10 ทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

01

ทะเลสาบ ที่เราเคยเห็นหรือรู้จักกันนั้นก็จะเป็น ผืนน้ำนิ่งสงบ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ และมักจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนอยากไปเที่ยวพักผ่อน ใช่ไหมล่ะ? แต่รับรองว่าถ้าได้เห็น 10 ทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก ทุกคนต้องร้องว้าวแน่นอน! เพราะแต่ละที่นั้นน่าอัศจรรย์สุดๆ และเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเองด้วย

 

1. ทะเลสาบฮิลลิเออร์ (Lake Hillier)
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย

02

ทะเลสาบสีชมพู หรือ ทะเลสาบฮิลลิเออร์ (Lake Hillier) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ในเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะ Recherche Archipelago ที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย 105 เกาะ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ถูกค้นพบครั้งแรกโดยกัปตัน Matthew Flinders ขณะเมื่อเขาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเกาะในปี 1802

03

ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 600 เมตร มีขอบแคบๆ ที่ปกคลุมเนินทรายและต้นไม้ที่แยกทะเลสาบออกจากทะเลด้านนอก ขอบทะเลสาบปกคลุมไปด้วยแผ่นเกลือสีขาว ถัดขึ้นไปโดยรอบเป็นป่าต้น Paperbark และต้น Eucalypt ปกคลุมหนาแน่น ชมพูหวานเหมือนนมเย็นน้ำในทะเลสาบมีสีถาวร แม้ตักขึ้นมาเก็บไว้ในภาชนะสีก็ไม่จางหาย ซึ่งสีชมพูนี้เกิดจากความเข้มข้นสูงของเกลือ และแบคทีเรีย

 

2. ทะเลสาบเนตรอน (Lake Natron)
สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย

04

ทะเลสาบเนตรอน (Lake Natron) หรือเรียกอีกชื่อว่า ทะเลสาบแห่งความตาย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ น้ำในทะเลสาบจะมีสารและแร่ธาตุหลายชนิดไหลลงมารวมกัน

05

และที่เห็นเป็นสีแดงนี้เกิดขึ้นจาก การระเหยน้ำอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูแห้งแล้ง แบคทีเรียที่อยู่ในน้ำได้สังเคราะห์แสงเองจนเกิดเป็นสีแดงนี้ขึ้นมา อีกทั้งยังทำให้เกิดแร่ธาตุ(เกลือ) เนตรอน คือน้ำมีสภาพคล้านน้ำปูน มีปริมาณความเข้มข้นสูง มีค่าความเป็นด่างสูงถึง 9-10.5 ซึ่งใกล้เคียงกับแอมโมเนีย ที่มีฤิทธิ์การกัดกร่อนที่สูงมาก และอุณหภูมิของน้ำยังสูงถึง 60 องศาเซลเซียส อีกด้วย

06

หากสัตว์ชนิดตกลงไปในน้ำนี้ก็จะไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนนี้ได้ และส่วนมากก็จะพบซากสัตว์ที่ตกไปในน้ำ มีสภาพแข็งเหมือนปูนเหมือนหิน เพราะถูกโซเดียมคาร์บอเนตเกาะนั่นเอง

 

3. เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake)
สาธารณรัฐปาเลา

07
Cr. Mashable

เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake) ตั้งอยู่ใน สาธารณรัฐปาเลา(Republic of Palau) เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ไปประมาณ 500 กิโลเมตร ที่นี่มีสถานที่ขึ้นในเรื่องของทะเล นักท่องเที่ยวต่างชอบพากันมาดำน้ำ และชมธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ อย่างเช่น เจลลี่ฟิชเลค (Jellyfish Lake) ทะเลสาบแมงกะพรุนไร้พิษ

08 09

หลายคนคงรู้กันดีว่า แมงกะพรุน นั้นเป็นสัตว์มีพิษที่ทุกคนต้องหนีออกห่าง แต่ที่ปาเลานี้ เราสามารถว่ายน้ำกับแมงกะพรุนได้โดยไร้กังวล เพราะแมงกะพรุนที่นี่ไม่มมีพิษ ลักษณะเด่นของพวกมันจะเป็นสีทอง และจะเรืองแสงสีชมพู-ม่วง มีขนาดประมาณลูกฟุตบอล

4. ลา เบรีย พิตช์เลค (La Brea Pitch Lake)
สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก

10
Cr. Amusing Planet

ทะเลสาบ ลา เบรีย พิตช์ เป็นทะเลสาบยางมะตอย และเป็นแหล่งกำเนิดยางมะตอยตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเมือง La Brea สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ไม่มีน้ำ แต่ว่ามียางมะตอยที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่เต็มไปหมด มีขนาดราว 40 เฮคเตอร์และมีความลึกราว 75 เมตร

ทางด้านของนักวิทยาศาสตร์นั้นเชื่อว่า ในส่วนของพื้นดินใต้ทะเลสาบ Pitch Lake นั้นมีรอยเลื่อนของเปลือกโลก 2 รอยมาบรรจบกันและดันน้ำมันดิบที่อยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาตามรอยแยกใต้ทะเลสาบ ซึ่งน้ำมันดิบที่ว่านี้เมื่อผสมเข้ากับเศษกรวดหินดินทรายเป็นเวลานับล้านๆ ปี จนทำให้กลายเป็นยางมะตอยตามธรรมชาตินั่นเอง

11

ยางมะตอยที่ได้จากทะเลสาบแห่งนี้นั้นมีคุณภาพดีเยี่ยม และนี่เป็นอีกสาเหตุให้ยางมะตอยจากทะเลสาบแห่งนี้เป็นสินค้าออกที่สำคัญของประเทศตรินิแดด โดยถนนบางสายในเมืองนิวยอร์ก ก็ใช้ยางมะตอยจากที่นี่ไปทำถนน

 

5. บอยลิ่งเลค (Boiling Lake)
รัฐโดมินิกา

12

ทะเลสาบเดือด บอยลิ่งเลค ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติมอร์น ทรอยส์ พิตอนส์ รัฐโดมินิกา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก สาเหตุที่เรียกว่า ทะเลสาบเดือด ก็เพราะในบ่อจะมีไอเดือดผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิที่เคยวัดได้อยู่ที่ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเพียงอุณหภูมิริมทะเลสาบเท่านั้น ส่วนตรงกลางบ่อยังไม่มีใครสามารถวัดผลที่แน่นอนได้

13

ตัวบ่อความกว้างของบ่อประมาณ 60 เมตร ลึก 59 เมตร หากคนที่ต้องการเข้าไปท่องเที่ยวจะต้องมีสภาพร่างกายพร้อม เพราะตั้งอยู่ในป่าที่มีภูเขาและทางลาดชัน เดินเท้ากว่า 13 กิโลเมตร

6. ลากูนา โคโลราดา (Laguna Colorada)
ประเทศโบลิเวีย

14
Cr. Places To See In Your Lifetime

ทะเลสาบเกลือ หรือ ทะเลสาบสีแดง ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์แห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna National Reserve ของประเทศโบลิเวีย อยู่ใกล้กับชายแดนติดประเทศชิลี และตั้งอยู่บนความสูงถึง 4,267 เมตร

15
Cr. Atlas Obscura

16
Cr. Magnific Places

ทะเลสาบเกลือ หรือ ทะเลสาบสีแดง แห่งนี้ มีสารบอแรกซ์สีขาวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีส่วนที่เป็นสีแดง ที่เกิดจากสาหร่ายสีแดง แพลงก์ตอน และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด เมื่อมาที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นนกฟลามิงโกเป็นจำนวนมาก เพราะในทะเลสาบนี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโกนั่นเอง

 

7. ทะเลสาบเมดิซีน (Medicine Lake)
รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา

17
Cr. Expedia

ทะเลสาบเมดิซีน ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ในรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ที่แห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ทะเลสาบมหัศจรรย์ เพราะในช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของวิวทะเลสาบ และเมื่อเข้าหน้าหนาวน้ำกลับแห้งหายไปแทบทั้งหมด นั่นก็เพราะ น้ำได้ไหลซึมลงไปใต้ดิน นับเป็นการระบายน้ำของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์มากๆ

18

และความจริงอีกอย่างก็คือ ที่แห่งนี้ไม่ใช้ทะเลสาบ แต่เป็นที่รับน้ำตะหาก เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำมาลีน ทะเลสาบมาลีน ในช่วงฤดูร้อน น้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาก็จะละลายและกลายเป็นน้ำไหลลงมายัง ทะเลสาบเมดิซีน แต่เมื่อเข้าฤดูหนาวน้ำก็จะแห้งเหือดไป

 

