Blu Monkey Bed & Breakfast โฮสเทลสุดชิค จ.ภูเก็ต

Blu Monkey Bed & Breakfast โฮสเทลสุดชิค จ.ภูเก็ต

Blu Monkey Bed & Breakfast (บลู มังกี้ เบด แอนด์ เบรคฟาสต์) เป็นโฮสเทลน่ารัก ชิคๆ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ย่านเมืองเก่า และร้านอาหารขึ้นชื่ออร่อยๆ อีกมากมาย

01

Blu Monkey Bed & Breakfast (บลู มังกี้ เบด แอนด์ เบรคฟาสต์) ตั้งอยู่ที่ ถ.เยาวราช ย่านสามกอง ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองของภูเก็ต อยู่ห่างจากสนามบินไม่มากนัก อีกทั้งยังใกล้แหล่งท่องเที่ยว และร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในเมืองอีกด้วย

02

ที่ บลู มังกี้ เบด แอนด์ เบรคฟาสต์ นี้เป็นโฮสเทลน่ารัก มีห้องพัก 49 ห้อง คือ Standard double bed (นอน 2 คน), Standard twin bed (นอน 2 คน), Triple bed (นอน 3 คน) และ Quad bunk bed (นอน 4 คน เตียง 2 ชั้นแบบหอพัก) ซึ่งห้องพักทุกห้องมีห้องน้ำในตัว อีกทั้งยังรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักคนเดียวด้วย ห้อง Dorme ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ >,<

03

Standard double bed

04

Triple bed (นอน 3 คน)

05

Quad bunk bed (นอน 4 คน เตียง 2 ชั้นแบบหอพัก)

Blu Monkey Bed & Breakfast ออกแบบเรียบง่ายแต่ยังคงความชิคๆ เก๋ไก๋ เน้นสีขาว-ดำ ดูสะอาดตา อาคารและการตกแต่งเน้นแบบโปร่งสบาย สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติได้มากขึ้น เนื่องจากเปิดรับแสงแดดทั่วอาคาร ซึ่งที่นี่อยู่ในเครือเดียวกับโรงแรม โฟโต้ โฮเทล ภูเก็ต ^^

06

เหตุที่ Blu Monkey Bed & Breakfast เรียกตัวเองว่าโฮสเทลก็เพราะว่า ที่นี่ไม่มีห้องประชุม ห้องอาหาร หรือสระว่ายน้ำ แต่ถ้าใครอยากว่ายน้ำ หรืออยากได้สิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า ก็สามารถไปพักที่  Blu Monkey hub and hotel ก็ได้ ที่นี่ก็จะมีความชิค เก๋ไก๋ เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ!

 Blu Monkey Bed & Breakfast มีจักรยานให้เช่าด้วยนะฮ้าบ!

07

08

09

10

11

12

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/blumonkeyhotels/, http://www.blumonkeyhotels.com/ และ http://travel.mthai.com/hotel-review/141538.html

 

 

เปิดประตูสู่อีกมุมมองของ การท่องเที่ยวศรีลังกา

เปิดประตูสู่อีกมุมมองของ การท่องเที่ยวศรีลังกา

ประเทศศรีลังกา คือประเทศที่เป็นเกาะซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ในมหาสมุทรอินเดียทางตอนเหนือ โดยมีพรมแดนทางทะเลติดต่อกับประเทศอินเดียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมัลดีฟส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทั้งยังมีฐานะที่เป็นประเทศอันมีความสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าเดินทางมาค้นหา ทางธรรมชาติและวัฒนธรรม

01

อย่างที่เกริ่นว่า ศรีลังกาเป็นประเทศอันมีความสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนาอย่าง ไม่ว่าจะ สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งซึ่งเป็นสถานที่ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จปรินิพพาน นั่นก็คือสวนลุมพินีวัน พุทธคยา สารนาถ และกุสินารา นอกจากนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว (พระทนต์) ที่มีอยู่เพียง 2 แห่งในโลก นั่นจึงทำให้ผู้คนมากมายโดยเฉพาะชาวพุทธต่างเดินทางมาแสวงบุญ ณ ประเทศแห่งนี้อยู่เนืองๆ

02

และสำหรับการเดินทางของเราในครั้งนี้ เราจะพาท่านเดินทางสู่ประเทศแห่งจุดกำเนิดของศาสนาพุทธแห่งนี้กัน แต่จุดมุ่งหมายของเรามิได้จะพาทุกท่านไปแสวงบุญแต่อย่างใด เพราะศรีลังกายังมีความน่าสนใจอื่นๆ อีกที่รอให้นักเดินทางจากทั่วโลกได้เปิดประตูเข้าไปค้นหา ซึ่งจุดแข็งของการท่องเที่ยวศรีลังกาที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและระบบนิเวศที่ยังคงบริสุทธิ์จนอาจเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติในแบบดิบๆ แต่สวยงามที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ใดในโลก อย่างเขตป่าสงวนที่เต็มไปด้วยสารพัดสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะช้างป่าที่อยู่มากมาย รวมทั้งชายฝั่งทะเลซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังและฝูงปลาหลากสีสัน นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างของศรีลังกายังเก่าแก่และโดดเด่นไม่แพ้ชาติไหน อันเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากอารยธรรมสิงหลในอดีตกว่าหลายพันปีมาแล้ว

03

โดยสถานที่แรกที่ควรไปเยือนหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศศรีลังกา ก็คือ เมืองโคลัมโบ ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำให้เมืองแห่งนี้คือแหล่งรวบรวมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของศรีลังกาที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

จากนั้นจึงค่อยมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งทางภาคตะวันตกเพื่อพักผ่อนริมชายหาดอันเงียบสงบและสวยงาม ทั้งนี้ศรีลังกายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย อย่างเช่นเมืองเก่า อุทยานแห่งชาติอันเต็มไปด้วยสัตว์ป่า เมืองน่ารักแห่งชายฝั่งทางทิศใต้ ไร่ชาบนภูเขาสูงชัน หมู่บ้านวัฒนธรรมของชาวสิงหล เป็นต้น

04

โดยศรีลังกาได้แบ่งหมวดหมู่ของกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจตามความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละคนเอาไว้ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่คงความงามบริสุทธิ์แบบธรรมชาติแท้ๆ แหล่งมรดกโลก กิจกรรมโลดโผนผจญภัย เขตป่าไม้ ความสุขและการผ่อนคลาย จุดชมวิว แหล่งพืชผลทางการเกษตร และงานเทศกาลสำคัญต่างๆ

05

เมื่อไหร่ที่ควรไปศรีลังกา ..?  เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของศรีลังกานั้น ค่อนข้างมีความสลับซับซ้อนมากกว่าประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ก็ตาม แต่ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากนัก คืออยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรประมาณ 500 ไมล์ จึงทำให้ที่นี่มีสภาพอากาศอุ่นชื้นและค่อนข้างร้อนเกือบตลอดทั้งปี

โดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ส่วนบริเวณที่ราบสูงตอนกลางนั้นอากาศจะค่อนข้างเย็นกว่า และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูมรสุม อย่างไรก็ตาม จากผลของสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้สภาพอากาศของที่นี่แปรปรวนและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

06

สำหรับสภาพอากาศในบริเวณพื้นที่ทางทิศตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึงบริเวณชายฝั่ง และบริเวณพื้นที่ที่เป็นเทือกเขาสูง ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายนของทุกปีคือช่วงฤดูมรสุม และมีฝนตกชุกที่สุดในเดือนเมษายน – มิถุนายน ในขณะเดียวกัน ทางด้านชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกนั้น ฤดูมรสุมของที่นี่จะค่อนข้างมีความรุนแรงน้อยกว่าอีกฝั่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี และมีฝนตกชุกมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเยือนศรีลังกาคือ ในเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมทางภาคตะวันตกและภาคใต้ รวมถึงบริเวณชายฝั่งและภูเขา ส่วนชายฝั่งทางด้านตะวันออกนั้นสภาพอากาศจะดีที่สุดในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนนั่นเอง

ข้อมูลจาก: มัชรูมทราเวล

07

08

SONY DSC

เปิดประตูสู่อีกมุมมองของ การท่องเที่ยวศรีลังกา

10

11

ขอบคุณข้อมูล: http://travel.mthai.com/world-travel/82389.html

 

 

 

 

 

 

 

เคยสงสัยไหม? ทำไมรางรถไฟต้องถูกรองด้วยก้อนหิน

เคยสงสัยไหม? ทำไมรางรถไฟต้องถูกรองด้วยก้อนหิน

01

รางรถไฟ ประกอบไปด้วยรางเหล็กกับไม้หมอน แต่เคยสงสัยกันไหมว่า? ทำไมต้องมีก้อนหินชิ้นเล็กๆ อัดแน่นวางรองอยู่ด้วย.. ก้อนหินชิ้นเล็กๆ พวกนี้เรียกว่า “ballast” หรือ “track ballast” มีประโยชน์อย่างมากแบบที่คาดไม่ถึง

ทั้ง รักษารางรถไฟให้คงสภาพเดิม, รองรับน้ำหนักอย่างมหาศาลของตัวรถไฟ, ช่วยล็อคไม่ให้รางเหล็กกับไม้หมอนเคลื่อนไปตามพื้นผิวดิน, เวลามีกระแสน้ำไหลผ่าน ก้อนหินจะช่วยป้องกันรางรถไฟไม่ให้เคลื่อนที่ตาม อีกทั้งช่วยถ่วงให้รางรถไฟมั่นคง ซึงหลังจากที่เทก้อนหินพวกนี้ลงบนรางรถไฟ จะต้องให้รถไฟขับผ่านช้าๆ เพื่อทำให้แรงกดที่เกิดจากการวิ่งของรถไฟ ทำให้ก้อนหินอัดแน่นและยึดรางไว้นั่นเอง นอกจากนี้ก้อนหินยังช่วยป้องกันพืช วัชพืช หรือต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ เติบโตข้างใต้รางรถไฟ ได้อีกด้วย

คราวนี้คงหาสงสัยกันซะทีว่า ทำไมรางรถไฟต้องถูกรองด้วยก้อนหิน ^^ โลกของเรายังมีสิ่งใกล้ตัวอีกหลายอย่างให้เราค้นคว้าหาคำตอบ ทำให้เราแปลกใจได้ไม่รู้จบ จริงๆ

ขอบคุณที่มา www.lifebuzz.com และ http://travel.mthai.com/travel_tips/142035.html