5 อันดับ สถานที่ชม ใบไม้เปลี่ยนสี ในโตเกียว ญี่ปุ่น

5 อันดับ สถานที่ชม ใบไม้เปลี่ยนสี ในโตเกียว ญี่ปุ่น

01

ช่วงนี้ เชื่อว่าคนไทยหลายๆ คน สนใจที่จะไปชม ใบไม้เปลี่ยนสี จากทั่วโลกแน่ๆ แต่ที่ใกล้ที่สุด ก็คือญี่ปุ่นนั่นเอง พอพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลายๆ คนอาจจะนึกถึง ดอกซากุระ ซึ่งก็ต้องรอดูช่วงเดือน เมษายนโน่น แต่ถ้าเป็นช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน ก็ต้องอยากไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้ไปชมดอกซากุระเลย เอาล่ะ ถ้าใครจะไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเมืองโตเกียว มาดูกันว่า จะไปชมใบไม้เปลี่ยนได้ที่ไหนกันบ้าง

02

ใบไม้แดงในสวน Rikugien by 工藤隆蔵

อันดับ 1 สวนริคุงิเอน (Rikugien)

03

Rikugien by japan-guide.com

สวนริคุงิเอน เป็นสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Komagome (JR Yamanote Line) หรือรถไฟใต้ดินนัมโบคุ เดินจากสถานีโคมาโกเมะเพียง 5-10นาทีก็จะถึงทางเข้าสวนแล้วครับ โดยค่าเข้าจะอยู่ที่ 300 เยน

สวนริคุงิเอน นั้นจะเป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ เนื่องจากในสวนนั้นจะมีต้นเมเปิ้ลอยู่มาก และในช่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสี สวนนี้ก็จะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงดูแล้วสดชื่นและอิ่มเอมกันไปเลยครับ ถ้าใครได้มากับคนรู้ใจก็คงจะมีความสุขไม่ใช่น้อยเลย

ที่นี่จะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00น. และจะปิดในเวลา 17.00น. ยกเว้นในช่วงดอกซากุระบานหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็จะปิดในเวลา 21.00น. ครับ ที่ปิดช้ากว่าปกติเนื่องจากในสวนจะมีการจัดแสดงไฟให้ชมกันด้วยครับ น่าสนใจและน่าตื่นเต้นมากเลยทีเดียว

อันดับ 2 สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเอง (Koishikawa Korakuen)

04

Koishikawa Korakuen by Japan Web Magazine

สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเองเป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะที่โดดเด่นในเรื่องของการชมใบไม้เปลี่ยนสี เช่นเดียวกัน นอกจากจะมีต้นเมเปิ้ลที่ให้สีแดงและสีส้มคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดู ใบ้ไม้ร่วงนี้แล้ว ยังมีต้นแปะก๊วยที่ให้สีเหลืองอะหร่ามอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสวนอีก ด้วย

สวนโคอิชิคาวะ โคระคุเองตั้งอยู่ติดกับโตเกียวโดม เป็นฮอลล์ขนาดใหญ่ซึ่งมักจะมีการจัดแสดงคอนเสิร์ทอยู่เสมอ ผู้คนบริเวณโดยรอบสวนก็คงจะดูเยอะแยะมากมายโดยเฉพาะช่วงที่มีคอนเสิร์ทนั่น เอง ที่สำคัญเวลาเราอยู่ในสวนเราก็จะสามารถเห็นโตเกียวโดมเป็นฉากหลังได้อีกด้วย ครับ เวลาถ่ายรูปออกมาคงดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว

การเดินทางมายังสวนโคอิชิคาวะ โคระคุเองนั้น ควรลงที่สถานี Iidabashi ออกทางประตู C3 แล้วเดินต่อมาอีกประมาน 5-7นาทีก็จะถึงทางเข้าสวนแล้วครับ โดยสวนโคอิชิคาวะ โคระคุเองจะมีค่าเข้าที่ 300 เยน เปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 9.00น. ถึง 17.00น. เข้าประตูได้ไม่เกิน16.30น. ครับ

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo / Todai)

