เดินทางสะดวก! เปิดรถตู้เส้นทาง เชียงใหม่-น้ำพุร้อนสันกำแพง-แม่กำปอง

เดินทางสะดวก! เปิดรถตู้เส้นทาง เชียงใหม่-น้ำพุร้อนสันกำแพง-แม่กำปอง

bus_01

หากใครไปเที่ยวเชียงใหม่ และหารถเพื่อเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ ตอนนี้ได้มีบริการรถตู้ เส้นทางจากเชียงใหม่-น้ำพุร้อนสันกำแพง-แม่กำปอง แล้ว เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางด้วย

bus_02

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา มีการเปิดเดินรถตู้โดยสารสาธารณะ สาย เชียงใหม่-น้ำพุร้อนสันกำแพง (ขนส่งช้างเผือก-กาดหลวง-หนองหอย-พรอมเมนาดา-น้ำพุร้อนสันกำแพง) โดยเดินรถ 8 รอบต่อวัน อีกทั้งเปิดเส้นทางอีก 2 รอบ เดินทางเข้าสู่หมู่บ้านแม่กำปองทุกวัน โดย ขาไปแม่กำปอง (จากช้างเผือก) มีรอบ 7.30น. และ 11.30น. และขากลับออกจากแม่กำปอง มีรอบ 9.20น. และ 13.20น. ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวยังน้ำพุร้อนสันกำแพง และบ้านแม่กำปอง มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

มีตารางการเดินรถดังต่อไปนี้

bus_03

อัตราค่าโดยสาร

  • ไปน้ำพุร้อนสันกำแพง 35 บาท
  • ไปบ้านแม่กำปอง 100 บาท (ต้องมี 4 คนขึ้นไป หากไม่ถึง 4 คนต้องเอา 400 ตั้ง แล้วหารจำนวนคน)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 083 325 4965 หรือเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Van.Hotsprings

ขอบคุณข้อมูล รูปภาพ : www.cityupdate.in.th, Facebook : Chiang Mai City Update

 

เทคนิคการถ่ายรูปง่ายๆ เมื่อไปเที่ยวคนเดียว…

เทคนิคการถ่ายรูปง่ายๆ เมื่อไปเที่ยวคนเดียว

01

เดี๋ยวนี้เทรนด์การเที่ยวคนเดียวกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งก็เป็นไปได้หลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ เอาชนะความกลัว ไม่ต้องอดทนรอใคร ฯลฯแต่เชื่อว่าทุกคนที่เที่ยวคนเดียวต้องประสบปัญหาเหมือนกันอย่างหนึ่งคือไม่มีรูปตัวเอง!!! (ที่ไม่ใช่รูปเซลฟี่) ทีนี้เวลาที่เราไปเที่ยวคนเดียวแล้วอยากมีรูปตัวเองกับวิวสวยๆ จะทำอย่างไรดีล่ะ ครั้งนี้เราเลยมีข้อแนะนำในการถ่ายภาพตัวเองมาฝากกัน ชนิดที่ว่าเพื่อนๆต้องไม่เชื่อว่ามาเที่ยวคนเดียวแน่นอน!!!

02

สิ่งที่คุณควรมี

กล้องถ่ายรูปมีหลากหลายประเภท ถ้าให้เลือกแบบที่ ดีสุด คมสุด ชัดสุด ก็ต้องกล้องDSLR ให้ไฟล์คุณภาพดี โดยที่ไฟล์ภาพไม่แตก แต่ถ้าขี้เกียจแบกกล้อง MIRRORLESS ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะตัวเล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบาแล้วดีไซน์ของแต่ละยี่ห้อก็ยังแข่งขันกันดุเดือด จะวินเทจ โมเดิร์น คิกขุก็มีให้เลือกซื้อเลือกใช้กันตามใจชอบ ที่สำคัญเดี๋ยวนี้กล้องรุ่นใหม่ๆมี WI-FI ในตัวแทบทั้งนั้น เพียงดาวน์โหลแอปพลิเคชั่นก็สามารถสั่งการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที แต่ถ้าจะสะดวกที่สุดแบบที่ไม่ต้องเปลืองสตางค์และน้ำหนักในกระเป๋า คุณภาพของกล้องสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้ก็เพียงพอต่อการถ่ายรูปสวยๆ ขึ้นเฟซบุ๊กหรือไอจีแล้วล่ะ

03

ขาตั้งกล้อง ต้องขอชื่นชมนวัตกรรมขาตั้งกล้อง ที่ลดขนาดเหลือเท่าแก้วน้ำ ทำให้ไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการแบก โดยขาตั้งกล้องที่ว่า เราเรียกมันว่าขาตั้งกล้องแบบปลาหมึก ข้อดีคือ สามารถดัดขาและปรับใช้ได้กับหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงห้วย บุกทะเล เชื่อสิว่าตัวเดียวอยู่!