8. ทะเลสาบไนออส (Lake Nyos)
สาธารณรัฐแคเมอรูน

19

ทะเลสาบไนออส ตั้งอยู่ในเขตนอร์ทเวสต์ รีเจียน (Northwest Region) ที่แห่งนี้ได้รับฉายาว่า ทะเลสาบมรณะ เพราะทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ใต้พื้นทะเลสาบนั้นเป็นที่เก็บสะสมแมกมา เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไหลออกมาปะปนในน้ำ จนทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี เกิดแรงดันใต้น้ำ และระเบิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

20
21
Cr. Atlas Obscura

เคยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าได้เกิดปรากฏการณ์ทะเลสาบพลิกกลับ ทะเลสาบไนออสเกิดแรงดันใต้น้ำ ทำให้เกิดระเบิดพุ่งขึ้นเหนือน้ำกว่า 300 ฟุต และตามมาด้วยลูกเล็กๆ อีกครั้งครั้ง ซึ่งการระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการกระจายของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ประชาชน สัตว์เลี้ยง และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในรัศมีเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

9. ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)
ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล

22
Cr. www.iises.net

ทะเลสาบเดดซี หรือ ทะเลมรณะ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก และเค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล

ทะเลสาบเดดซี มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอีกแห่งด้วย

23

ทะเลสาบนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งอื่นเลย มีเพียงแม่น้ำจอร์แดนที่ไหลลงสู่ทะเลเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลนี้ระเหยขึ้นทำให้เกลือในทะเลสาบเดดซีตกค้างอยู่ในบริเวณเดิมน้ำในทะเลสาบเดดซีจึงมีความเค็มมากกว่าน้ำทะเลปกติถึง 6 เท่า เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียและเห็ดราบางชนิด

24

และเนื่องจากทะเลสาบเดดซี มีปริมาณเกลือเข้มข้นมาก ทำให้เราสามารถลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะจม จึงเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมาก

10. ทะเลสาบสุพีเรีย (Lake Superior)
สหรัฐอเมริกา

25

อย่าเพิ่งตกใจ! ที่เห็นนี้ไม่ใช่ทะเล แต่เป็นทะเลสาบจริงๆ .. ที่แห่งนี้ชื่อว่า ทะเลสาบสุพีเรีย เป็นทะเลสาบในกลุ่มทะเลสาบเกรตเลกส์ มีพื้นที่ 84,000 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และจัดเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

26 27
www.northernimages.com

ตั้งอยู่ระหว่างรัฐมินนิโซตา รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซินของสหรัฐอเมริกา กับรัฐออนแทรีโอของประเทศแคนาดา ทะเลสาบสุพีเรีย จะมีคลื่นลมแรงมากจนทำให้เกิดเป็นคลื่น โดยวัดความสูงของคลื่นได้ตั้งแต่ 1-30 ฟุต ไปจนถึง 2-6 ฟุต

ขอบคุณที่มา : http://edition.cnn.com

เรียบเรียงโดย : Travel MThai

ชมวิวกลางหุบเขา ที่ “อุทยานหินเขางู” สวยจนน่าไปถ่ายรูป!

01

อุทยานหินเขางู” แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เดิมทีเป็นแหล่งระเบิดหิน ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เราจะพบวิวสวยๆ ของธรรมชาติ ทะเลสาบที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา คนที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาด!

02

อุทยานหินเขางู” เป็นอุทยานหิน สวนป่า ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 8 กิโลเมตร แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี

ต่อมาทั้งภาครัฐและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ และวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เขางูนี้ยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดและย่อยหินที่บริเวณนี้ไป

03

หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี และได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน

04 05 06 07

ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขา มี ถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถ และถ้ำจีน-จาม ถ้ำต่างๆ นี้พบพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ ซึ่งพระพุทธรูปเหล่านี้เป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยทวารวดี แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆ ก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

