5 โลเคชั่นสุดฮิปที่ต้องปักหมุด! เมื่อไปเยือนเมืองลุงโฮ เวียดนาม

เวียดนาม ถือได้ว่าเป็น dream place ของสายฮิปยุค 4.0 กันไปซะแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ประเทศ เวียดนาม นั้นอุดมไปด้วยความน่าสนใจในหลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรม โบราณสถาน และสถาปัตยกรรมสวยงามตามคติความเชื่อที่ผสมผสานทั้งของ เวียดนาม จีน ฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกันมาร่วมหลายร้อยปี และเช่นเดียวกัน ณ บัดนาวหากจะเอ่ยถึงจุดปักหมุดอันเป็น ‘A Must’ หนึ่งที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องไม่พลาดไปเยือนนั่นก็คือเมืองลุงโฮหรือโฮจิมินห์ซิตี้ประเทศ เวียดนาม แห่งนี้นั่นเอง

วันนี้เราจะพานักเดินทางสายฮิปทั้งหลาย ไปเช็คอิน จุดสุดฮ็อต กลางเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งหลังจากได้อ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนอาจเร่ง search หาโปรโมชั่นดีๆ การเดินทางที่คุ้มค่าและสะดวกสบายกับโปรโมชั่น “It’s time to fly” จากเวียตเจ็ท

เวียตเจ็ทพาคุณและผองเพื่อน บินสู่ เวียดนาม เพื่อไปพบประสบการณ์เอเชียด้วยบริการเที่ยวบินราคาประหยัดและมอบความคุ้มค่าสูงสุด เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ติดตั้งเบาะหนังนุ่มสบายและบริการชั้นเลิศตลอดการเดินทางจากลูกเรือที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรีจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวหน้าร้อนของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม นักท่องเที่ยงสามารถบินมาต่อเครื่องได้ที่ท่าอากาศยานใน เวียดนาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นเต้นและสนุกสนานในแต่ละประเทศของเอเชีย ผู้สนใจสามารถจองตั๋วในราคาต่ำสุดที่ บาทในช่วงโปรโมชั่น Golden Hours และ Summer Sale ของเวียตเจ็ท (ซึ่งผู้โดยสารชื่นชอบมาก!) โดยติดตามข่าวสารโปรโมชั่นได้ทางVietjetair.com ในช่วงวันที่ 4 – 6 กรกฎาคม 61 นี้!

1. คาเฟ่ อพาร์ทเม้นท์ (The Café Apartment)


ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก The Café Apartment

หนึ่งแลนมาร์คที่ผู้มาเยือนต่างต้องไปชิคไปชิลและพลาดไม่ได้คือไป “แชะ” ภาพบรรยากาศเก๋ๆ กันคือที่ Café Apartment โดยตั้งอยู่ที่ถนน Nguyen Hue Street หรือถนนคนเดินยอดฮิต สถานที่แห่งนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์เก่า ชั้น ที่ถูกรีโนเวทให้มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านเสริมสวย ร้านหนังสือ รวมกันอยู่ภายในที่เดียว ตัวตึกหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มีระเบียงเล็กๆ มองเห็นถนนคนเดินใจกลางเมืองและแม่น้ำไซ่ง่อน ซึ่งหากคุณจะเยี่ยมชมร้านรวงให้ครบทั้ง ชั้นก็มีทั้งเส้นทางบันได หรือจะใช้ลิฟต์ก็ต้องเสียเงินนิดหน่อย คาเฟ่ส่วนใหญ่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 . – 22.00 . (เวลาปิดอาคารแอบกระซิบไฮไลท์ร้านน้ำชากาแฟยอดนิยมที่ควรค่าแก่การแวะชิม นั่นก็คือ ร้าน Thinker & Dreamer คาเฟ่เล็กๆ ที่ตกแต่งร้านด้วยต้นไม้นานาชนิด (ชั้น 4), ร้านน้ำชาPartea (ชั้น 4), ร้านคาเฟ่ Saigon O’i (ชั้น 5), ร้าน The Letter Café (ชั้น 6), ร้าน Buihaus Cafe (ชั้น 7), เป็นต้น และห้ามพลาดจุดชมวิวชั้น ที่สามารถมองเห็นวิวสวยเหนือระดับ …ก็เหนือกว่าทุกชั้นจริงๆ ล่ะนะ!