05

University of Tokyo by http://rurousha.blogspot.jp

ที่ โทได หรือ มหาวิทยาลัยโตเกียว นั้น เป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจมากอีกแห่งหนึ่ง เมื่อคุณเข้าไปในนั้น คุณจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังอยู่ในละครซี่รี่ย์เลย โดยเฉพาะใครที่มากับคนรู้ใจจะยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นและโรแมนติกแบบสุดๆ เพราะที่นี่จะมีต้นแปะก๊วยที่ให้ใบสีเหลืองอร่ามตลอดทางตัดกับตัวอาคารที่มี สีแดงอิฐ สร้างความโดดเด่นให้แก่ใบแปะก๊วยสีเหลืองสด ทั้งนี้ยิ่งถ้ามีใบไม้ร่วงเต็มพื้นด้วยจะยิ่งรู้สึกประทับใจแบบไม่รู้ลืม

การเดินทางมายังมหาวิทยาลัยโตเกียวนั้น ให้นั่งรถไฟ Tokyo Metro Namboku Line ลงที่สถานี Todaimae ก็จะเจอกับกำแพงสีแดงเลือดหมูริมถนน เดินมาเรื่อยๆจะเจอประตูแดงทางเข้ามหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าอะกะมง นั้นแหละครับเป้าหมายของเรา มหาวิทยาลัยโตเกียวหรือโทไดนั่นเอง

อันดับ 4 โชวะ คิเนน (Showa Memorial Park)

06

Showa Kinen by http://www.j-reco.com

โชวะ คิเนน เป็นอีกไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จุดเด่นคือต้นแปะก๊วยเช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัยโตเกียว โดยเฉพาะบริเวณน้ำพุนั้นจะสวยมาก เพราะจะมีต้นแปะก๊วยยาวตามทางเดินที่ให้สีเหลืองสดใส ดูแล้วสดชื่นมากๆครับ ที่สวนโชวะนี้ไม่ได้นิยมมากันแค่ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น ที่นี่เรียกได้ว่ามาได้แทบจะทุกฤดูเลยทีเดียว

โชวะ คิเนน นั้นจะตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกและไกลจากตัวเมืองสักเล็กน้อย แต่ก็เดินทางมาไม่ยากเย็นนัก ใช้เวลาประมาน 30นาทีจากสถานีรถไฟชิจูกุ เดินทางโดยรถไฟ JR Chou Line มุ่งสู่สถานี Tachikawa โดยที่นี่มีค่าเข้าชม 400 เยน ครับ

อันดับ 5 โทโดโระคิ วัลเล่/วัดโทโดโระคิ (Todoroki Valley, Todoroki Fudoson)

07

วัดโทโดโระคิ by http://rurousha.blogspot.jp

เราจะขอขั้นสีเหลือด้วยสีแดงส้มกันสักเล็กน้อย คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวในสถานที่ที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงกันสักเท่าไร แต่ความสวยงามนั้นไม่แพ้สถานที่เที่ยวที่อื่นๆเลยครับ

ก่อนอื่นเลย ผมจะขอนำเสนอความพิเศษของที่นี่ก่อน โทโดโรคิ วัลเล่ นั้นตังอยู่ในโตเกียวก็จริง แต่เมื่อคุณได้ไปยืน ณ จุดนั้น คุณจะรู้สึกได้เลยว่าตัวคุณนั้นไม่ได้อยู่ในเมืองแต่อย่างใด คุณจะรู้สึกได้ว่าความเป็นเมืองกับธรรมชาติถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง อารมณ์เหมือนคุณเดินอยู่ในป่าที่ชุ่มชื้นด้วยเสียงของน้ำในคูคล้องเล็กๆที่ ชื่อว่ายาซาวะตลอดทางเดิน และยังมีต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นตลอดเส้นทางอีกด้วย แต่ไฮไลท์นั้นอยู่ที่วัดโทโดโระคิฟุโดะครับ เพราะตรงนั้นจะมีใบไม้แดงที่สวยมาก และด้วยความที่โทโดโระคินั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก คนจึงไม่ค่อยเยอะสักเท่าไร ที่นี่น่าจะตอบโจทย์สำหรับคนชอบความสงบได้มากทีเดียวครับ แต่ก็ใช่ว่าที่นี่จะมีข้อดี ข้อเสียก็มีครับ คือพื้นที่ของโทโดโระคินั้นค่อนข้างน้อย ถ้าเกิดคนเยอะขึ้นมาคงจะอึดอัดพอสมควรครับ

