ท่องโลกใต้น้ำ กับ 6 อควาเรียม ที่น่าไปที่สุดในเอเชีย

สายเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการชมโลกใต้ทะเล ดูฝูงปลา และชีวิตสัตว์ทะเลแสนน่ารัก หรืออยากพาลูกๆ ไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ความสนุก แถมพกความรู้กลับบ้าน พร้อมเก็บความประทับใจทั้งครอบครัว วันนี้เราจะพาทุกคนไป สัมผัสความงามของโลกใต้น้ำ กับ 6 อควาเรียม ที่น่าไปที่สุดในเอเชีย จะมีที่ไหนบ้าง ตามเรามาดูกัน

ท่องโลกใต้น้ำ กับ 6 อควาเรียม
ที่น่าไปที่สุดในเอเชีย

1. LOTTE WORLD AQUARIUM
กรุงโซล เกาหลีใต้


เริ่มต้น เที่ยวอควาเรียม สัมผัสโลกใต้น้ำกันที่ ล็อตเต้เวิร์ล อควาเรียม (Lotte World Aquarium) ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ใกล้ๆ แหล่งช้อปปิ้ง ล็อตเต้เวิร์ล มอลล์ (Lotte World Mall) โดยอควาเรียมแห่งนี้มีโซนให้ชมโลกใต้น้ำมากมาย เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีตู้ปลาไซส์ใหญ่ พร้อมด้วยสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่กว่า 55,000 ชีวิต และยังมีอุโมงค์ทางยาวให้เราได้เดินชมอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงโชว์ตระการตา มีเกมและกิจกรรมให้เด็กๆ ร่วมสนุก ช่วยให้คุณและครอบครัวเพลิดเพลินสุดๆ ดังนั้น ชาร์จแบตกล้องเตรียมเมมโมรี่ให้พร้อม เอาไว้ไปเก็บภาพตอนเด็กๆ กำลังสนุกกัน

เวลาเปิด-ปิด: จันทร์-พฤหัสบดี 10.00-20.00 น., ศุกร์-อาทิตย์ 10.00-22.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 29,000 วอน (ประมาณ 870 บาท), เด็ก 25,000 วอน (ประมาณ 750 บาท)

2. OKINAWA CHURAUMI AQUARIUM
โอกินาว่า ญี่ปุ่น


อควาเรียมแห่งเกาะสวรรค์ โอกินาว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) โลกใต้น้ำ ที่ถูกยกให้เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น บนพื้นที่กว้างใหญ่กับไฮไลท์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเยือนที่นี่ นั่นก็คือ ฉลามวาฬไซส์ยักษ์ ที่แหวกว่ายอยู่ในแท็งก์ขนาดใหญ่ และยังมีกระเบนราหูอีกด้วย รับรองว่าถ้ามาเยือนอาณาจักรกว้างใหญ่ของสัตว์น้ำที่นี่คุณจะต้องเต็มอิ่มอย่างแน่นอน

เวลาเปิด-ปิด: เดือนมีนาคมถึงกันยายน 08.30 – 19.00 น., เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ 08.30-17.30 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,850 เยน (ประมาณ 555 บาท), เด็กมัธยม 1,230 เยน (ประมาณ 370 บาท), เด็กประถม 610 เยน (ประมาณ 180 บาท), เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรี

3. Aqua Park Shinagawa
โตเกียว ญี่ปุ่น

มาทัวร์ โลกใต้น้ำกันต่อ อีกหนึ่งควาเรียมในแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น ที่ อควาพาร์ค ชินากาว่า(Aqua Park Shinagawa) แห่งกรุงโตเกียว เป็นแหล่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ให้เรา เที่ยวอควาเรียม ได้อย่างจัดเต็ม แสงสีเสียงไฮไลท์เด็ดทั้ง 11 โซน แถมที่นี่ยังมีเครื่องเล่นอย่างม้าหมุน แต่เปลี่ยนจากม้า เป็นปลาและสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนการแหวกว่ายในท้องทะเลเลยล่ะค่ะ

เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. เปิดให้บริการทุกวัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้เนื่องจากสภาพของสัตว์หรือสภาพอากาศ
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 2,200 เยน (ประมาณ 660 บาท), เด็กประถม-มัธยมต้น 1,200 เยน (ประมาณ 360 บาท), เด็กเล็ก อายุ 4 ปีขึ้นไป 700 เยน (ประมาณ 210 บาท)

4. YOKOHAMA HAKKEIJIMA SEA PARADISE
โยโกฮาม่า ญี่ปุ่น


เปลี่ยนวันท่องเที่ยวให้เป็นวันพิเศษ มาเปิดประสบการณ์ โลกใต้น้ำ อย่างใกล้ชิดกับท้องทะเลโยโกฮามากับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โยโกฮาม่า ฮัคเคจิมะ ซี พาราไดซ์ (Yokohama Hakkeijima Sea Paradise) ในญี่ปุ่น ที่นี่มีทั้งโลมา ฉลามวาฬ แมวน้ำ รวมถึงเพนกวิน รอให้คุณไปสัมผัสความคาวาอี้ พร้อมด้วยการแสดงสนุกๆ แนะนำว่าเตรียมรองเท้าสวมใส่สบายมาเที่ยวด้วย เพราะมีพื้นที่กว้างถึง 4 โซน ให้เลือกเดินเล่น ได้แก่ Aqua Museum, Dolphin Fantasy, Fureai Lagoons และโซน Umi Farm ให้ตกปลา และยังมีโซนอาหารและของฝากให้ช้อปเพลินๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นเติมเต็มความสุขอีกด้วย

เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 08.30-21.30 น., เสาร์-อาทิตย์ 08.30-22.30 น.
ค่าเข้าชม:

  • Aqua Resorts 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท)
  • Pleasure Land เล่นไม่จำกัดจำนวนครั้ง 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท),
  • Aqua Resorts และ Pleasure Land เล่นไม่จำกัดจำนวนครั้ง 5,050 เยน (ประมาณ 1,515 บาท)

เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 08.30-21.30 น., เสาร์-อาทิตย์ 08.30-22.30 น.
ค่าเข้าชม: Aqua Resorts 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท), Pleasure Land เล่นไม่จำกัดจำนวนครั้ง 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท), Aqua Resorts และ Pleasure Land เล่นไม่จำกัดจำนวนครั้ง 5,050 เยน (ประมาณ 1,515 บาท)

5. S.E.A. AQUARIUM
เซ็นโตซ่า สิงคโปร์


อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ถ้าไป ทัวร์สิงคโปร์ ต้องไม่พลาด นั่นก็คือ S.E.A. Aquarium แห่งเกาะเซ็นโตซ่า ประเทศสิงคโปร์นั่นเอง ไปถ่ายรูปเจ้าตัวเล็กในอุโมงค์ใต้น้ำ ตื่นตาตื่นใจกับโลกใต้ทะเลที่รวบรวมสัตว์น้ำไว้กว่า 800 สายพันธุ์ 100,000 ชีวิต ภายในตู้ปลาขนาดใหญ่ 45 ล้านลิตร พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มี 10 โซนให้เดินเล่น แนะนำว่ามาที่นี้ต้องไม่พลาดโซน Open Ocean Habitat ใจกลางทะเลลึกด่ำดิ่งกับโลกใบใหม่ที่แปลกตาน่าถ่ายภาพสุดๆ ตามด้วย Shark Seas ที่มีแต่ฉลามนักล่ากว่า 200 ตัวแหวกว่ายไปมาให้ได้ชมกัน

เวลาทำการ: 10.00 -19.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ อายุ 13-59 ปี SGD39 (ประมาณ 950 บาท), เด็ก อายุ 4-12 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป SGD29 (ประมาณ 700 บาท)

6. SEA LIFE BANGKOK OCEAN WORLD
กรุงเทพฯ ประเทศไทย


ปิดท้าย เที่ยวอควาเรียม หนึ่งวันในกรุงเทพฯ เมืองไทย กันที่ ซีไลฟ์บางกอก โอเซียนเวิลด์ (Sea Life Bangkok Ocean World) ตั้งอยู่ที่ห้างสยามพารากอน เปิดโลกผจญภัยใต้ทะเลใจกลางเมืองหลวง พบกับไฮไลท์น่าสนใจอย่าง Tales of the Sea เรื่องเล่าจากใต้ทะเลลึก พร้อมโชว์สุดว้าว!!

