13 ทุ่งทานตะวัน ทั่วไทย เที่ยวฟิน ถ่ายรูปสวย

ในประเทศไทยนั้นมี ทุ่งทานตะวัน ให้เที่ยวชมมากมายหลากหลายแห่งเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่จังหวัดลพบุรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีการปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ ก็มีทุ่งทานตะวันด้วยเช่นกัน อย่างจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดนครราชสีมา วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุ่งทานตะวันที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

13 ทุ่งทานตะวัน ทั่วไทย เที่ยวฟิน ถ่ายรูปสวย

ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล
จังหวัดลพบุรี

หลังจากมาไหว้พระที่วัดเวฬุวันเพื่อเสริมสิริมงคลแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมทุ่งทานตะวันเขาจีนแลที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วยนะคะ ซึ่งที่ ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแลแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 1,400 ไร่ ถือได้ว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังเป็นทุ่งทานตะวันที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองลพบุรี เนื่องด้วยทิวทัศน์ด้านหลังของทุ่งทานตะวันติดกับภูเขาสูงต่ำลดหลั่นกันไปที่มีชื่อเรียกว่า “เขาจีนแล” ทำให้ทัศนียภาพของทุ่งทานตะวันมีความสวยงามมากๆ เรียกได้ว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ และเมื่อถึงเทศกาลทุ่งตะวันบานที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคมของทุกปี ที่นี่ก็จะมีการจัดกิจกรรมนั่งรถรางชมดอกทานตะวันอย่างใกล้ชิด เสียค่าบัตรเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลพบุรีเพียง 10 กิโลเมตร บริเวณเขาจีนแล ใกล้กับวัดเวฬุวัน
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

************************************************************

ทุ่งทานตะวันวัดป่าสุวรรณหงษ์ (เขาจีนแล 2)
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก : TAT Lopburi

ทุ่งทานตะวันวัดป่าสุวรรณหงษ์ (เขาจีนแล 2) เลยอ่างเก็บน้ำซับเหล็กไม่ไกลมากนัก และมีความสวยงามไม่แพ้ทุ่งทานตะวันเขาจีนแลที่อยู่ใกล้กับวัดเวฬุวันเลยทีเดียวค่ะ เพราะที่นี่มีดอกทานตะวันชูช่อรับแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าละลานตา โดยด้านหลังของทุ่งทานตะวันจะมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามที่เรียกว่า “เขาตะกร้า”

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง ใกล้กับวัดป่าสุวรรณหงษ์
ค่าเข้าชม: คนละ 5 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันเขาโด่
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก oneinthailandworld

ทุ่งทานตะวันเขาโด่นั้นเป็นทุ่งทานตะวันที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีค่ะ เพราะนอกจากจะได้ถ่ายรูปกับดอกทานตะวันสีเหลืองสดบานเต็มท้องทุ่งบนเนื้อที่กว่า 30 ไร่แล้ว ทิวทัศน์ด้านหลังของทุ่งทานตะวันยังเป็นภูเขาสูงรูปร่างแปลกตาที่มีชื่อเรียกว่า “เขาเที่ยง” หรือ “เขาโด่” นั่นเองค่ะ อีกทั้งยังมีสะพานให้เดินชม หรือจะนั่งโพสท่าถ่ายรูปสวยๆ บนชิงช้ากลางทุ่งก็ไม่ว่ากันค่ะ

ที่ตั้ง: บ้านหนองขาม บริเวณหมู่ 7 ทางเข้าวัดป่าสุพรรณหงษ์ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง
จังหวัดลพบุรี

หากต้องการมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง ให้จอดรถที่วัดหัวดงและนั่งรถอีแต๊กนำเที่ยวของชาวบ้านมาส่งที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้ค่ะ แต่ก่อนจะไปนั่งรถอีแต๊กนั้นก็อย่าลืมเตรียมหมวก ร่ม หรือเสื้อคลุมมาด้วยนะคะ เพราะระหว่างทางนั้นฝุ่นค่อนข้างเยอะ เนื่องจากถนนที่เข้ามายังทุ่งทานตะวันเป็นทางที่ค่อนข้างขรุขระเป็นระยะทางถึง 2 กิโลเมตร และเมื่อมาถึงแล้ว เราก็จะได้สัมผัสกับดอกทานตะวันสีเหลืองที่บานสะพรั่งละลานตาอยู่เต็มท้องทุ่งอย่างใกล้ชิดบนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะสามารถเดินเล่นชมทิวทัศน์โดยรอบแล้ว ยังมีภาพสวยๆ คู่กับดอกทานตะวันไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลด้วย

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในบ้านหัวดง หมู่ 5 ตำบลคลองเกตุ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณปู่
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ทานตะวันไร่คุณปู่ จำหน่ายเมล็ดเพาะต้นอ่อนทานตะวันงอก

ทุ่งทานตะวันไร่คุณปู่นั้นมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และเป็นทุ่งทานตะวันที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เนื่องจากอยู่คู่กับลพบุรีมานานค่ะ ซึ่งที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกทานตะวันที่ชูช่อสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง แต่ที่นี่อากาศร้อนไปสักหน่อยก็อย่าลืมเตรียมหมวก หรือร่มไว้กันแดดนะคะ ผิวจะได้ไม่เสีย

ที่ตั้ง: กิโลเมตรที่ 11-12 ทางหลวงหมายเลข 21 .ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท หากนั่งรถอีแต๊กมาจะเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณลุงท๊อป
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก :  ไร่คุณลุงท๊อป ต้นอ่อนทานตะวัน ออแกนิค

ก่อนจะไปเที่ยวชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวันสวยๆ ที่ทุ่งทานตะวันไร่คุณลุงท๊อปกันนะคะ ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยว บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปีค่ะ

ที่ตั้ง: บริเวณทางเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณวิรัช (เขาตะกร้าทอง)
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก : ตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี Tourist Police Lopburi

ทุ่งทานตะวันไร่คุณวิรัช หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ทุ่งทานตะวันเขาตะกร้าทอง” มีพื้นที่กว่า 20 ไร่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปีจะมีดอกทานตะวันที่ชูช่อสีเหลืองสวยงามอร่ามตาบานเต็มท้องทุ่งเพื่อต้อนรับแสงแดดยามหนาวและนักท่องเที่ยวค่ะ

ที่ตั้ง: หลังเขาตะกร้าทอง ใกล้กับศาลพระกาฬ ถนนนารายณ์มหาราช
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์

ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์มีพื้นที่กว่า 50 ไร่ เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปีจะมีดอกทานตะวันที่ออกดอกชูช่อรับแสงตะวันยามเช้าต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนและถ่ายรูปกันค่ะ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ที่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม อยู่ก่อนถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 4 กิโลเมตร
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่ลุงจ๊อด
จังหวัดลพบุรี

ขอบคุณภาพจาก ไร่ลุงจ๊อด ทุ่งทานตะวันบาน ต.โคกตูม อ.เมืองลพบุรี

ทุ่งทานตะวันไร่ลุงจ๊อดถือเป็นทุ่งทานตะวันแห่งแรกๆ ของจังหวัดลพบุรีเลยล่ะค่ะ ซึ่งที่นี่จะมีพื้นที่กว้างกว่า 30 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวันที่ออกดอกสีเหลืองเต็มท้องทุ่งไปพร้อมกับวิวสวยๆ ของภูเขาไกลๆ ที่อยู่ด้านหลัง นอกจากนั้นยังมีบริการนั่งรถอีแต๊กชมทุ่งทานตะวันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย หรือหากใครต้องการซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนที่เรารัก ญาติสนิทมิตรสหายแล้วล่ะก็สามารถแวะมาเลือกชม เลือกช้อปกันได้ที่ร้านของฝากค่ะ

ที่ตั้ง: .โคกตูม อ.เมือง
ค่าเข้าชม: คนละ 10 บาท // นั่งรถอีแต็กคนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวัน
จังหวัดนครราชสีมา

ขอบคุณภาพจาก : ไร่พราวตะวัน เขาใหญ่

หากใครจะมาเที่ยว Toscana Valley ที่เขาใหญ่ในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวันกันนะคะ ซึ่งที่ทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวันแห่งนี้อยู่ตรงข้ามกับ Toscana Valley บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ โดยด้านหน้าจะมีร้านขายอาหารและร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชิม เลือกช้อปได้ตามอัธยาศัย ส่วนภายในไร่นั้นจะมีจุดชมวิวในมุมสูงที่สามารถมองเห็นทุ่งทานตะวันทั่วทั้งไร่ได้อย่างสุดไกลลูกหูลูกตา อีกทั้งยังมีระเบียงชมวิวภายในไร่พร้อมกับมีมุมถ่ายภาพที่จัดตกแต่งไว้อย่างน่ารักๆ อีกด้วยค่ะ

เมื่อเดินชมทุ่งทานตะวันจนสุดทาง แล้วหันหลังมองกลับไปก็จะเห็นวิวของ Toscana Valley โดดเด่นผ่านทุ่งทานตะวัน และหลังจากถ่ายรูปกับดอกทานตะวันจนหนำใจ ก็สามารถแวะไปเที่ยวชมทุ่งปอเทืองที่อยู่ติดกันได้นะคะ สวยงามไม่แพ้กันเลย

ที่ตั้ง: ตรงข้ามกับ Toscana Valley บ้านเนินทอง ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ค่าเข้าชม: คนละ 20 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร
จังหวัดนครราชสีมา

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร จัดได้ว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่มีทิวทัศน์สวยงามแปลกตาจากที่เคยพบเห็นมา เนื่องจากเป็นทุ่งทานตะวันที่โค้งลดเลี้ยวไปตามเนินเขาบนพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 540 ไร่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างหลั่งไหลมาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย แล้วยิ่งได้เห็นดอกทานตะวันสีเหลืองที่ชูช่อรับแสงแดดอุ่นๆ เต็มท้องทุ่งในฤดูหนาวแล้วล่ะก็ จะเห็นทิวทัศน์โดยรอบสวยงามกว้างใหญ่อร่ามตาเลยล่ะค่ะ

หากต้องการมาเที่ยวชมความงามของทุ่งทานตะวันก่อนใคร ควรหลีกเลี่ยงวันเสาร์อาทิตย์ และมาในวันธรรมดาแทนจะดีกว่าค่ะ เพราะคนน้อยกว่า ถ่ายภาพสะดวกมากกว่า ที่สำคัญควรมาถึงแต่เช้าไม่เกิน 10 โมง เนื่องจากดอกทานตะวันที่นี่จะเริ่มแห้งเหี่ยวและคอตก ทำให้ถ่ายภาพไม่สวยค่ะ ที่สำคัญแนะให้เตรียมเก้าอี้เล็กๆ  มาจากบ้านกันด้วยนะคะ เนื่องด้วยดอกทานตะวันมีลำต้นที่สูงกว่าตัวเรามาก แต่ถ้าไม่ได้เตรียมเก้าอี้มา ทางไร่มณีศรจะมีบันไดไม้ หรือเก้าอี้จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวค่ะ รับรองว่าภาพที่ได้ออกมานั้นจะต้องสวยงามมากแน่ๆ

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง ใกล้กับ panther creek resort
ค่าเข้าชม: เด็กคนละ 20 บาท / ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันเป๋าตุงฟาร์ม
จังหวัดนครสวรรค์

ขอบคุณภาพจาก : เป๋าตุงฟาร์ม

ทุ่งทานตะวันเป๋าตุงฟาร์มมีพื้นที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นตรงที่ดอกทานตะวันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากและลำตัวก็ไม่สูงเกินไป ทำให้ยืนถ่ายภาพคู่กับดอกทานตะวันหรือแทรกตัวในทุ่งทานตะวันได้ง่ายกว่า หรือจะนำกองฟางที่กองอยู่ที่พื้นตรงหน้าป้ายมาต่อกันเป็นเก้าอี้ให้ยืนถ่ายภาพสวยๆ ก็ได้นะคะ