การเดินทางก็ไม่ยากครับ นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Todoroki สาย Oimachi เดินออกมาจากสถานีเล็กน้อยจะเจอสะพานแล้วเดินลงทางลงเล็กๆครับ ระวังเลยนะครับ เพราะทางลงนั้นไม่ได้มีจุดเด่นจุดสังเกตสักเท่าไร

สำหรับหลายๆ ท่านที่ไปญี่ปุ่นเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี ต้องการหาสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี แบบไม่ต้องกลัวผิดหวัง ให้ไปตามสถานที่เหล่านี้ได้เลยครับ นอกจากที่แนะนำ 5 สถานที่นี้แล้ว ยังสามารถชมที่อื่นๆ ได้อีกนะครับ เช่น ที่ ฮาโกเน่, ทะเลสาบอชิ เป็นต้น

 

เครดิต: http://www.j-reco.com

เรียบเรียงโดย: Travel MThai

 

 

 

 

 

 

 

ย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัย ที่ จ.สุราษฎร์ธานี

ย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัย ที่ จ.สุราษฎร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธศตวรรษที่ 13 โดยมีหลักฐานแสดงถึงการตั้งรกรากและเส้นทางสายไหมในพื้นที่อ่าวบ้านดอน และเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภายในจังหวัดนั้น มีทั้งแหล่งโบราณสถานเช่น พระบรมธาตุไชยา พระธาตุศรีสุราษฎร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยาซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรศรีวิชัย และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมาย

01

เริ่มต้นย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัยกันที่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสุราษฎร์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากนั่นคือ พระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดโบราณของจังหวัด ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียง อำเภอไชยา เจดีย์พระบรมธาตุไชยาเป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยองค์เดียวที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด

02

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่13-14 เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นหนึ่งในสามของโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของภาคใต้ ได้แก่ เจดีย์พระมหาธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช และพระพุทธไสยาสน์ถ้ำคูหาภิมุข จังหวัดยะลา

ในทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีประเพณีแห่ผ้าและพิธีห่มผ้ำพระบรมธาตุไชยา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมำก ถือเป็นงานพิธีอันยิ่งใหญ่ประจำปีงานหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

03

ต่อด้วย พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งอยู่บนเนินเขาท่าเพชร ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวเมืองบ้านดอน หรือชาวอาเภอเมืองสุราษฎร์ธานี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2550 ตามแบบศิลปะศรีวิชัยผสมศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น

เป็นพระธาตุทรงสูงเรียวคล้ายลำเทียน ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยม ส่วนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 2 องค์ และพระธาตุของพระพุทธสาวกอีก 16 องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาสักการะพระธาตุ และทรงปลูกต้นพะยอมไว้ที่หน้าองค์พระธาตุ เมื่อวันที่27 มีนาคม 2502 และทรงรับพระธาตุศรีสุราษฎร์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์พระธาตุศรีสุราษฎร์จึงได้ชื่อว่า พระธาตุศรีสุราษฎร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

04

เมื่อมาถึงเมืองสุราษฎร์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือการไปกราบสักการะ ศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่บริเวณสนามศรีสุราษฎร์ กลางเมืองสุราษฎร์ธานี ใกล้แม่น้ำตาปี สร้างด้วยคอนกรีตตามแบบศิลปะศรีวิชัย คล้ายกับพระบรมธาตุไชยา แต่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า ด้านหน้าเป็นตราสัญลักษณ์ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี

05

ปิดท้ายด้วยการเที่ยวชมวิถีชีวิตชุมชนเก่าแก่ที่ ชุมชนบางใบไม้ หรือ คลองร้อยสาย ในแม่น้ำตาปี ดินแดนที่มีคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยสาย จึงได้รับการขนานนามว่า“คลองร้อยสาย” ประกอบด้วยพื้นที่ 6 ตำบล ของอำเภอเมือง ตั้งอยู่ที่ ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี มีลักษณะพื้นที่น้ำล้อมคล้ายๆ เกาะ มีสายน้ำหลายสายเชื่อมต่อกัน พืชพรรณส่วนใหญ่เป็นพืชที่ชอบน้ำกร่อยโดยเฉพาะต้นจากที่ขึ้นอยู่หนาแน่น ตลอดสองฟากฝั่งคลอง ส่วนใหญ่ชาวบ้านประกอบอาชีพทาสวนมะพร้าว 80 เปอร์เซ็นต์ และทำประมงชายฝั่ง 20 เปอร์เซ็นต์

06

เครดิตจาก นิตยสาร คู่หูเดินทาง ฉบับเดือนกรกฎาคม 2016

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่: www.mbookstore.com

เรียบเรียงโดย: Travel MThai

 

 

 

 

 

คาเฟ่ขนม & ร้านเช่าชุดแต่งงานสไตล์วินเทจสำหรับคนมีคู่…

คาเฟ่ขนม & ร้านเช่าชุดแต่งงานสไตล์วินเทจสำหรับคนมีคู่

01

ร้านเช่าชุดแต่งงานสไตล์วินเทจและคาเฟ่ชื่อน่ารักอย่าง Chuanpisamai Bride & Cafe ไม่ได้อยู่ในทำเลโดดเด่น ซ่อนตัวอยู่ในถนนสายแคบปากซอยอารีย์สัมพันธ์ 3 ซึ่งถ้าไม่สังเกตหรือตั้งใจมาก็จะเดินผ่านเลยไปอย่างง่ายดาย

02

แต่ร้านนี้กลับโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ดั้นด้นเดินทางมา และกลุ่มว่าที่เจ้าสาวผู้มองหาชุดแต่งงานวินเทจซึ่งมีความสวยสง่าไม่เหมือนใคร รวมทั้ง cafe hunter ผู้ชื่นชอบร้านกาแฟเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญแต่อย่างใด

03

04

จากคาเฟ่ที่คิดว่าจะทำเป็นมุมรับรองเล็กๆ กลายเป็นคาเฟ่เต็มรูปแบบ ซึ่งส่งเสริมกับส่วนที่ให้เช่าชุดเจ้าสาวพอดี เวลามาลองชุดแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวไม่มาคนเดียวอยู่แล้ว Chuanpisamai Cafe ก็เลยกลายเป็นพื้นที่สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวหรือเพื่อนว่าที่เจ้าสาวที่มานั่งรอลูกค้าลองชุด เมนูแนะนำของร้านนี้ที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดก็มีทั้ง พิซซ่าผักโขมคาโบนารา ฟรุตแอนด์ครีมเครป ส่วนเครื่องดื่มยอดฮิตก็จะมี ลาเต้สตรอเบอรี เป็นเมนูที่ครีเอตขึ้นมาเองทั้งหมด

05

06

อย่างที่บอกว่าแต่ละชุดมันใช้เวลาลองค่อนข้างนาน ทางร้านก็เลยมีเครื่องดื่มและอาหารไว้ให้ทานเล่นๆ ระหว่างนั่งรอ แล้วก็พยายามดีไซน์ภายในร้านให้สามารถถ่ายรูปได้ทุกๆ มุม คาเฟ่ก็เลยกลายเป็นสตูดิโอขนาดย่อมๆ แถมยังเคยมีลูกค้ามาขอใช้สถานที่ในการถ่ายพรีเวดดิ้งบ้างแล้วเหมือนกัน เพราะมันสะดวก แต่งตัวเสร็จจากชั้นบนเดินลงมาถ่ายรูปข้างล่างได้ทันที หากว่างก็หยิบขนมจากคาเฟ่มาทาน เรียกได้ว่ามีความสุขกันแบบอิ่มหนำกันเลยทีเดียว เห็นอย่างนี้แล้วคงไม่ลองไม่ได้แล้วล่ะ…

07

08

เครดิตจาก นิตยสาร a day BULLETIN ฉบับเดือนกรกฎาคม 2016

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่: www.mbookstore.com

เรียบเรียงโดย: Food MThai