2. “Trm Café” ร้านกาแฟลับที่ซ่อนตัว ณ ย่าน Phú Nhun


ขอบคุณภาพจาก theculturetrip.com: “Trm Café” ร้านกาแฟที่ซ่อนตัว  ใจกลางเมือง
ขอบคุณภาพจาก theculturetrip.com: “Trm Café” ร้านกาแฟที่ซ่อนตัว  ใจกลางเมือง

น้อยคนจะรู้ว่า ห่างออกไปจากตัวเมืองโฮจิมินห์เล็กน้อย ในย่าน Phú Nhun จะมีคาเฟ่กลางแมกไม้ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์สุดประทับใจแห่งนี้ซ่อนอยู่“Trm Café”… ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ 100 Trn Huy Liu phường 8 Phú Nhuโฮจิมินห์ซิตี้

เมื่อคุณได้ย่างเท้าเข้าไปด้านใน อาจรู้สึกคล้ายถูกมนต์สะกดไปกับบรรยากาศชวนหลงใหลที่ผสานการตกแต่งแบบธรรมชาติทั้งต้นไม้ใบหญ้า บ่อน้ำ ทางเดินไม้ สะพานหินเก่าแก่ เข้ากับลูกเล่นของการใช้แสง โดดเด่นที่โคมไฟสีแดงเรียงรายรอบตัว ซึ่งเมื่อเดินตามแสงโคมเข้าไปด้านในคุณจะพบกับบรรยากาศที่น่ารื่นรมณ์ของร้านคาเฟ่สุดเก๋ไก๋แห่งนี้ คุณสามารถเลือกชิลไปกับมื้อกาแฟแสนพิเศษนี้ทั้งในบริเวณพื้นที่กลางแจ้งหรือซ่อนตัวคุณเองไว้ในมุมต่างๆ ภายในร้าน พักผ่อนไปกับกลิ่นกาแฟหอมๆ ขนมอร่อยๆ หรือจะเป็นอาหารสุดพิเศษก็มีให้เลือกมากมาย สายฮิปไม่ควรพลาดอย่างแรง

3. ตลาดนัดคนเดินสุดสุปดาห์  “The Saigon Flea Market”


ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กตลาดนัดคนเดินในโฮจิมินห์  “The Saigon Flea Market”


ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กตลาดนัดคนเดินในโฮจิมินห์  “The Saigon Flea Market”

อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสายฮิปได้สัมผัสความเป็นไปของเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ ก็คือการเดินตลาดนัดสุดสัปดาห์ตลาดนัดหรือ Flea Market เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบสินค้าที่ผสมผสานไอเดียสร้างสรรค์ที่บ่งบอกความน่าสนใจของท้องถิ่นในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงสินค้าทำมือ สินค้าราคาถูก ของที่ระลึก งานหัตถกรรม และแน่นอนสินค้ามือสองก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ซึ่งหากยังไม่มีพิกัด เรามีตัวอย่างให้นักเดินทางลองตามGoogle Map ไปเปิดหูเปิดตาเช่น 107 Ton Dat Tien, Tan Phu Ward, District 7 ตลาดที่เป็นแหล่งรวมงานฝีมือท้องถิ่นและยังคงเป็นงานสำคัญในปฏิทินช้อปปิ้งของไซ่ง่อน หรือว่าจะเป็น ตลาดเบนถัน(Le Loi, Ben Thanh Ward, District 1) อีกหนึ่งตลาดที่เรียกได้ว่าเป็นไอคอนิกของตลาดนัดคนเดินที่คุณจะเพลิดเพลินไปกับสินค้าทำมือเท่ๆ กระเป๋าผ้า รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น

ความน่ารักของตลาด Flea Market ที่ไซ่ง่อนนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นสถานที่จับจ่ายสินค้าแปลกตาเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็จะรวมถึงเรื่องราวของอาหารท้องถิ่นstreet food ไปจนถึงคาเฟ่เก๋ๆ ที่นักชิมนักแชะต้องแวะศิลปะและศิลปินท้องถิ่นที่เวียนกันมาสร้างสรรค์ผลงานเขียนภาพขายแก่นักท่องเที่ยวซึ่งเหล่านี้ได้สร้างคอมมูนิตี้ย่อมๆ ให้เหล่าผู้มาเยือนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านเรื่องเล่าจากผู้คนหลากหลายมุมมองและเชื้อชาติ

4. สตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area” Where street art and shopping collide!


