกั้นน้ำ

การล่องแก่งหินเพิง ส่วนมากจะมาขึ้นฝั่งกันบริเวณแก่งวังไทร เพราะมีห้องสุขา และห้องอาบน้ำไว้บริการนักล่องแก่ง หรืออยากจะพักผ่อนนั่งรับประทาน อาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ก็ได้ เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในแก่งหินเพิง

ขอบคุณที่มาข้อมูล ททท., Wikipedia

เรียบเรียงโดย : Travel MThai