08

ถ้ำในบริเวณอุทยานหินเขางู

  • ถ้ำฤๅษี พบพระพุทธรูปสมัยทวารวดี 2 องค์ องค์แรกประทับห้อยพระบาท (ประลัมพปาทาสนะ) พระหัตถ์ขวาอยู่ในปางแสดงธรรม (วิตรรกมุทรา) พระหัตถ์ซ้ายวางในพระเพลา ระหว่างพระบาทมีจารึกว่า ปุญกรมชฺระ ศฺรีสมาธิคุปฺต (ะ) แปลว่า พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการกระทำบุญ อีกฟากของผนังถ้ำมีพระพุทธรูปยืนปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิอื่นๆอีกหลายองค์
  • ถ้ำฝาโถ พบพระพุทธรูปนอนจำหลักปางมหาปรินิพพานมีประภามณฑลและลายปูนปั้นรูปต้นสาละ ด้านบนมีรูปเทพชุมนุม ผนังด้านตรงข้ามมีภาพสาวก2 องค์
  • ถ้ำจีน พบพระพุทธรูปจำหลัก 2 องค์ ปางสมาธิ พระหัตถ์แสดงวิตรรกมุทรา มีร่องรอยของการพอกปูนทับ องค์ที่อยู่ใกล้ปากถ้ำมีรอยหักพัง ไม่สมบูรณ์

ถ้ำจาม พบพบพระพุทธรูปนอนจำหลักปางมหาปรินิพพาน และภาพยมกปาฏิหาริย์ มีภาพปูนปั้นรูปต้นมะม่วง ถัดมายังพบรูปบุคคลยืนซ้อนกันและรูปพญานาคอีกด้วย

 

09 10 11

ที่อยู่  :  ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
เปิดบริการ :  8.00 น. – 18.00 น. ทุกวัน
ค่าเข้า  :  ไม่เสียค่าเข้า

ช่วงเวลาแนะนำ : ได้ทุกฤดู   ฤดูท่องเที่ยวที่แนะนำคือ ฝนและหนาว สำหรับฤดูร้อนตอนกลางวันที่นี่อากาศค่อนข้างร้อนจัดเพราะเป็นภูเขาหินปูน  ต้นไม้จะแห้งเปลี่ยนสีไม่ร่มรื่น แต่ในช่วงเย็นของหน้าร้อนที่นี่ลมจะดีมากเหมาะแก่การออกกำลังกายในตอนเย็น

การเดินทาง  : 

  • รถยนต์ส่วนตัว  เส้นทางที่ 1 ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ถนนสายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะพบสี่แยกให้เลี้ยวขวาแล้วขับมาประมาณ 1 กม. จะพบ อุทยานหินเขางู อยู่ด้านซ้ายมือ  เส้นทางที่ 2 มาจากทางหลวงหมายเลข 3089 ( จากทางวัดหนองหอย) จะพบอุทยานหินเขางู อยู่ด้านขวามือ
  • รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารประจำทางจากตัวอำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :  www.เที่ยวราชบุรี.com
เรียบเรียง: Travel MThai

 

 

 

คลื่นทะเลถูกแช่แข็ง ในช่วงหน้าหนาวที่สุด ในรอบ 81 ปี!

คลื่นทะเลถูกแช่แข็ง ในช่วงหน้าหนาวที่สุด ในรอบ 81 ปี!

01

ในช่วงฤดูหนาว หลายคนอาจจะเคยเห็นภาพ ทะเลสาบ แม่น้ำ ที่ถูกเปลี่ยนจนเป็นน้ำแข็ง แต่ครั้งนี้แปลกกว่าเดิม เพราะสิ่งที่ถูกแช่แข็งนั้นคือ “ทะเล” หลายคนคงจะจินตนาการไม่ออกแน่ๆ ว่าถ้าทะเลถูกฤดูหนาวกล้ำกลาย มันจะมีสภาพเป็นอย่างไร?

02

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์สุดแปลก และน่าอัศจรรย์ก็ว่าได้ เมื่อชายคนหนึ่งชื่อว่า Jonathan Nimerfroh นักกระดานโต้คลื่น เขาได้เดินลงไปบริเวณชายหาดแห่งหนึ่งในตอนเช้า เข้ารู้สึกแปลกๆ และสังเกตุได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของทะเล เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เขาพบว่า คลื่นทะเลนั้นได้ถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเย็นไปซะแล้ว ซึ่งอากาศในวันนั้นอยู่ราวๆ 19 องศา และมีลมพัดแรง

คลื่นทะเลนั้นมีลักษณะเป็น คลื่นโคลน ส่วนใหญ่จะมีความสูงประมาณ 2 ฟุต และมีขนาดเล็กใหญ่สลับกันไป และเช้าวันต่อมาเขาก็ได้ขับรถมาดูทะเลแห่งนี้อีกครั้ง และพบว่ายังมีบางส่วนที่ยังไม่ละลาย ชาวประมงแถวนั้นบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 81 ปีของช่วงฤดูหนาวที่เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น

 

source : http://www.jdnphotography.com/

เรียบเรียงโดย: Travel MThai