“Elmar offwhite cafe” ร้านบิงซู ของหนุ่มออปป้าและสาวไทย

“Elmar offwhite cafe” ร้านบิงซู ของหนุ่มออปป้าและสาวไทย

01

หลังการจัดมื้อยักษ์ใหญ่ไปไม่กี่นาที กระเพาะก็ไม่สามารถรับของหนักเข้าไปอีกได้ ถึงแม้ตัวจะอ้วนเกือบแตกแล้วก็ตาม เราก็ยังดื้อที่จะปิดท้ายด้วยร้านขนมหวาน ได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้มาสักพัก หนำซ้ำยังเห็นภาพบิงชูน้ำแข็งใสสไตล์เกาหลีอวดโฉมยียวนชวนกินเต็มหน้าเฟซบุ๊ก จึงอดรนทนไม่ไหว ขอแวะมาอันยองถึงเรือนชาน

02

ซึ่งก็ขอกระซิบไว้เนิ่นๆ ตรงบรรทัดนี้เลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะด้วยความที่เจ้าของเป็นคู่รักไทย-เกาหลี บวกกับความหลงใหลการชงกาแฟ ทำขนม พร้อมไปเรียนมาจนช่ำชอง เปิด ร้าน Elmar offwhite cafe มาได้เกือบ 2 ปี

03

04

ได้ยินแบบนั้น เราไม่รีรออะไรอีก เริ่มด้วยตัวชูโรงของทางร้าน Melon Bingsu เคียงคู่มากับ ข้างพอง ถั่วแดงกวน และซีเรียลคอร์นเฟลกซ์ ตักคำแรกเรียกความสดชื่นได้ไม่รู้ลืม และเราขอยกให้เป็นเนื้อน้ำแข็งใสที่เนียนนุ่มและแน่นที่สุดเท่าที่ตระเวนชิมมา ที่สำคัญถ้าเอาช้อนคนหนักๆ นมด้านล่างก็จะผสมกับเกล็ดน้ำแข็งได้รสกลมละมุนลิ้น บวกกับความหวานหอมของเมลอนเข้าไปอีกลงตัวฝุดๆ

05

ตามมาติดๆ ด้วยเมนูที่ชวนบ้าคลั่งสำหรับเรามาก เพราะด้วยหน้าตา และรสชาติ เข้าขั้นท็อปฟอร์มทีเดียว กับ Canary Mango บิงชูมะม่วงหอมนุ่ม อัดแน่นด้วยเนื้อมะม่วงสุกหั่นเต๋าพอดีคำ และหั่นสไลด์ตามยาวเรียงตัวสวยงาม รสหวานฉ่ำจนวางมือไม่ได้ ท็อปปิ้งเมนูนี้มีซุปข้าวโพดเพิ่มเข้ามา จะใส่ลงไปด้วยก็ช่วยเสริมรสสัมผัสได้อีกมิติ

06

ตบท้ายด้วย Homemade Honey Ginger Latte เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเนื้อขิง ผงชินนาม่อน ซึ่งคนเกาหลีนิยมดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นรสที่หอมนุ่มชวนดื่มได้ลื่นคอแบบไม่ติดขัดใดๆ บวกด้วยรสชาติของสมุนไพรขิงที่ผสานกับความเนียนนุ่ม(ก.ไก่หลายๆ ตัว) ก็เล่นเอาเราจอดอยู่กับถ้วยนี้ได้ทั้งวัน แถมยังกล้าเขียนแบบเลี่ยนๆ ว่าทำให้เราหลงรักไปเต็มหัวใจ แต่สิ่งที่นอกเหนือจากรสชาติ คือหน้าตาแต่ละเมนูอันน่ารักกุ๊กกิ๊กที่ถ่ายรูปอัพขึ้น เฟซบุ๊ก อิสตาแกรม ได้อย่างสนุกมือไม่หยอก

07

08

เปิด: ทุกวัน 12.00 – 22.00 น.

ราคา: เฉลี่ยต่อคน 250 บาท

ที่ตั้งร้าน: ถนนสุขุมวิท63 (เอกมัย) ร้านจะอยู่ฝั่งตรงข้ามปั๊มน้ำมันเอสโซ่ คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ

ขอบคุณข้อมูล: http://food.mthai.com/mafia-food/116328.html

 

 

 

 

ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? 10 อันดับ สนามบินวิวสวยที่สุดในโลก

ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? 10 อันดับ สนามบินวิวสวยที่สุดในโลก

ปกติแล้วเราก็คงเคยเห็นการจัดอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก หรือสนามบินที่สวยที่สุดในโลก กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะขอเปลี่ยนมุมมอง พาเพื่อนๆ ไปชม 10 อันดับ สนามบินวิวสวยที่สุดในโลก กันบ้าง เวลาที่นั่งเครื่องบินผ่าน และได้มองวิวสวยๆ ที่อยู่เบืองล่างแบบนี้ คิดดูสิมันจะสวยงามขนาดไหน ^^

อันดับที่ 10. สนามบิน Cape Town International Airport, ประเทศแอฟริกาใต้

1-queenstown-airport-scenic-approaches-exlarge-169

เคปทาวน์ เป็นเมืองหลวงของแอฟริกาใต้ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก ป็นดินแดนแห่งการท่องเที่ยวติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก จุดเด่นของเมืองอยู่ที่ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศ ชื่อว่า ภูเขาโต๊ะ (Table Mountain)

อันดับที่ 9. สนามบิน London City Airport, ประเทศอังกฤษ

9-london-city-airport-scenic-approaches

ตั้งอยู่ที่เมืองนิวแฮม ในอีสลอนดอน ประเทศอังกฤษ รองรับพื้นที่ศูนย์กลางการเงินของลอนดอน และเนื่องจากทางวิ่งของท่าอากาศยานแห่งนี้มีระยะสั้น จึงมีข้อจำกัดด้านขนาดเครื่องบินที่มาใช้บริการ แต่ถึงอย่างไรสนามบินแห่งบินก็ติดเป็น 1 ใน 10 สนามบินวิวสวยที่สุดในโลก ^^

อันดับที่ 8. สนามบิน Gibraltar Airport, ประเทศอังกฤษ

8-dramatic-airports-gibraltar

สนามบินแห่งนี้อยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และอ่าว Algeciras ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก รันเวย์ของสนามบินแห่งนี้สร้างจากกรวดผสมน้ำมันดิน มีความยาวไม่ถึง 2,000 เมตร นักบินจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งในการลงจอดที่แน่นอนและแม่นยำ และต้องมีความพร้อมที่จะเบรคทันทีที่ล้อแตะรันเวย์ เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้ลงไปจอดในทะเลแน่ๆ และรันเวย์แห่งนี้มีถนนตัดผ่าน เวลามีเครื่องบินขึ้น-ลง ที่กั้นถนนก็จะพับลงมากั้นไม่ให้รถผ่าน (คล้ายเวลาวิ่งข้ามทางรถไฟในบ้านเรา)

อันดับที่ 7. สนามบิน Billy Bishop Toronto City Airport, ประเทศแคนาดา

7-dramatic-airports-billy-bishop

ที่นี่มีอีกชื่อหนึ่งว่า Toronto Island Airport ซึ่งความหมายแปลตรงๆ ตามชื่อเลย เพราะสนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะที่อยู่ข้างๆ เมือง Toronto ผู้โดยสารจึงต้องนั่งเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินมายังเกาะแห่งนี้เพื่อขึ้นเครื่อง โดยปกติแล้ว สนามบินแห่งนี้รองรับแต่สายการบินในประเทศ เครื่องบินส่วนตัว และเครื่องบินฉุกเฉินเท่านั้น