ขอบคุณเฟสบุ๊กสตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area”(A3- Alternative Art Area)


ขอบคุณเฟสบุ๊กสตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area”(A3- Alternative Art Area)

สตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area” เป็นโลเคชั่นสุดเปรี้ยวที่เราอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนโฮจิมินห์ได้แวะไปเสพย์ศิลปะให้ฉ่ำปอด เติมความรื่นรมย์และ input ไอเดียสร้างสรรค์ให้จิตใจเบิกบานกันซักครั้งในโอกาสที่ได้มาเยือนเวียดนาม ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์…

หนึ่งในสตรีทอาร์ทที่เลื่องชื่อของเมืองคงต้องยกให้ A3- Alternative Art Area เพราะเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจทางด้านศิลปะจากแนวคิดในการสร้างพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยดีๆ สักแห่ง ที่ต้องการจะนำศิลปะมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมต่างๆ โดยหมายใจให้เข้าถึงและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทุกคนทุกระดับ เปิดให้ผู้สนใจได้แวะเวียนไปดูงานศิลปะสมัยใหม่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทั้งพื้นที่เปิด สำหรับเหล่าศิลปินมาใช้สร้างผลงานอย่างอิสระ และนิทรรศการที่มีผู้จัดและดูแลประสานงานแก่ผู้ไปชมเช่นกัน โดย Hip Place แห่งนี้เก๋ตรงที่นำคลังสินค้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาดัดแปลงอย่างทันสมัยให้เป็นศูนย์กลางทางศิลปะ มีแกลเลอรี่ ร้านบูติกที่จำหน่ายทั้งเสื้อผ้าและของที่ระลึก และคาเฟ่จำนวนมาก อาคารแห่งนี้ได้รับการตกแต่งด้วยภาพวาดและงานกราฟิตี้จากศิลปินหลากเชื้อชาติ ทั้งศิลปินท้องถิ่นและเครือข่ายศิลปินต่างประเทศ ทั้งยังมีโชว์ดนตรีสด งานเปิดตัวแฟชั่นและงานดีไซน์ รวมถึงเป็นแหล่งนัดพบของเหล่าอาร์ติสเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองอีกด้วย โดยสตรีทอาร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 13 Thai Van Lung, Ben Nghe, District 1

5. Maison Marou คาเฟช็อคโกแลตที่ คอช็อคโกแลตไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง(Maison Marou Chocolate)


ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กร้านคาเฟ่ช็อคโกแลต Marou (Maison Marou)

เพราะทุกการเดินทาง… นอกเหนือจากสถานที่แปลกใหม่ให้ชื่นตาชื่นใจแล้ว  นักท่องเที่ยวตัวจริงจะไม่ลืมดื่มด่ำรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง เสมือนเป็นการหยอดจิ๊กซอตัวสุดท้ายให้ภาพแห่งความทรงจำตราตรึงและน่าประทับใจมิรู้ลืม.. และแน่นอนสำหรับผู้มาเยือนโฮจิมินห์ซิตี้ หมุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งที่สายฮิปต้องแวะชิม ช้อป และเก็บเรื่องราวน่าสนใจไปฝากคนทางบ้านก็คือ คาเฟ่ช็อคโกแลต Marou

ไม่ว่าจะด้วยรสชาติอันโดดเด่นเข้มข้นที่ทุกคนต่างยกให้เป็น No.1 ของสายขนมหวาน บรรยากาศร้านที่แตกต่างอย่างน่าประทับใจ ทุกการตกแต่งและทุกมุมนั่งสบาย สอดแทรกไปด้วยกลิ่นอายของความคิดสร้างสรรค์อันมาจากตัวตนของ ผู้ให้กำเนิดร้าน Vincent Mourou และ Samuel Maruta นี่ยังไม่รวมถึงความพิเศษที่ทางร้านมีโซนของเครื่องคั่วบดกันสดๆให้ชมผ่านห้องกระจกใส อันสะท้อนถึงที่มาที่ไปของร้านแห่งนี้ซึ่งผู้ได้ฟังเรื่องเล่าต่างสนุกสนานไปกับการผจญภัยของแบรนด์ กว่าจะมาเป็นร้านและเป็นผลิตภัณฑ์ช็อคโคแลตคุณภาพที่โด่งดังจนสามารถส่งออกเป็นหน้าเป็นตาของเวียดนามเช่นทุกวันนี้

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งจุด Hip ที่ต้องเช็คอิน และหนุ่มสาวสาย Hip ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นต้องได้ไปเปิดประสบการณ์กันซักครั้งล่ะน่า เมนูเด็ดที่เราแนะนำให้ไปโดนคุณต้องไม่พลาด เค้กช็อคโกแลต เอแคลร์ ช็อคโกแลตมูส ทาร์ตช็อคโกแลต มัฟฟิน และอย่าลืมจิบช็อคโกแลตร้อนหวานมันกลมกล่อม รับรองเลยว่ารสชาติหอมละมุนของช็อคโกแลตแท้คั่วสดจาก Maison Marou จะทำให้คุณดื่มด่ำและประทับใจมิรู้ลืม

7 ที่เที่ยวอำเภอปัว เย็นสบายกลางสายฝน ปักหมุดชมธรรมชาติสุดชิลล์

อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมืองเล็กๆ แสนโรแมนติก เหมาะกับการใช้ชีวิตเรียบง่าย และเงียบสงบ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นทุ่งนา ถ้าเรามาช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม แม้ต้นข้าวจะยังไม่โตเต็มที่ เพราะชาวบ้านเพิ่งเริ่มดำนากัน แต่เราจะได้ภาพผืนนาสีน้ำตาลกว้างไกลตัดกับต้นกล้าสีเขียว สวยงามมาก สะกดทุกสายตาของผู้มาเยือนแน่นอน นอกจากธรรมชาติแล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณี ก็ยังน่าหลงไหล ไปดูกันว่า 7 ที่เที่ยวอำเภอปัว ที่เรามาฝากกันวันนี้ จะทำให้คุณตกหลุมรัก ปัว มากขนาดไหน

7 ที่เที่ยวอำเภอปัว
ปักหมุดชมธรรมชาติสุดชิลล์

1. ดอยภูแว

ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก ดอยภูแว ยอดดอยอันสูงชัน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นยอดเขาทุ่งหญ้า ไม่มีต้นไม้ใหญ่ มีความงดงาม รูปทรงแปลกตา เต็มไปด้วยหินผา และทุ่งหญ้าปกคลุม

หากมาเที่ยวดอยภูแวหน้าฝน หลังฝนตกจะมีโอกาสเจอทะเลหมอกสุดแสนตระการตา ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวบนยอดภู พร้อมกับอากาศหนาวเย็นจับใจ

**************************************************************

2. วัดภูเก็ต

ขอบคุณภาพจาก : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง

วัดภูเก็ต ไม่ได้อยู่ภูเก็ตแต่อย่างใด แต่ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเก็ต และตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ซึ่งทางภาคเหนือเรียกกันว่า ภู หรือ ม่อน จึงกลายเป็นชื่อวัดภูเก็ต ที่นี่นอกจากเราจะได้เข้ามาไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีลานชมวิวที่เราสามารถมองเห็นวิวทุ่งนาได้กว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังมีลำธารด้านล่าง ที่เราสามารถให้อาหารจากลานด้านบนผ่านท่อไหลลงไปให้กับฝูงปลาได้