สมาร์ทโฟน สำหรับกล้องที่มีสัญญาณWI-FI ในตัวสมาร์ทโฟนจะช่วยให้การถ่ายรูปตัวเองของคุณง่ายขึ้นเยอะ เพียงดาวน์โหลดแอปที่เชื่อมต่อกับตัวกล้องมาไว้ในเครื่อง เพียงเท่านี้เราก็สามารถสั่งงานถ่ายภาพและแต่งภาพจากมือถือได้อย่างง่ายดาย

04

สิ่งที่คุณต้องทำ

ตั้งกล้องถ่ายรูป(แบบตั้งเวลาจากกล้อง) หากเรามีกล้องและขาตั้งกล้องอยู่แล้วก็ให้ตั้งเวลาจากกล้องได้เลยซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งไว้ที่ 10วินาที โดยเริ่มต้นจากการให้เราหามุมที่ต้องการ แล้วจัดการตั้งกล้องให้เรียบร้อย ดูว่าจะต้องไปยืนตรงไหนในเฟรมภาพ จากนั้นกดชัตเตอร์…แล้ววิ่ง!!! เพื่อที่จะมีเวลาในการโพสสักนิด หลังถ่ายเสร็จลองเช็ครูปดูว่าชอบไหม ตัวเราชัดรึเปล่า ถ้าไม่ชัดก็ปรับโฟกัสกันนิดหน่อย เรียกได้ว่าวิธีนี้คงช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ตั้งกล้องถ่ายรูป (แบบสั่งถ่ายจากมือถือ) คล้ายๆ กันกับแบบแรกแต่จะต่างกันตรงที่เราไม่ต้องวิ่ง เพียงแค่เราตั้งกล้อง ดูมุมที่ต้องการแล้วเดินเข้าไปอยู่ในเฟรมแบบสวยๆ แล้วจึงจัดการกดถ่ายภาพจากมือถือ แค่นี้ก็เรียบร้อย แต่โพสของเรา อย่าแสดงออกให้เห็นชัดว่าถือมือถืออยู่ ลองกอดอก เอามือล้วงกระเป๋า จะได้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญอย่าถอยห่างจากกล้องมากเกินไป ไม่อย่างนั้นสัญญาณ WI-FIจากกล้องจะส่งมาไม่ถึง ทำให้รูปที่เรากดถ่ายไม่ติดเลยสักรูป

05

ขอให้คนอื่นช่วยถ่าย เริ่มจากถ่ายรูปมุมที่อยากได้ตั้งค่ากล้องให้เรียบร้อย และเมื่อมีคนผ่านมา รอยยิ้มเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรบกวนให้คนอื่นมาช่วยถ่ายรูปให้ หลังจากนั้นเปิดรูปมุมที่ถ่ายไว้ให้เขาดูแล้วบอกว่า “ขอมุมแบบนี้” หลังจากถ่ายเสร็จก็เช็ครูปถ้าชอบก็เรียบร้อยพร้อมกล่าวขอบคุณ แต่ถ้ายังไม่ชอบก็ขอให้ถ่ายใหม่อีกครั้ง แต่ต้องดูด้วยว่าเขาสะดวกที่จะถ่ายให้อีกไหม ถ้าไม่ก็รอคนต่อไปทีนี้การเลือกคนมาช่วยถ่าย ควรสังเกตด้วยว่าเขาดูน่าไว้วางใจหรือเปล่าถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยว ลองมองหาคนวัยเดียวกัน เพื่อที่จะคุยกันได้ง่ายขึ้นที่สำคัญอย่าลืมรอยยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยนะ

06

หลังจากนี้การไปเที่ยวคนเดียวก็คงเป็นเรื่องที่สนุกมากยิ่งขึ้นเพราะนอกจากที่เราได้รูปสวยๆ กลับมาแล้ว ยังอาจได้มิตรภาพใหม่ๆ กลับมาด้วย

เครดิตจาก นิตยสาร BAREFOOT ฉบับเดือนตุลาคม 2016

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ www.mbookstore.com

เรียงเรียงโดย: Travel MThai

 