เวลาทำการ: 10.00-21.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 490 บาท, เด็ก อายุ 3-11 ปี 350 บาท

รับส่วนลด 500 บาท! เมื่อพักที่ เดอะ มัด เกาะสมุย (The Mud) จ.สุราษฎร์ธานี

เดอะ มัด เกาะสมุย (The Mud) .สุราษฎร์ธานี

มอบส่วนลดทันที 500 บาท เมื่อจองโรงแรมนี้

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

เดอะ มัด เกาะสมุย (The Mud) จ.สุราษฎร์ธานี ที่พักสุดชิลล์วิวทะเลสุดเงียบสงบในเกาะสมุย ซึ่งที่นี่มีทั้งที่พักและร้านอาหารริมทะเล ติดชายหาดบางมะขาม ที่นี่เป็นที่พักบ้านดินสไตล์วินเทจ สร้างขึ้นจากดินและวัสดุธรรมชาติ ตกแต่งด้วยของใช้สไตล์วิถีคนไทยสมัยก่อน เป็นการซึมซับความเป็นไทยได้อย่างดีเยี่ยม โดยห้องพักที่นี่แบ่งออกเป็นบ้านดินเดี่ยว เข้าพักได้ 2 คน สามารถเลือกได้ทั้งวิวทะเล วิวสระว่ายน้ำ หรือวิวสวน และห้องพักแบบบ้านดิน 2 ชั้น เข้าพักได้ 4 คน แบ่งเป็น Family Suite Sea View และ Family Suite Garden View ดังนั้น ที่พักแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนทั้งแบบคู่รักและครอบครัว สามารถเดินไปเล่นน้ำทะเลได้ในเวลาเพียงสั้นๆ ส่วนใครที่อยากเล่นน้ำ แต่ไม่อยากเหนียวตัว ที่นี่ก็ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งริมทะเลไว้ให้บริการอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่างๆให้ผู้เข้าพักได้มีส่วนร่วมกัน เช่น การทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม เครื่องปั้นดินเผา รวมไปถึงการทำอาหารไทย เมื่อมาพักที่เกาะสมุย เดอะ มัด เกาะสมุย แห่งนี้ จะเป็นที่พักที่ทำให้คุณประทับใจจนอยากกลับมาพักผ่อนอีกครั้ง

ห้องพักแบบ Deluxe Villa

ห้องพักแบบ Deluxe Villa Garden View

ห้องพักแบบ Deluxe Villa Sea View

ห้องพักแบบ Beach Front Pool View

ห้องพักแบบ Family Suite Sea View

ห้องพักแบบ Family Suite Garden View

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดชำระค่าห้องพักตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Travel Guru เท่านั้น

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-7008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

ระยะเวลา: วันนี้ – 31 ธ.ค. 61

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/samui/the-mud.html

7 ที่เที่ยว แกรนด์แคนยอน เมืองไทย อลังการธรรมชาติสร้าง

แกรนด์แคนยอน‘ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำโคโลราโด กัดเซาะจนเกิดการสึกกร่อนพังทะลายของหินเป็นเวลาหลายพันปี และนั่นทำให้เราเรียกขานสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะนี้ในประเทศไทยว่า “แกรนด์แคนยอน เมืองไทย”

7 ที่เที่ยว แกรนด์แคนยอน เมืองไทย
อลังการธรรมชาติสร้าง

แม้ประเทศเราจะเป็นเพียง มินิแกรนด์แคนยอน แต่ก็สวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วันนี้เราจะพาไปชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ 7 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตามภาคเหนือและภาคอีสาน จะมีรูปลักษณ์แตกต่างกันอย่างไร ดูกันเลย

1. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

สามพันโบก เป็นแก่งหินใต้ลำน้ำโขง จะปรากฏให้เห็ความงดงามแค่เพียงในยามน้ำแล้งเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินนี้จะจมอยู่ใต้บาดาล

ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง มองเห็นเป็นภาพศิลปะ มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างเป็นรูปวงรี รูปดาว รูปวงกลม และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เราจะจินตนาการจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง

***********************************************************

2. “หินชมนภา” หาดชมดาว จ. อุบลราชธานี

หาดชมดาว คือแก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำวน จนเกิดเป็นผาหิน และแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตา มีริ้วลายหินแตกต่างกันไป จุดไฮไลท์เป็นผาหินสูงใหญ่ และเว้าแหว่งยาวคล้ายช่องแคบ มีสายน้ำไหลผ่าน  ในฤดูน้ำโขงลดจะมีหินกลางน้ำผุดขึ้นมาให้เราได้เห็น ชาวบ้านเชื่อกันว่าให้หาหินนี้ให้เจอ เพราะเป็นจุดชมท้องฟ้าที่ส่องแสงและสีสันได้สวยที่สุด

***********************************************************

3. ละลุ จ.สระแก้ว

ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัวหรือพังทลายของดิน เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ อาจมีรูปร่างคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างก็มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ ซึ่งในทุกๆปี ละลุจะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ ตามแต่ลมและฝนที่ช่วยกันตกแต่งชั้นดิน

ละลุเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 . โดยนักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากนั้นใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้านพาเข้าไป ค่าเช่ารถประมาณ 200 บาท นั่งได้ 8-10 คน

***********************************************************

4. เสาดินนาน้อยคอกเสือ จ.น่าน

ขอบคุณภาพจาก thainorthtour

เสาดินนาน้อย หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า “ฮ่อมจ๊อม” มีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินสีแดงปนส้มรูปทรงต่างๆ กันไป เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม สั่งสมมาเป็นเวลานาน สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000-30,000 ปี และบริเวณนี้เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน นอกจากนี้ยังค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า

ห่างจากเสาดินนาน้อยมาประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับคอกเสือ ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดินด้านบนประมาณ10 เมตร เมื่อลงไปจะพบว่าบริเวณรอบๆ หุบผามีลักษณะเป็นหลืบม่าน รวมถึงมีแท่งดินรูปร่างต่างๆ กระจัดกระจายเหมือนกับที่เสาดินนาน้อย

***********************************************************

5. แพะเมืองผี จ.แพร่

แพะเมืองผี เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติจากดิน และหินทราย ที่ถูกกัดเซาะด้วยกระแสน้ำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นหน้าผาสูงต่ำสลับกัน และเกิดเป็นเสาดินรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน เช่น ดอกเห็ดยักษ์ หน้าผา เสาม่าน แล้วแต่จิตนาการของผู้พบเห็น

คำว่า “แพะ” เป็นภาษาพื้นเมือง แปลว่า ป่าละเมาะ ส่วน “เมืองผี” หมายถึงความเงียบเหงาวังเวง ซึ่งชื่อนี้อาจได้มาจากสภาพภูมิประเทศที่ดูเร้นลับน่ากลัว

แพะเมืองผีเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น ไม่เสียค่าธรรมเนียม

***********************************************************

6. ผาช่อ จ.เชียงใหม่

ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดิน เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้ เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก

จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกาลเวลา และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผา และเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา มีลวดลายที่สวยงาม อีกทั้งยังสูงใหญ่ ราวๆ 30 เมตร เทียบเท่าเรือนยอดไม้ ครอบคลุมพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง

***********************************************************

7. กองแลน (ปายแคนย่อน.แม่ฮ่องสอน

กองแลน มีลักษณะเป็นภูเขาดินแดงในป่าเต็งรังสลับป่าสน เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนยอดจะพบหน้าผาสูงชันถูกกัดเซาะคล้ายปรากฏการณ์ดินทรุดตัว บางส่วนยุบตัวมากกลายเป็นเหวลึก บางส่วนยังเหลือเป็นแนวสันเขาที่เป็นทางแคบๆ พอให้เดินได้ทีละคนเท่านั้น เวลาที่เหมาะสมในการเข้าชมคือช่วงเช้า และช่วงเย็น เพราะอากาศจะเย็นสบายกว่าช่วงกลางวัน

ที่มา TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง