บาลิออส รีสอร์ท เขาใหญ่ (Balios Resort Khaoyai)
   บาลิออส รีสอร์ท เขาใหญ่ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ด้วยระยะทางเพียง180 กิโลเมตร ท่านใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศภูเขารายล้อม

ถ้าใครมีกำหนดไปอุดรธานีในช่วงนี้ ให้ลองถามคนอุดรดูว่าช่วงเย็นๆ จนถึงดึกๆจะไปกินของอร่อยที่ไหนดี ? .. เอาแบบที่มีทีเด็ด อร่อย ไม่ซ้ำใคร
หนึ่งในร้านอาหารที่คนอุดรจะต้องแนะนำคือ “ ร้านลาบนัว” ที่มีอาหารอีสานและเครื่องดื่มไว้คอยบริการ และถ้าหากไปแล้วก็อย่าแปลกใจกับจำนวนคนที่ล้นร้าน และอาจจำเป็นต้องรอคิวหากไปช่วงหัวค่ำ

ร้านลาบนัว เป็นร้านอาหารอีสานที่ตั้งใจเปิดบริการให้แก่ผู้ที่หาของอร่อยกินในยามค่ำ คืน ถือเป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการบอกปากต่อปากถึงเมนูอาหาร ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และรสชาติอร่อยถูกปากไม่มีใครเหมือน ทุกวันนี้คนแน่นร้านทุกวันจนพูดได้ว่าเป็นร้านอาหารที่มาแรงที่สุดร้านหนึ่ง ในเมืองอุดรธานี

การตกแต่งภายในร้าน: การตกแต่งในร้านเน้นความสะดวกสบายของลูกค้า บรรยากาศโล่งๆ พื้นที่กว้าง ทำให้แม้ลูกค้าจะเต็มร้าน แต่ก็ไม่รู้สึกแออัด นอกจากนี้ ร้านยังวางคอนเซปให้เหมาะสำหรับทั้งลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว และลูกค้าที่มาเพื่อสังสรรค์กินดื่มกัน ภายในร้านมีน้ำพุใหญ่ที่เป็นที่สนใจสำหรับลูกค้าทุกคน

อาหารแนะนำ: อาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของลาบนัว คือ ‘ตำถาด’ ซึ่งคนที่มาลาบนัวแทบทุกโต๊ะมาแล้วต้องสั่งตำถาด

นอกจากเมนูแนะนำแล้ว ร้านลาบนัวยังมีอาหารให้เลือกอีกหลากหลายอย่าง ส่วนมากจะเป็นเมนูอาหารอีสาน ซึ่งแต่ละอย่างก็อร่อย และรสชาติดี ถือว่าสอบผ่านมาตรฐานร้านอาหารอีสานที่ว่าอร่อยอื่นๆ ได้สบายๆ

ร้านอาหาร ” ลาบนัว ” ตั้งอยู่บน ถนนประชาอุทิศ (ตรงข้ามกับองค์การโทรศัพท์) อ.เมือง จ.อุดรธานี
เปิดบริการ 17.00 น – 5.00 น โทร 085-1110009 หรือ 091-2316123

ขอขอบคุณ : บอกเล่าเก้าสิบ by food.mthai.com

วันนี้ทราเวลกูรูเดลี่พาเที่ยวเสริมมงคลชีวิตกันค่ะ เริ่มกันแล้วน่ะค่ะ กับเทศกาล นมัสการเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทุบรี

“วัด” สถานที่แรกๆ ที่เรายกให้เป็นที่พึ่งทางใจ “เขาคิชฌกูฏ“ เมื่องจันท์ ก็เป็นที่มั่นหมายของชาวพุทธที่ อยากหลุดพ้นเคราะห์โศก อยากเจริญก้าวหน้า
ด้วยความเชื่อและแรงศรัทธาต่อให้ลำบากยากเข็ญ แออัดกับผู้คนนับร้อย
พี่ไทยก็ไม่ท้อถอยที่จะไปสอยบุญบนเขา “เขาคิชฌกูฏ” จึงถือเป็นที่เที่ยวแสวงบุญแห่งหนึ่งของทุกปี

เล่ากันว่า “รอยพระพุทธบาท” นี้ถูกค้นพบโดยนายพรานหาของป่าที่เดินขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏเมื่อปี พ.ศ.2397 เดิมทีนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พระบาทพลวง” แต่ในปี พ.ศ.2515 พระครูธรรมสรคุณผู้เป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวง ได้เสนอให้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “เขาคิชฌกูฏ” โดยตามพุทธประวัติ บนยอด “เขาคิชฌกูฏ” เป็นที่ตั้งของพระคันธกุฎี ที่ประทับของพระพุทธองค์ เมื่อครั้งประทับที่เมืองราชคฤห์ เพื่อเป็นที่รำลึกถึงพระองค์และแสดงถึงความเจริญในพระพุทธศาสนาอย่างสูงส่งของประเทศไทย

ผู้มีจิตศรัทธาต้องใช้ความอึดเดินขึ้นสู่ยอดเขาอีกราว 3
กม. เดินพื้นราบอาจสิวๆ แต่เดินขึ้นเขาอาจไม่ชิลล์อย่างที่คิด
แถมยังต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากมาย เพราะการเปิดให้ขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ จะ
เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ช่วงประมาณปลายเดือนมกราคม –
เดือนมีนาคม (ในปีนี้อย่างไม่เป็นทางการ คือระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 24
มีนาคม 2557) หรือแค่ประมาณ 2 เดือนต่อปีเท่านั้น เลยเป็นธรรมดาที่พุทธศาสนิกชนจะแห่แหนกันไปจนแน่นขนัดทุกครั้ง เพราะศรัทธากันว่าผู้ที่ได้มาสักการะแผ่นหินซึ่งเชื่อว่าประทับรอยพระพุทธบาทไว้ จะได้อานิสงส์แรงกล้า เปรียบได้กับการได้เข้าเฝ้าองค์พระศาสดาถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่

บนยอด “เขาคิชฌกูฏ” ยังมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่เป็นตำนานและความเชื่อทางพระพุทธศาสนาให้เราได้ทึ่ง เช่น ก้อน
หินขนาดใหญ่มีรูปคล้ายกับบาตรพระคว่ำ อยู่ใกล้กับหินรูปรอยพระพุทธบาท
ศิลาเจดีย์รอยพระหัตถ์ รอยเท้าพญามาร ถ้ำฤๅษี ลานแข่งรถพระอินทร์
หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่า และช้างขนาดยักษ์ เป็นต้น

การเดินทาง
หากวิ่งเส้นถนนสุขุมวิท ถึงทางแยกเข้าตัวเมืองจันทบุรี (สี่แยกเขาไร่ยา) ให้เลี้ยวลงถนนทางน้ำตกกระทิง หรือถนนบำราศนราดูร จากทางแยกเขาไร่ยา ไปถึงน้ำตกกระทิงประมาณ 20 กิโลเมตร เลยวัดระทิงไป 400 เมตร ถึงแยกขวามือไปวัดพลวง เป็นถนนลูกรังระยะทาง 3 กิโลเมตร เมื่อถึงวัดพลวง จะเป็นจุดเริ่มต้นขึ้นไปยังยอดเขา มีรถรับจ้างทดเฟืองพิเศษรับไปส่งถึงจุดที่ใกล้ที่สุด และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 40 นาที

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนเดินทางทุกครั้ง
อุทยานแห่งชาติเขาคิดชฌกูฎ โทรศัพท์ 0-3945-2075

เครดิต: Travel.mthai.com