ที่ตั้ง: ทางหลวงหมายเลข 1145 (ตากฟ้าท่าตะโก) ช่วงกิโลเมตรที่ 7 .ตากฟ้า
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชม

**********************************************************

ทุ่งทานตะวันที่บึงสามพัน
จังหวัดเพชรบูรณ์

ขอบคุณภาพจาก businesseventsthailand

ทุ่งทานตะวันที่บึงสามพันนี้มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 2 หมู่บ้านคือ บ้านเขาพลวงและบ้านป่ายาง เมื่อถึงช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมของทุกปีจะถือว่าเป็นช่วงที่ดอกทานตะวันบานสะพรั่งรับแสงแดดอุ่นๆ ท่ามกลางขุนเขาและสายลมหนาวที่มาเยือน ซึ่งดอกทานตะวันของที่นี่จะมีความสวยงามแปลกตากว่าที่อื่น เนื่องจากสายพันธุ์ที่นำมาปลูกเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูงต่ำสลับกันไป อีกทั้งพื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้การเจริญเติบโตอย่างเต็มที่

ถ้าหากได้มาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงเดือนธันวาคม นอกจากจะเที่ยวชมดอกทานตะวันที่เบ่งบานเต็มท้องทุ่งแล้วก็ อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมงาน “ตะวันบานบนภูที่บึงสามพัน” กันนะคะ ภายในงานนี้มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับดอกทานตะวันตั้งหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการประกวดดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุด การประกวดธิดาตะวัน การแปรรูปเมล็ดทานตะวัน และการจำหน่ายผลผลิตจากดอกทานตะวัน เราสามารถเลือกชม เลือกช้อปของฝากติดไม้ติดมือได้อย่างหลากหลายเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : LoveYouFlower

11 เส้นทางขับรถเที่ยว สโลไลฟ์ ชมวิว ชิลล์ สบายใจ

คงจะจริงอย่างที่มีคนบอกไว้ว่า บางครั้งจุดหมายปลายทาง อาจไม่สำคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้คนใหม่ๆ ที่พบเจอ หรือเพียงแค่ได้สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ป่า เขา ต้นไม้ บรรยากาศดีๆ ที่อยู่รอบตัว เท่านี้ก็มีความสุข … Travel mthai ขอชวนไปสโลไลฟ์ ขับรถเรื่อยๆ ชิลล์ๆ ชมวิวสวยๆ กับ 11 เส้นทางขับรถเที่ยว รับรองว่าเพื่อนๆ จะประทับใจ จนอยากตามเราไปเที่ยวแน่นอน

11 เส้นทางขับรถเที่ยว
สโลไลฟ์ ชมวิว ชิลล์ สบายใจ

1. เส้นทางสายโรแมนติก น่านภูลังกาเชียงราย

ขอบคุณภาพจาก : ท้าเที่ยวข้ามภาค

เส้นทางนี้ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 1148 ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางสายโรแมนติก ที่จะพาคุณมุ่งตรงสู่จังหวัดน่าน สภาพถนนค่อนข้างคดเคี้ยว มีขึ้นเขาสลับกับทางราบ ตลอดสองข้างทางขนาบด้วยวิวทิวทัศน์ ป่าเขียวขจี ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้ ธรรมชาติยิ่งสวยคูณสอง อากาศดีแสนดี ควรเริ่มต้นทริปที่ดอยเสมอดาว แล้วขับขึ้นไปค้างแรมสักคืนที่ภูลังการีสอร์ท ตื่นเช้ามาให้ทะเลหมอกลอยปะทะหน้า ฟินสะใจ

************************************************************

2. สะพานห้วยตอง หรือสะพานพ่อขุนผาเมือง

สะพานห้วยตอง หรือสะพานพ่อขุนผาเมือง ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 12 เชื่อมระหว่างภาคอีสาน (.ขอนแก่น) และภาคเหนือ (.เพชรบูรณ์) เข้าด้วยกัน เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีตอม่อสูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 50 เมตร ใช้เป็นเส้นทางผ่านไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

บริเวณนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงคอสะพานที่สามารถมองเห็นความโค้งของสะพานตัดกับภูเขาและป่าไม้เขียวขจีโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ และสำหรับใครที่อยากจะจอดรถลงไปถ่ายภาพก็ควรใช้ความระมัดระวังให้มาก เพราะบริเวณนี้มักเกิดอุบัติเหตุบ่อย

************************************************************

3. ถนนเลียบทะเลเขาสามมุก จ.ชลบุรี

อีกหนึ่งเส้นทางขับรถเที่ยวสวยๆ ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะสำหรับใครที่ไม่อยากเดินทางไกล สามารถแวะเที่ยวบางแสน พัทยาต่อได้ ที่นี่เป็นถนนเลียบริมทะเลเขาสามมุก สามารถมองเห็นวิวท้องทะเลได้ไกลแบบสุดสายตา ตลอดเส้นทางจะมีจุดนั่งพักชมวิวเป็นระยะ เวลาที่แนะนำคือช่วงเย็น เพื่อพาคนรู้ใจไปรอชมพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก

************************************************************

4. ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต จ.จันทบุรี

ขับรถเล่นชิลล์ๆ ไปตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ถนนเลียบชายทะเลในจังหวัดจันทบุรี ที่ถูกขนานนามว่า “Scenic Route” หรือเส้นทางชมวิวที่สวยงาม รวมระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร จะฟินมากถ้าปิดเสียงเพลงวิทยุ แล้วลดกระจกลงฟังเสียงคลื่นลมจากธรรมชาติ บรรยากาศดี๊ดีต้องไปเที่ยวต่อที่จุดชมวิวเนินนางพญา เดินย่ำทรายที่หาดคุ้งวิมาน และไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวเจดีย์บ้านหัวแหลม

************************************************************

5. จุดชมวิวดอยกิ่วลม
เส้นทางเชียงใหม่ปายแม่ฮ่องสอน

เส้นทางขับรถที่มีโค้งมากที่่สุดในประเทศไทย บริเวณกิโลเมตรที่ 65 เป็นจุดชมวิวดอยกิ่วลม อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง สามารถจอดพักรถชมวิวสวยๆ สุดสายตา มองเห็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาต่อไปยัง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อากาศดีสุดๆ หลังฝนตกจะพบกับสายหมอกที่ลอยมากระทบหน้าแบบใกล้ชิด และถ้าฟ้าเปิดหมอกไม่ปิด จะสามารถชมวิวแจ่มๆ ได้ทั้งสองฝั่ง

จุดชมวิวดอยกิ่วลม

************************************************************

6. ถนนในวนอุทยานทุ่งบัวตอง

เส้นทางแห่งขุนเขา 1,864 โค้ง ระยะทาง ประมาณ 350 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทาง อำเภอขุนยวม ทางหลวงหมายเลข 108 (แม่ฮ่องสอน – ขุนยวมเลี้ยวเข้าสู่อุทยานแห่งชาติอินทนนท์ ตามเส้นทางแวะชม น้ำตกแม่กลาง โครงการหลวงขุนวาง พระธาตุนภเมทนีดล พระธาตุนภพลภูมิสิริ จากนั้นเข้าสู่แม่แจ่ม เมืองเล็กๆ กลางหุบเขา จากแม่แจ่มเข้าสู่ขุนยวม

หากเดินทางในช่วงพฤศจิกายน – กลางธันวาคม ทุ่งดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอจะบานสะพรั่ง สีเหลืองอร่ามไปทั่วขุนเขา โดย 1 ปี จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ใครอยากเห็นกับตาต้องจัดสรรเวลาไปให้เหมาะ

************************************************************

7. เส้นทางขึ้นภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

เส้นทางขับรถเที่ยว ที่พลาดไม่ได้สำหรับนักผจญภัย ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง เส้นทางคดเคี้ยวและสูงชัน สำหรับมือใหม่ที่นี่ปราบเซียนมาเยอะแล้ว ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถเป็นอย่างมาก แต่ด้วยบรรยากาศที่สวยงามของภูทับเบิก ยิ่งถ้าอยู่มุมสูงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นเขา ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง ท่ามกลางเมฆหมอกที่ลอยเข้าใกล้ระยะประชิด โดยเฉพาะหน้าฝนโอกาสจะได้พบทะเลหมอกหนาๆ นุ่มๆ มีสูงมาก จึงเป็นสถานที่ที่หลายๆ คนอยากมาสัมผัสสักครั้ง

************************************************************

8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
5
ธันวาคม 2550 .ควนขนุน จ.พัทลุง

สะพานแห่งความสุข‘ ที่ถูกขนาบข้างไปด้วยทะเลสาบและเชื่อมระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา ที่นี่เป็นสะพานที่เต็มไปด้วยพลัง แห่งความสุข เพราะสองข้างทางคือภาพอันงดงามของวิถีธรรมชาติอันสมบูรณ์และเรียบง่าย วิวสวยๆ ของทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา วิถีชีวิตควายน้ำ และนกนานาพันธุ์ แค่ได้ไปเห็นและได้สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด จะช่วยฟอกความรู้สึกเหนื่อยล้าให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความสุข

************************************************************

9. ถนนเลียบชายหาดสวนสน จ.ระยอง

ว่ากันว่าเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดของ จ.ระยอง มีจุดเด่นคือ ตลอดเส้นทางเลียบชายหาดหลายกิโลเมตร จะมีต้นสนปกคลุมเหมือนอยู่ภายในอุโมงค์ต้นสน บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม นอกจากนี้บริเวณชายหาดที่มีความโค้งกว่า 4 กิโลเมตร ยังสามารถลงเล่นน้ำได้ ตรงข้ามชายหาดมีร้านอาหาร ที่พัก บริการอย่างครบครัน

************************************************************

10. ถนนลอยฟ้า จ.น่าน

ถนนลอยฟ้าที่สวยงามที่สุดสายหนึ่งของไทย ทางขึ้นสู่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อ.ปัว จ.น่าน เป็นเส้นทางสายปัวบ่อเกลือแม่จริม (ทางหลวงหมายเลข 1256) เป็นเส้นทางที่ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงจากพื้นที่ราบด้านล่างขึ้นสู่ยอดเขาที่สลับซับซ้อน เส้นทางคดเคี้ยวไปมา บางช่วงสูงชันสลับทางราบ วิวสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้า สลับกับนาข้าว เขียวขจีตลอดดทาง ยิ่งช่วงเช้าๆ จะได้สัมผัสเมฆหมอกผ่านหน้าแบบใกล้ชิด เหมือนลอยอยู่บนฟ้า อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะหน้าฝนสดชื่นแบบสุดๆ

************************************************************

11. ถนนเชียงใหม่ลำพูน สายเก่า

ทางหลวงหมายเลข 106 หรือที่เรียกว่า “ถนนสายต้นยาง” เป็นถนนสายแรกที่ใช้คมนาคมติดต่อระหว่าง จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เอกลักษณ์ของถนนสายนี้คือมีต้นยางนาอายุราว 120 ปี เรียงรายกันเป็นแถวทั้งสองฟากฝั่งถนน ทั้งวิถีชีวิตของผู้คนและโบราณสถานอันเก่าแก่ ทำให้ถนนสายต้นยางมีเสน่ห์และสวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง

10 ที่เที่ยวเดือนกันยายน ออกไปสัมผัส ความสวยงามที่มาพร้อมฝน

เดือนกันยายน ยังคงอยู่ในช่วงหน้าฝน แถมตกหนัก ตกเกือบทุกวันซะด้วย อย่างนี้จะออกไปเที่ยวไหนได้ …Travel Mthai ขอนั่งยันนอนยันว่ามีที่ให้ไปแน่นอน เพราะหน้าฝนมักซ่อนสิ่งสวยงามทางธรรมชาติไว้รอให้เราไปค้นพบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหุบเขา ต้นไม้ ทุ่งข้าว ลำธาร หรือทะเลหมอก ตามเรามาสิ รับรองว่าฟินทุกที่แน่นอน

10 ที่เที่ยวเดือนกันยายน ออกไปสัมผัส
ความสวยงามที่มาพร้อมฝน

 

1. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง (ปางอุ๋งสุพรรณ)
จ.สุพรรณบุรี


แค่ได้ยินชื่อปางอุ๋ง ก็นึกถึงภาพของสายหมอกยามเช้าที่ลอยระเรื่อเหนืออ่างเก็บน้ำ กับวิวต้นสนเรียงเป็นทิวแถว เป็นสถานที่ท็อปฮิตที่ใครก็ยินยอมนั่งรถฝ่าฟันหลายพันโค้งเพื่อไปชื่นชมความสวยงาม แต่ถ้าใครไม่อยากเดินทางไกล ก็สามารถมาเที่ยว อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง จังหวัดสุพรรณบุรี แทนกันได้ ที่นี่ได้ฉายาว่า ปางอุ๋งสุพรรณ ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติ มีทั้งป่าเขาและผืนน้ำ อันเกิดจากความร่วมมือของชุมชน ช่วยกันพัฒนา และดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เหมาะกับการแค้มปิ้ง กางเต้นท์ หรือจะนอนบนแพ ก็มีให้บริการ

 2. เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์


หากถามว่าเที่ยวเขาค้อฤดูกาลไหนสวยที่สุด คงต้องตอบว่าหน้าฝนนี่แหละสวยที่สุดแล้ว มีความความเขียวสดของดอกไม้ ต้นหญ้า  มีหมอกขาวลอยฟุ้งปกคลุมทั่วทิวเขา มีอากาศเย็นสบายและความสดชื่นหลังฝนตก จนใครต่อใครก็พูดกันว่า “นอนเขาค้อ 1 วัน อายุยืน 1 ปี” จะจริงมั้ย ต้องลองมาพิสูจน์เอง

ทุ่งกังหันลม คือหนึ่งในแลนด์มาร์คของเขาค้อที่เพื่อนๆ ควรแวะมา วิวที่เห็นเป็นทุ่งกังหันลมยักษ์ใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองไปได้กว้างไกลถึงวัดผาซ่อนแก้ว นอกจากนี้ยังมีเหล่าบรรดาเทเลทับบี้ และทุ่งดอกไม้ให้ถ่ายรูปแบบใกล้ชิดกันอีกด้วย

3. นาขั้นบันได จ.เชียงใหม่


นาขั้นบันได นาข้าวที่ปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขา  เป็นอีกหนึ่งวิวสวยขั้นเทพ ไฮไลท์ของที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามอยู่เสมอ ช่วงหน้าฝนซึ่งเป็นฤดูทำนาข้าว เดือน ก.ย. – ต.ค. ต้นข้าวจะเริ่มเขียวขจีชุ่มฉ่ำ เคล้าสายหมอกบางๆในฤดูฝน

นาขั้นบันไดในจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีด้วยกันหลายที่ เช่น

  • นาข้าวขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันไดบ้าน กองกาน อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได แม่ปาน อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านตีนผา อ. แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได แม่กลางหลวง อ.จอมทอง
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านผาหมอน
  • นาข้าวขั้นบันได โครงการหลวงขุนแปะ อ.จอมทอง
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านแม่ระมีดน้อย อ.อมก๋อย

4. นาข้าวขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน
 
อีกหนึ่งนาข้าวขั้นบันได ที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวในฤดูฝน ระหว่างเดือน ก.ย. –  ต.ค. จากภูเขาหัวโล้นในอดีต แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยูหัว ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นความเขียวขจี ด้วยนาข้าวที่มีลายเส้นโค้งงดงามตามไหล่เขา เป็นความพิเศษที่เราจะสามารถเห็นนาข้าวที่ปลูกบนภูเขาสูงเทียมเมฆเคียงคู่กับท้องฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถชมทะเลหมอกอันสวยงามในยามเช้าที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดอีกด้วย

5. เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี


เขื่อนรัชชประภา หรือที่เรียกกันติดปากว่า กุ้ยหลินเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ทัศนียภาพโดยทั่วไปภายในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก มีลักษณะเป็นเขาหินปูนที่ยอดเขาตั้งฉากกับผืนน้ำสีเขียวมรกต คล้ายกับผืนน้ำทะเล สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีลักษณะเป็นเขื่อนปิด เเต่หน้าฝนจะมีหมอกเยอะลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือเขาหินปูน ดูสวยชุ่มฉ่ำ การมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับมันคงให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนกินลอดช่องไม่ใส่กะทิ ดังนั้นการได้พักค้างคืนที่นี่ ดูจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลของการมาพักผ่อนแบบเต็มที่อย่างที่สุด

6. หมู่บ้านสลักคอก เกาะช้าง จ.ตราด


หมู่บ้านสลักคอก เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของเกาะช้าง หรือเกาะช้างฝั่งซ้าย หลบซ่อนอยู่ในช่องแคบๆ ภายในเวิ้งวงกลมขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยคือ การนั่งเรือมาด เรือแจวลำเล็กที่เรียกกันว่า เรือกอนโดลา เพราะคล้ายกับการนั่งเรือชมคูคลองในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี  เพียงแต่แปลงมาใช้เป็นเรือพายพานักท่องเที่ยวล่องชมธรรมชาติรอบอ่าวสลักคอก

7. ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ จ.อุทัยธานี


ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ที่เที่ยวใหม่แกะกล่อง แห่งอำเภอบ้านไร่ อุทัยธานี เดิมเป็นฝายปูนกั้นน้ำธรรมดาๆ ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ฝายแห่งนี้พิเศษขึ้นมานั้น คือช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลเอ่อล้นจากบนลงล่าง กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดเล็ก โดยมีหุบเขาและพื้นหญ้าเขียวชะอุ่มห้อมล้อมอยู่เป็นฉากหลัง ทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงามมาก และเรายังสามารถลงไปสัมผัสความเย็นสดชื่นของสายน้ำได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย

8. จุดชมวิวดอยกิ่วลม จ.แม่ฮ่องสอน


จุดชมวิวดอยกิ่วลม มีความสูงประมาณ 2,175 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดชมวิวนี้สามารถชมได้ทั้งสองฟากถนน มีทัศนียภาพที่สวยงามและหลากจินตนาการของทิวเขาที่สลับซับซ้อนของยอดดอยเชียงดาว มีเมฆขาวสลับกันสวยงาม มีร้านขายของอาคารขายสินค้าของพี่น้องชาวเขาเผ่าลีซอ มีสินค้าหัตถกรรม และสินค้าอื่น ๆ วางขายบริการแก่นักท่องเที่ยว

9. หล่มภูเขียว จ.ลำปาง


หล่มภูเขียว แอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่บนภูเขา ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียว คล้ายสีมรกต  เป็นแหล่งอาศัยของปลาจำนวนมาก บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบแล้ง ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันที่เกิดจากภูเขาหินปูน ปกคลุมร่มรื่นด้วยเงาจากต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศแสนสงบบวกกับความเรียบนิ่งของผิวน้ำ เหมือนสรวงสวรรค์บนดิน ที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย

10. นาโปแก จ.พัทลุง


อันดับสุดท้ายลงใต้ไปสูดโอโซนที่ นาโปแก จังหวัดพัทลุง เดินชิลล์บนสะพานไม้ นั่งถ่ายรูปที่กระท่อมปลายนา จิบกาแฟแลท้องทุ่ง เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันเขียวขจีของธรรมชาติ และขยับร่างกายออกกำลังสักนิด ด้วยการทำเวิร์คช็อป ตั้งแต่การเกี่ยวข้าว ไถนา ดำนา เลี้ยงควาย ขุดบ่อปลา โอ้โห ทั้งสนุกแถมได้ความรู้เต็มๆ