5 ทะเลมัลดีฟส์เมืองไทย สวยจับใจ อ้อนแฟนพาไปที!

01

เว็บไซต์ Skyscanner ได้แนะนำทะเลสวยในเมืองไทย ที่สวยจับใจเหมือนทะเลมัลดีฟส์ โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินแพงๆ ไปเที่ยวถึงเมืองนอก เพราะทะเลเมืองไทยก็สวยไม่แพ้ที่ใดเหมือนกัน และบางที่ก็สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูด้วย ^^ ตามไปดูทั้ง 5 ที่กันเลยดีกว่า …

  1. เกาะรอก จังหวัดกระบี่

 

02

เกาะรอกเป็นเกาะสงบ มีธรรมชาติสวย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และตั้งอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลตรังและทะเลกระบี่ บนเกาะรอกมีส่วนของสันทรายเชื่อมต่อเกาะรอกในและรอกนอก ทรายที่นี่ขาวมากประดุจแป้งและนุ่มเท้าสุดๆ ที่เปรียบได้เป็นมัลดีฟส์ในไทย นอกจากนั้นแล้วคนที่ชอบดำน้ำจะแฮปปี้อย่างมากเพราะเกาะรอกมีแนวปะการังและหมู่ดอกไม้ทะเลรายล้อมอยู่รอบเกาะ

ไปเที่ยวเดือนไหนดี : ช่วงเวลาที่ดีสุดในการไปเยือน คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน

การเดินทาง : วิธีที่สะดวกและไวที่สุด คือ นั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดตรังและไปลงเรือที่ท่าเรือปากเมงไปเกาะรอก ใช้เวลานั่งเรือราว 1 ชั่วโมง หรือขับรถมายังจังหวัดกระบี่ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานีและเข้าทางหลวงหมายเลข 41 สู่ อ.ทุ่งสงและแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 403 สู่ห้วยยอดและตัดเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) สู่ตรังและไปท่าเรือปากเมงโดยเส้นทางตรัง-สิเกา-ปากเมง (ทางหลวงหมายเลข 4046-4162)

สำหรับการนั่งเครื่องบินมาลงที่กระบี่และต่อรถไปลงที่ท่าเรือกระบี่-ลันตา นั่งเรือประมาณ 30 นาที และสำหรับเรือจากเกาะลันตาไปเกาะรอกก็ประมาณ 30-40 นาที

  1. หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

 

03

เกาะสวยชื่อดังแห่งทะเลใต้ หลีเป๊ะมีทุกสิ่งที่คนรักทะเลถวิลหา ตั้งแต่ชายหาดสวย ทรายขาว น้ำทะเลใสเห็นปลาแหวกว่ายริมหาด จุดดำน้ำชมปะการังทั้งน้ำลึกและน้ำตื้นหลายจุด และที่เที่ยวเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ไม่ไกลกัน นี่มันมัลดีฟส์ไทยแลนด์ชัดๆ

นอกจากนั้นบนตัวเกาะก็ยังมีส่วนของหมู่บ้านชาวเล มีจุดวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ หลายแห่ง มีจุดชมวิวมุมสูงเพื่อชมโพ้นทะเลไกลบนเนินเขาที่สามารถเห็นวิวไปไกลได้ถึงเกาะอาดังเลยทีเดียว แถมหลีเป๊ะยังมีถนนคนเดินด้วย! สินค้าและอาหารพื้นเมืองยามค่ำคืนที่คุณจะได้อิ่มอร่อยกับเมนูขึ้นชื่อ “โรตีหลีเป๊ะ” พูดแล้วต้องรีบจองตั๋วเกาะมัลดีฟส์ไทยแห่งนี้ด่วนเลย!