ย้อนชม! รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว รถประจำทางสายแรกของไทย

ย้อนชม! รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว รถประจำทางสายแรกของไทย

ไม่กี่วันมานี้เราคงจะได้เห็นข่าว “โรงแรม ปาร์คนายเลิศ” ที่ได้ประกาศปิดตำนานโรงแรมหรู ที่เปิดมายาวนานกว่า 36 ปี นอกจากโรมแรมที่เป็นตำนานแห่งนี้แล้ว พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือนายเลิศ เศรษฐบุตร ผู้ก่อตั้ง ยังมีกิจการอื่นๆ ที่ริเริ่มนำเข้ามาในเมืองไทยอีกมากมาย อย่าง รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว รถประจำทางสายแรกของไทย คันนี้!

01

พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ เศรษฐบุตร เป็นผู้ก่อตั้ง โรงแรม ปาร์คนายเลิศ ซึ่งนอกจากกิจการนี้แล้ว ก็ยังมีกิจการอื่นๆ ที่ริเริ่มนำเข้ามาในเมืองไทยอีกมากมาย เช่น รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว ที่เป็นเป็นรถโดยสารประจำทางสายแรกของไทย ซึ่งเปิดใช้บริการมานานถึง 70 ปี!

02

ขอบคุณรูปภาพ www.247freemag.com

ตอนเด็กนั้น นายเลิศ มีความสามารถและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเดินรถ และการขับเรือรับจ้าง อีกทั้งเป็นพ่อค้าขายจักรยานมาก่อน จนพัฒนามาเป็นรถม้า ใช้รับจ้างทั่วไป ซึ่งนายเลิศเป็นผู้ออกแบบตัวรถเอง โดยคิดค่าโดยสารสำหรับรถม้าเดี่ยวชั่วโมงละ 75 สตางค์ รถม้าคู่ชั่วโมงละ 1 บาท แต่นายเลิศเห็นว่าเป็นการทรมานสัตว์ จึงคิดเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2453

03

ลักษณะของ รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว รถประจำทางสายแรกของไทย มีลักษณะเฉพาะคือ ทาสีขาวทั้งคัน มีตราประจำรถเป็นรูปขนมกง ซึ่งนายเลิศเป็นผู้ออกแบบตัวถังรถเมล์ด้วยตัวเอง เขียนแบบด้วยชอล์กบนพื้นปูน ให้ช่างไม้ชาวเซี่ยงไฮ้เป็นผู้ต่อ โดยใช้เครื่องยนต์ที่สั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษประกอบ นายเลิศมีนโยบายในการเดินรถว่า “สุภาพ ซื่อสัตย์ ประหยัด ทันใจ เอากำไรแต่น้อย บริการผู้มีรายได้น้อย”

04

เส้นทางการวิ่งของรถเมล์สายแรกของไทย วิ่งจากประตูน้ำไปสี่พระยา เมื่อกิจการเจริญก้าวหน้าจึงขยายออกไปจนเกือบทั่วกรุงเทพมหานคร คนทั่วไปเรียกรถของท่านว่า “รถเมล์ขาว” ตามสีของรถ

ต่อมานายเลิศได้ริเริ่มบริการเรือเมล์ที่ชาวบ้านเรียก “เรือขาว” รับส่งผู้โดยสารตามคลองแสนแสบ ผ่านหนองจอก มีนบุรี แล้วมาสุดทางที่ประตูน้ำ เชื่อมโยงกับเส้นทางของรถเมล์ขาว กิจการนี้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วไป และสร้างชื่อเสียงให้ท่านมาก

กิจการรถเมล์นายเลิศ ดำเนินการมานานถึง 70 ปี ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในกรุงเทพฯ ถึง 36 สาย มีรถประมาณ 700 คัน มีพนักงาน 3,500 คน นับเป็นบริษัทรถเมล์ที่ใหญ่ที่สุด แต่ได้เลิกกิจการลงในปี พ.ศ. 2520 เมื่อรัฐบาลมีนโยบายรวมกิจการรถเมล์ทุกสายในกรุงเทพมหานครมาอยู่ในความดูแลของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ

ขอบคุณข้อมูล: th.wikipedia.org, ย้อนรอยกรุงเทพฯ. เทพชู ทับทอง. สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น. กรุงเทพฯ , 2546

เรียบเรียงโดย: Travel MThai