**************************************************************

3. ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ และลำดวนผ้าทอ

ขอบคุณภาพจาก ลำดวนผ้าทอ ตำบลศิลาแลง อ.ปัว

นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ มีลักษณะเป็นซุ้มไม้เล็กๆ ตกแต่งสไตล์ไทลื้อ ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนา ซึ่งยามหน้าฝนแบบนี้ นาข้าวจะเขียวขจีเต็มท้องทุ่ง พร้อมวิวของเทือกเขาดอยภูคาสูงตระหง่านเป็นฉากหลัง และมีสะพานไม้ทอดยาวเชื่อมต่อกับร้านลำดวนผ้าทอ สามารถแวะมาซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ ทั้งผ้าทอเมืองน่าน, ผ้าไทลื้อ, ผ้าทอพื้นเมือง, ชุดเสื้อผ้าสำเร็จรูปสไตล์พื้นเมือง และของที่ระลึกอีกมากมาย ในราคาย่อมเยา

**************************************************************

4. ต้นดิ๊กเดียม วัดปรางค์

ขอบคุณภาพจาก tourismthailand

ชมต้นไม้ที่มีอารมณ์ขันอยู่คู่วัดปรางค์แห่งอำเภอปัวมานานนับร้อยปี ด้วยไม้ต้นนี้มีความแปลกพิสดาร ตั้งแต่อากัปกริยาของมันที่หันหน้าเข้าวัด แต่หันหลังให้แดด และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น คือ เพียงแค่ลูบเบา ๆ บริเวณลำต้น ทั้งกิ่งก้านใบของมันจะสั่นไหว คล้ายบอกว่ามันกำลังรู้สึกจั๊กจี๋

**************************************************************

5. วัดพระธาตุเบ็งสกัด

ขอบคุณภาพจาก : วัดพระธาตุเบ็งสกัด นครน่าน เมืองปัว

วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่บนเนินสูง ที่มองเห็นหมู่บ้านเบื้องล่างโอบล้อมด้วยผืนป่า หากมาในช่วงฤดูฝน จะพบความงามของผืนนาเขียวขจีเต็มพื้นที่ มีโบราณสถานที่สำคัญคือ องค์พระเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวปัวเคารพและศรัทธาอย่างมาก ตั้งอยู่ข้างๆ กับวิหารทรงตะคุ่มแบบศิลปะพื้นบ้านไทลื้อ

**************************************************************

6. วัดร้องแง

ขอบคุณภาพจาก Tat Phrae

เป็นวัดโบราณอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน มีวิหารที่โดดเด่นด้วยศิลปกรรมแบบไทยลื้อ ลักษณะของวิหารหน้าบันเป็นลายพันพฤกษา วิหาร มีหลังคาคลุมต่ำ ในวิหารมีพระประธานปางมารวิชัย และจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและเนมีราชชาดก

ด้านหน้าวัดมีทางเดินผ่านทุ่งนาไปยัง หอเทพญารินทร์เจ้าหลวงช้างเผือกงาเขียว ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ในช่วงฤดูทำนา วิวระหว่างทางเดินเห็นวิวทุ่งนาปลูกแทรกไปกับบ้านของชาวบ้าน รวมถึงด้านหลังหอคำหลวงสามารถเห็นวิวทุ่งนาได้แบบกว้างไกล

**************************************************************

7. วังศิลาแลง

ขอบคุณภาพจาก Pua108

วังศิลาแลง อีกหนึ่งที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ได้ฉายาว่า แกรนด์แคนยอนเมืองปัว มีความโดดเด่นอยู่ที่สายน้ำกูนไหลคดเคี้ยวผ่านซอกหินผา กัดเซาะหินรอบข้างทั้งสองด้าน จนเกิดเป็นลวดลายที่สวยงามแปลกตา เเละมีวังน้ำอยู่ประมาณเจ็ดวังด้วยกันในระยะ 400 เมตร โดยในช่วงฤดูเเล้งนั้น น้ำที่ไหลลงมาจะเป็นนำใสๆ สามารถมองทะลุลงไปจนถึงข้างล่างเลยทีเดียว ส่วนในฤดูฝนนั้นไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นน้ำเท่าไหร่ เพราะน้ำออกจะขุ่นเเละไหลเชี่ยว