ไปเที่ยวเดือนไหนดี : เดือนที่อากาศดี ปลอดลมมรสุม เหมาะแก่การเที่ยวหลีเป๊ะที่สุด คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนพฤษภาคม

การเดินทาง : วิธีที่สะดวกที่สุด คือ นั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ และต่อรถตู้หรือรถประจำทางไปที่ท่าเรือปากบาราเพื่อลงเรือไปยังหลีเป๊ะ ระยะเวลานั่งรถไปยังท่าเรือปากปาราราว 2 ชั่วโมง เรือที่ให้บริการมี 2 ประเภท คือ

  • เรือเร็วสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางราว 1.30 ชั่วโมง
  • เรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะทั่วไป ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง

สำหรับการขับรถมาเองนั้น จะต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จากกรุงเทพฯ ถึงชุมพรและเปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 41 สู่นครศรีธรรมราชและพัทลุงไปจนถึงอ.รัตภูมิ จ.สงขลาเพื่อกลับสู่ทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้งที่จะแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 406 เข้าจ.สตูล จากนั้นให้วิ่งตามเส้นทางฉลุง-ละงูเพื่อไปยังท่าเรือปากบารา มีบริการที่จอดรถบริเวณท่าเรือ

  1. เกาะเต่า-เกาะนางยวน
    จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

04

เกาะสวยที่โด่งดังเรื่องทะเลแหวก ทรายขาว น้ำทะเลใส เป็นเส้นทางทริปเที่ยวเกาะคู่ที่คุ้มสุดๆ ไฮไลท์ของเกาะเต่าและเกาะนางยวนที่นอกเหนือจากทะเลแหวกแล้ว ที่นี่ยังมีแนวปะการังใต้น้ำยาวกว่า 8 ก.ม. มีจุดดำน้ำสวยๆ หลายแห่ง เป็นแหล่งชมปลาทะเลสวยงามของไทย

อีกทั้งการเดินทางไปเที่ยว-ไปพักก็สะดวกสบายมาก สามารถลงเรือไปยังเกาะเต่า-นางยวนได้จากท่าเรือหลายแห่ง ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากเทียบเรื่องความงามใกล้เคียง ที่นี่ก็น่าจะยกให้เป็นเกาะมัลดีฟส์ประเทศไทยได้อีกแห่งเช่นกัน

ไปเที่ยวเดือนไหนดี : ทะเลแถบนี้สามารถเที่ยวได้เรื่อยๆ ตลอดปี

การเดินทาง : สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่ชุมพรหรือสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) ได้และไปต่อเรือยังท่าเรือที่ให้บริการต่างๆ หลายแห่ง ท่าเรือเด่นๆ เช่น

  • จากชุมพรไปขึ้นเกาะนั้น สามารถไปลงเรือที่ท่าเรือเร็วลมพระยา และนั่งเรือไปเกาะเต่าราว 1.45 ชั่วโมง หรือไปลงเรือที่ท่าเรือท่ายางที่มีบริการของเรือนอน (เดินทาง 6 ชั่วโมง) และเรือด่วน (เดินทาง 2 ชั่วโมง)
  • จากสุราษฎร์ธานีไปขึ้นเกาะเต่า สามารถไปขึ้นเรือที่ท่าเรือซีทราน (เกาะสมุย) ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง
  • สำหรับการขับรถมาเที่ยวสามารถใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ชุมพรเพื่อไปยังท่าเรือ หรือถ้าจะลงเรือจากสุราษฎร์ธานีจะต้องขับจากชุมพร-สุราษฎร์ธานีด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอ.ไชยา สู่สุราษฎร์ธานีและไปยังท่าเรือที่ต้องการ
  1. เกาะกูด จังหวัดตราด

 

05

เกาะท่องเที่ยวทะเลไทยฝั่งตะวันออกยอดนิยม เกาะกูดมีหาดสวยๆ อยู่รอบเกาะ โดยเฉพาะที่อ่าวกล้วยที่มีหาดทรายขาวยาวกว่า 300 เมตร แถมน้ำทะเลที่นี่ก็ลงเล่นได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวคลื่นซัดไปนอกชายฝั่ง มีจุดชมวิวอาทิตย์อัสดงสุดโรแมนติก