**************************************************************

7. วังน้ำปัว

ขอบคุณภาพจาก วังน้ำปัว

วังน้ำปัว ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านนาฝาง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางสายน้ำใสไหลเย็น มีแพไม้ไผ่และแคร่ให้นั่งเล่น พร้อมบริการอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ และเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ ให้นั่งกินไป เอาเท้าหย่อนน้ำไปเพลินๆ หรือจะนอนกางเต็นท์ เฝ้ารอดูดวงดาวยามค่ำก็ชิลล์ดี ส่วนใครเป็นสายลุย ชอบอะไรมันส์ๆ ที่นี่เขาก็มีกิจกรรมล่องห่วงยางในน่านน้ำปัว ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีอุปกรณ์เซฟตี้อย่างดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : khaosan-nannakorntourismthailand

‘ถ้ำควังเมียง’ เกาหลีใต้ ชุบชีวิตเหมืองร้างไร้ค่า กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดปัง

ถ้ำควังเมียง หรือ ถ้ำควางมยอง (Gwangmyeong Cave) อดีตเหมืองแร่ ที่ถูกประโฉมใหม่ในปี 2011 ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้

ถ้ำควังเมียง’ เกาหลีใต้ จากเหมืองร้าง
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดปัง

ถ้ำควังเมียง สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองควางมยอง จังหวัดคยองกีโด ห่างจากกรุงโซลเพียงครึ่งชั่วโมง กำเนิดขึ้นเมื่อปี 1912 และเคยเป็นเหมืองขุดทองที่ใหญ่มากมาตั้งแต่สมัยที่เกาหลีอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น ก่อนจะถูกปล่อยทิ้งร้างในปี 1972 ยาวนานกว่า 40 ปี

ปัจจุบัน รัฐบาลได้ทำการรีโนเวทถ้ำแห่งนี้ใหม่ทั้งหมด โดยปรับเปลี่ยนให้เป็นมิวเซียมและอาร์ตแกลเลอรี่ ตลอดทางเดินภายในถ้ำ ที่ยาวประมาณ 7.8 กิโลเมตร ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ LED หลากหลายสี บ้างมีการเพ้นท์สีกราฟฟิตี้บนผนังถ้ำเป็นลวดลายที่วัยรุ่นชอบ และแบ่งห้องจัดแสดงออกเป็นหลายๆ ห้อง เช่น ห้องแสงสว่างและความมืด, ห้องสวนสวยธรรมชาติ, ห้องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, ห้องถนนสีทอง หรือเส้นทางแห่งความมั่งคั่งและสุขภาพดี, ห้องน้ำตกสีทองที่มีความสูง 3.6 เมตรห้องพระราชวังทองคำ, ห้องจัดแสดงโครงสร้างของถ้ำควังเมียง

อีกทั้งยังมีห้องจัดแสดงไวน์ ซึ่งคุณสามารถชิมและเลือกซื้อไวน์คุณภาพดีจากที่นี่ได้ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นก็มีให้บริการเช่นกัน ตลอดจนมีห้องโถงสำหรับการแสดงดนตรี หรือใช้เป็นโรงละคร ที่มีเก้าอี้ให้คุณนั่งชมในถ้ำได้ด้วย

นอกจากนี้หากคุณติดตามภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit และเป็นแฟนตัวยงของ The Lord of the Rings คุณอาจชื่นชอบประติมากรรมตัวละคร “กอลลัม” ที่ส่งตรงมาจากผู้กำกับของเรื่องเลยทีเดียว

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 4,000 วอน / วัยรุ่น 2,500 วอน / เด็ก 1,500 วอน
เวลาเปิดปิด : 09.00-16.30
วันปิดทำการ : หยุดทุกวันจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ

วิธีการเดินทาง :

จากสถานีรถไฟใต้ดิน Gwangmyeong Station สาย Seoul Subway 1 ทางออกที่ 8 ให้ต่อด้วยรถบัสสาย 17 แล้วไปลงที่ป้าย Gwangmyeong cave

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : journeykoreaChina Xinhua Newstravel.thaizawowkorea-supporterschilloutkorea
เรียบเรียงโดย Travel MThai