สำหรับคนที่ชอบดำน้ำก็สามารถไปส่องโลกใต้น้ำกันได้ที่บริเวณอ่าวยายเกิดและเกาะไม้ซี้ มากไปกว่านั้นเกาะกูดยังมีน้ำตกสวยงามในตัวเกาะและที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถไปเที่ยวชมได้อีกด้วย

นอกจากนั้นในระยะหลังมานี้ก็มีที่พักแนวกระท่อมกลางน้ำสไตล์ทะเลมัลดีฟส์ไทยหลายแห่ง ใครที่อยากไปมัลดีฟส์แต่เวลามีน้อยหรืองบจำกัด ลองมาเที่ยวเกาะมัลดีฟส์เมืองไทยที่ตราดนี้แทนก็ได้ ทะเลไทย สวยไม่แพ้ทะเลไหนนะจะบอกให้

ไปเที่ยวเดือนไหนดี : เกาะกูดนั้นสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ฤดูที่อากาศดีสุดและเป็นช่วงไฮซีซั่นจะอยู่ที่ระหว่างเดือนตุลาคม-เดือนพฤษภาคม

การเดินทาง : สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดตราดและต่อเรือที่ให้บริการต่างๆ ดังนี้

  • ท่าเรือสปีดโบ๊ทและเรือเร็ว ใช้เวลาราว 45 นาที – 1.30 ชั่วโมง ได้แก่ ท่าแหลมศอกและท่าเรือด่านเก่า
  • ท่าเรือธรรมดา ใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง ได้แก่ ท่าเรือแหลมงอบ ท่าเรือโชคสาธร
  • สำหรับคนที่ขับรถมาให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (บางนา-ตราด) และตรงไปลงเรือที่ท่าเรือดังที่กล่าวไปข้างต้น

 5. เกาะพยาม จังหวัดระนอง

06

“เกาะพยาม ระนอง มัลดีฟส์เมืองไทย” ที่ใครๆ กำลังกล่าวขวัญถึงกันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีน้ำทะเลสีสวยใส ชายหาดขาวกว้างใหญ่น่านอนเล่น และมีความสงบเป็นส่วนตัวแล้ว เกาะพยามยังเป็นที่เที่ยวทางทะเลแห่งแรกๆ ในไทยที่มีการจัดทำกระท่อมที่พักกลางน้ำสไตล์มัลดีฟส์ขึ้นมา เรียกว่าเอาใจนักท่องเที่ยวสุดๆ

มากไปกว่านั้นแล้ว ในตัวเกาะพยามก็ยังมีส่วนของคลองในเกาะที่ไหลไปสู่ทะเลอันดามัน จุดชมวิวบริเวณนี้บอกเลยว่าสวยมาก มีทิวแถวไร่มะม่วงหิมพานต์และสวนยางพาราของชาวบ้าน กิจกรรมหลักของการไปเที่ยวที่เกาะพยาม คือ “ไปรีแลกซ์” แบบลืมโลกวุ่นวาย พูดแล้วก็ชักอยากไปเป็นชาวเกาะพยามขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วเนี่ย

ไปเที่ยวเดือนไหนดี : เดือนที่น่าไปเที่ยวมากที่สุด คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนพฤษภาคม

การเดินทาง :

  • สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่ระนองและต่อรถไปยังท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น เรือที่ให้บริการข้ามไปเกาะพยามมี 2 ประเภท คือ
  • เรือข้ามเกาะธรรมดา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง
  • เรือเร็วสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • สำหรับคุณที่เลือกจะขับรถไปยังระนองและต่อเรือขึ้นเกาะ สามารถใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) และแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ที่อำเภอปากท่อ และตรงดิ่งไปยังจังหวัดระนอง และเดินทางไปท่าเรือที่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจปากน้ำ บริเวณท่าเรือมีบริการรับฝากรถด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพดีๆ จาก : https://www.skyscanner.co.th

เรียบเรียงโดย: Travel MThai

เกาะไหง ทรายสุดขาว ทะเลสุดสวย เสน่ห์เมืองตรัง

01

ทะเลสวยงาม ชายหาดที่แสนสงบ ช่างหายากซะเหลือเกินจริง! ทะเลที่ไหนมีชื่อเสียงดัง ย่อมเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน มาเดินกันตรึมบนชายหาด ทะเลสวยสงบที่เราวาดฝัน สลายลงไปทันที งานนี้ไม่กลัว Travel MThai พาสมาชิกมิตรรัก ไปรู้จักท้องทะเลอีกหนึ่งแห่ง ที่สวยงาม สงบ ธรรมชาติยังอยู่ครบ แถมผู้คนยังไปเที่ยวไม่มากนัก นั่นคือเกาะไหง เกาะสวยงามฝั่งทะเลอันดามัน กันครับ

02

เกาะไหง เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวดังแป้ง ยาวตลอดแนวฝั่งตะวันออก ตามแผนที่แล้ว เกาะไหงเป็นแหล่งกำบังคลื่นลมจากมหาสมุทรได้ดี ตั้งอยู่อยู่ในเขตรอยต่อของจังหวัดกระบี่ และตรัง แต่ว่าตามพื้นที่ตั้งแล้ว เกาะไหง ถือว่าเป็นเกาะที่อยู่ในเขตจังหวัดตรัง มากกว่ากระบี่ สำหรับการเดินทางจาก ท่าเรือปากเมง ในจังหวัดตรัง จะสะดวกกว่าสำหรับผู้ที่ตั้งใจจะไปเกาะไหงโดยตรง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวไม่น้อย โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เลือกที่จะเดินทางจาก เกาะลันตา มายังเกาะไหง

03

เกาะไหง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีความเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเกาะลันตามาก เป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีทางรถยนต์บนเกาะ ไม่เหมือนเกาะลันตา ที่เป็นอำเภอ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เกาะไหงจึงเหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติ และท้องทะเลจริงๆ ตลอดชายฝั่งตะวันออกยาว 2.2 กม. เป็นชายหาดสีขาว และแนวปะการังทางปลายเกาะ ทางตะวันออกเฉียงใต้เกาะ มีอ่าวเล็กๆ แถวท่าเรือเป็นแหล่งดำน้ำตื้นชั้นเยี่ยม หากเราเดินต่อไปทางใต้จะพบ แหลมกวนอิม (สงสัยชาวบ้านแถบนี้ เขาดูแล้วลักษณะคล้ายเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม)

04

นอกจากนี้ มีจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็น อ่าวโกตง มีหาดทรายยาว 1 กม. เป็นที่ตั้งของ Koh Ngai Paradise บนเขาทิศเดียวกันนี้ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เราสามารถดำน้ำเล่นแถวนี้ได้ หรืออาจจะถามเจ้าหน้าที่ให้พาไปจุดชมวิว น่าจะใช้เวลาเดินเท้าสัก 2 กม. เพื่อไปถึงยอดเขาชมวิวทะเลตรังทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก

05

จุดเด่นของเกาะไหง คือ น้ำทะเลใส ไม่ไกลนัก ทางปลายเกาะจะมีแหล่งดำน้ำตื้น (snorkeling) ชั้นยอดอยู่ ไม่ควรพลาดหากได้มาเยือน ที่พักบนรีสอร์ทบนเกาะไหง เป็นจุดชมหมู่เกาะน้อยใหญ่ได้สวยงาม ชาวต่างชาตินิยมมาอาบแดด อ่านหนังสือริมหาด หรือหากชอบดำน้ำ ก็สามารถเช่าอุปกรณ์ ได้ที่รีสอร์ท ราคาประมาณ 50 บาท หรือซื้อทัวร์เที่ยว 4 เกาะ ราคา 700 บาท/คน มีขายอยู่ทุกวัน  สี่เกาะที่ไม่ควรพลาดคือ เกาะเชือก เกาะม้า ถ้ำมรกต (เกาะมุก) อยู่อีกด้านของเกาะต้องมุด และลอยตัวเข้าไปในถ้ำ และเกาะกระดาน หรืออีกทริปที่น่าสนใจคือ เกาะรอก ขึ้นเหนือไปทางเกาะลันตา ประมาณ 29 กม.จากเกาะไหง ราคาจะสูงอีกหน่อย ประมาณ 1200 บาท/คน โดยเรือเร็ว รวมค่าเข้าอุทยานฯ หมู่เกาะลันตา

06

สำหรับนักดำน้ำลึก เราสามารถเรียนคอร์ส Scuba ได้ที่นี่ หรือเลือกดำน้ำตื้นแทน ส่วนคนที่ยังไม่พร้อม สามารถพายเรือแคนู เที่ยวหมู่เกาะใกล้เคียง ว่ายน้ำเล่นริมหาด หรือเดินป่าศึกษาธรรมชาติหลังเกาะ แทนกันก็ได้

ถ้าหากนักท่องเที่ยวท่านใด มีแผนจะไปเที่ยวทะเลในช่วงปลายปีนี้ แบบใกล้ชิดธรรมชาติ ห่างไกลจากผู้คนพลุกพล่านในจำนวนมาก ที่เกาะไหง คืออีกหนึ่งท้องทะเลอันเงียบสงบ และยังมีธรรมชาติที่สวยงามแบบเพียวๆ รอเราอยู่ในตอนนี้ ถ้าไปเที่ยวช้ากว่านี้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตท้องทะเลแห่งนี้ ยังคงสวยงามเหมือนเดิมหรือเปล่า? เหมือนหลายๆ ที่เคยประสบชะตากรรมเช่นนี้มาก่อน จริงมั้ย!?

07 08

ขอบคุณข้อมูลและภาพ : เกาะไหงดอทคอม / tourresorthotel.com / thailandlandscape.com / trangeasytravel.com

เรียบเรียงโดย : Travel MThai

เที่ยวคลายร้อน กับ 10 ที่เที่ยวจังหวัดตราด หาดสวย ทะเลใส

01

ยังไม่เข้าหน้าร้อนแบบจริงจัง แต่แดดก็มาซะเต็มสตรีม! จะให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็น่าเบื่อเกินไป เพราะฉะนั้นเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง ไปหาที่เที่ยวคลายร้อนกันดีกว่า เรามีที่เที่ยวคลายร้อน กับ 10 ที่เที่ยวจังหวัดตราด หาดสวย ทะเลใส มาฝากกัน พักกาย พักใจ โดดน้ำทะเลใสๆ กันเถอะ ^^

1. เกาะช้าง (Koh Chang Island)

02

เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต ซึ่งมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของตราด ครอบคลุมพื้นที่เกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ และเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างอีกด้วย เกาะนี้จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญของภาคตะวันออก

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวของเกาะก็มีทั้งชายหาดกับน้ำทะเลใสสะอาด รวมทั้งยังมีภูเขาสูง น้ำตกที่สวยงามที่ซ่อนอยู่ภายในป่า และมีป่าชายเลนเป็นบางส่วน จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายมาก และสะดวกสบายด้วยการนำรถยนต์ข้ามไปเที่ยวบนเกาะได้

2. เกาะกูด (Koh Kood Island)

03
เกาะกูดเป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของจังหวัดตราด และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีความพิเศษในฐานะที่เป็นเกาะสุดท้ายของแผ่นดินไทยทางน่านน้ำฝั่งตะวันออก (ไม่มีเกาะอะไรอีกแล้วจนเข้าเขตกัมพูชา)

แม้ว่าเกาะนี้จะเป็นเกาะใหญ่ แต่ไม่มีบริการเรือเฟอร์รี่บรรทุกรถยนต์ข้ามไปบนเกาะเหมือนเกาะช้าง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความงดงามที่เขาร่ำลือกัน จนต้องไปชมให้เห็นกับตา เพราะเกาะกูดนี้เองที่ได้รับฉายาว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” เนื่องจากตัวเกาะที่อยู่ห่างไกลชายฝั่ง ทำให้น้ำทะเลใสสะอาดจนเห็นท้องทราย และยังเป็นเกาะที่ชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างงดงามอีกด้วย

3. เกาะกระดาด (Koh Kradad Island)

04
Cr. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เกาะหน้าตาแปลกที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก! ด้วยภูมิประเทศของเกาะที่มีลักษณะแบนราบเหมือนกับกระดาษ ไม่มีภูเขาสูงแบบเกาะอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย บนเกาะเต็มไปด้วยต้นสนและต้นมะพร้าวรับลมเย็นสบาย มีคลื่นน้ำทะเลสีเข้มและหาดทรายสีเหลืองนวล

แต่นอกจากเป็นสถานที่พักผ่อนชมทะเลแล้ว ที่เกาะกระดาดนี้ยังเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวซึ่งมีการเก็บขายอยู่ทุกวัน และที่แปลกตายิ่งกว่านั่นก็คือ มี “ฝูงกวาง” ที่อยู่อาศัยบนเกาะนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลย โดยคุณสามารถนั่งรถอีแต๋นชมบรรยากาศรอบเกาะได้ เนื่องจากเป็นเกาะส่วนตัวในความดูแลของเกาะกระดาดรีสอร์ท จึงต้องเสียแพคเกจเข้าพัก

4. เกาะรัง (Koh Rung Island)

05

เกาะรังเป็นหนึ่งในหมู่เกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดตราดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการดำน้ำตื้นดูรอบโขดหินกลางทะเล เพราะบริเวณโดยรอบเกาะมีโขดหินโผล่พ้นเหนือน้ำอยู่หลายจุด มีปะการังและปลาทะเลมากมายหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่

นอกจากการดำน้ำแล้ว เกาะรังยังมีชื่อเสียงในเรื่องของรังนกนางแอ่น โดยเป็นเกาะแห่งเดียวในจังหวัดตราดที่มีสัมปทานเก็บรังนกนางแอ่นคุณภาพดี ส่วนผู้ที่ต้องการพักผ่อนที่เกาะแห่งนี้ก็มีพื้นที่ให้บริการกางเต็นท์ค้างคืน แต่ไม่มีโรงแรมที่พักเนื่องจากเป็นเกาะที่อยู่ในเขตอนุรักษ์ของอุทยานฯ

5. หาดทรายดำ (Sai Dum/Black Sand Beach)

06

ทราบหรือไม่ว่าในโลกนี้มีหาดเพียง 5 แห่งเท่านั้นที่มีทรายเป็นสีดำ และที่ “หาดทรายดำ” ของอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ก็เป็นหนึ่งใน 5 หาดนั้น! โดยหาดแห่งนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าหาดหัวสน ซึ่งเป็นหาดในลักษณะป่าชายเลนที่มีทรายสีดำสนิทสมชื่อ และจะปรากฏให้เห็นในช่วงน้ำลงสุดเท่านั้น

โดยชาวท้องถิ่นเชื่อว่าทรายสีดำของหาดนี้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้เพียงแค่หมกตัวนอนอยู่ในทราย เท็จจริงอย่างไรยังไม่มีใครพิสูจน์ แต่ที่แน่ ๆ ความสวยงามแปลกตาของหาดนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้มาชม ซึ่งปัจจุบันก็มีการจัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติร่วมกับป่าชายเลนด้วย

6. หาดมุกแก้วและหาดทรายแก้ว
(Muk Kaew & Sai Kaew Beach)

07
ถ้าอยากเที่ยวทะเลจังหวัดตราดแบบไม่ข้ามเกาะ 2 หาดที่อยู่ติดกันนี้คือตัวเลือกที่เหมาะเจาะพอดี เพราะเป็นชายหาดใหญ่ของตราดที่มีรีสอร์ทน้อยใหญ่ให้บริการติดทะเล เดินทางสะดวกสบายใกล้อำเภอเมืองตราด และยังมีความเงียบสงบน่าพักผ่อนเป็นอย่างมาก

โดยความสวยงามของชายหาดทั้ง 2 แห่งนี้ก็มีทั้งน้ำทะเลสวย หาดทรายขาวสะอาดยาวต่อเนื่องจนสุดสายตา และยังมีทิวสนและทิวมะพร้าวสร้างความร่มรื่นริมชายฝั่งอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนยอดนิยมสำหรับครอบครัว และยังมีความพิเศษตรงบริเวณหาดมุกแก้วที่ทำมุมเหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกอย่างพอดิบพอดี

7. เกาะหมาก (Koh Mak Island)
08
เกาะใหญ่อันดับ 3 ของตราดซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด บนเกาะแห่งนี้มีจุดเด่นตรงพื้นที่เกาะซึ่งเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวสูงชะลูด ทั้งยังเป็นเกาะที่มีชายหาดน่าเล่นหลายแห่ง อาทิเช่นอ่าวตานิด อ่าวไผ่ อ่าวแดง และอ่าวพระ

8. เกาะขาม (Koh Kham Island)
09
อีกหนึ่งเกาะที่มีธรรมชาติสวยงามและมีชื่อเสียงโด่งดัง มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสจนมองเห็นปะการังพื้นทะเล จึงเหมาะกับการดำน้ำดูปลาทะเลและปะการังเป็นอย่างมาก และยังมีไฮไลท์เป็นสันทรายทอดลงทะเลที่ยาวถึง 300 เมตร

9. น้ำตกสะพานหิน (Sapan Hin Waterfalls)
10
มาถึงที่เที่ยวที่ไม่ใช่ทะเลกันบ้าง เพราะที่เที่ยวของตราดยังมีไฮไลท์สวยๆ ในรูปแบบอื่น ๆ อีก อย่างน้ำตกสะพานหิน ซึ่งเป็นน้ำตกใหญ่อันมีชื่อเสียงของตราดด้วยมีน้ำตลอดทั้งปีจึงมาเที่ยวได้ตลอดปีเช่นกัน

มีความพิเศษอยู่ตรงชั้นล่างของน้ำตกที่น้ำจะไหลผ่านแผ่นหินเตี้ยๆ ในทางราบจนดูคล้ายกับสะพาน แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของน้ำตกทั้งหมดที่มีความสูงรวมถึง 30 เมตร และสามารถเล่นน้ำได้ในบางจุด

น้ำตกนี้จึงเป็นที่เที่ยวพักผ่อนยอดฮิตของชาวเมืองตราด และโดยรอบยังมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มให้บริการอีกด้วย ส่วนฤดูฝนจะมีกระแสน้ำแรงและเชี่ยวกราด ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเล่นน้ำเป็นพิเศษ

10. บ้านน้ำเชี่ยว (Nam Chiew Village)
11
หากคุณกำลังมองหาโฮมสเตย์ดี ๆ เข้าถึงวิถีชาวบ้านได้อย่างกลมกลืนล่ะก็ บ้านน้ำเชี่ยวยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยชุมชนที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตและการท่องเที่ยวจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

นับตั้งแต่ก้าวแรกคุณก็สามารถชมวิถีชีวิตของชาวบ้านได้แทบจะทุกรูปแบบ ทั้งการต่อเรือ การหาปลา ชิมขนมเบื้องและตังเมกรอบ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการลองทำเองแบบสด ๆ

และที่สร้างความตื่นตาให้กับการท่องเที่ยวที่บ้านน้ำเชี่ยวเป็นอย่างมากคือการเดินชมป่าชายเลนบนเส้นทางเดินป่าที่จัดทำขึ้นเป็นอย่างดี ให้คุณสัมผัสกับผื่นป่าอันอุดมสมบูรณ์ริมทะเลตราดได้อย่างใกล้ชิด

Source: https://www.skyscanner.co.th
ขอบคุณข้อมูลจาก:
Travel MThai