อันดับที่ 6. สนามบิน Saba Airport (Juancho E Yrausquin), แคริบเบียน เนเธอร์แลนด์

6-saba-airport-scenic-approaches

เป็นหนึ่งในสนามบินที่วิวสวยที่สุดในโลกและอันตรายที่สุดในโลกอีกด้วย เพราะรันเวย์นี้มีความยาวเพียง 400 เมตรเท่านั้น ซึ่ง “ตำแหน่ง” ของรันเวย์ที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง ส่วนอีกด้านเป็นหน้าผา (ปลายสุดของรันเวย์ทั้ง 2 ข้าง เป็นหน้าผา) ซึ่งถ้ามีอะไรผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นตอนขึ้นหรือตอนลงก็จะตกลงไปในทะเลทันที ปัจจุบันนี้ มีเพียงสายการบิน  Windward Islands Airways  ซึ่งเป็นสายการบินท้องถิ่นเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่เปิดบินบริการวันละ 1 เที่ยวบนสนามบินแห่งนี้

 อันดับที่ 5. สนามบิน St. Maarten Airport (Princess Juliana International), แคริบเบียน

5-dramatic-airports-st-maarten-horizontal

สนามบินแห่งนี้ถือว่าเป็นอีกสนามบินที่มีคนนิยมไปถ่ายรูปมากที่สุด เพราะว่ารันเวย์เริ่มต้นจากชายหาดเพียงไม่กี่เมตร ฉะนั้นเวลาคนเล่นน้ำอยู่ ก็จะเห็นเครื่องบินบินผ่านหัวไปในระยะที่ใกล้มากเลยทีเดียว สนามบินแห่งนี้มีรันเวย์ยาวเพียง 2,000 เมตร

อันดับที่ 4. สนามบิน Barra Airport, Scotland, ประเทศอังกฤษ

Barra Airport, Traigh Mhor Beach, Isle of Barra, Outer Hebrides. PIC: P.TOMKINS / VisitScotland /SCOTTISH VIEWPOINT Tel: +44 (0) 131 622 7174 Fax: +44 (0) 131 622 7175 E-Mail : info@scottishviewpoint.com This photograph can not be used without prior permission from Scottish Viewpoint.

สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Barra ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ  ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศสกอตแลนด์ ที่นี่นับเป็นหนึ่งในสนามบินเพียง 2 แห่งในโลก ที่ใช้ “ชายหาด” เป็นรันเวย์

และเนื่องจากเวลาน้ำขึ้นรันเวย์ของสนามบินแห่งนี้จะหายไป ดังนั้นตารางบินของสนามบินแห่งนี้จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่น้ำขึ้นน้ำลง และถ้ามีเหตุฉุกเฉินให้ต้องนำเครื่องลงจอดในเวลากลางคืน ก็จะใช้วิธีนำรถยนต์มาจอดเรียง และเปิดไฟ เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนบริเวณแผ่นโลหะที่ถูกเรียงไว้บริเวณชายหาด เป็นการนำทางให้นักบินสามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย

อันดับที่ 3. สนามบิน Nice Cote D’Azur Airport, ประเทศฝรั่งเศส

3-nice-cte-dazur-airport-scenic-approaches

สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างออกไป 7 กิโลเมตรจากเมือง Nice ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสนามบินหลักของภูมิภาคนี้เลยทีเดียว ความสวยงามของมันก็คือ รันเวย์ที่ยืนออกไปในทะเล ที่เห็นแล้วน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างเมืองมาร์แซย์ของฝรั่งเศสกับเมืองเจนัวของอิตาลี

อันดับที่ 2. สนามบิน Las Vegas McCarran Airport, ประเทศสหรัฐอเมริกา

2-las-vegas-airport-scenic-approaches

ตั้งอยู่ที่คลาร์กเคาน์ตี รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ห่างจากตัวเมืองลาสเวกัสไปทางใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางทะเลทราย

อันดับที่ 1. สนามบิน Queenstown Airport, ประเทศนิวซีแลนด์

1-queenstown-airport-scenic-approaches-exlarge-169

สนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินนานาชาติเพียงแห่งเดียวในแถบ South Island ตั้งอยู่ที่เกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ และสถานที่ตั้งของมัน ต้องบอกว่าเปรียบเสมือนในเทพนิยาย ที่มีทั้งภูเขา แม่น้ำ และทะเลสาบอยู่ล้อมรอบ ภูมิทัศน์ของหุบเขาโดยรอบสวยงามตระการตาระดับโลก ล้อมรอบด้วยเทือกเขา The Remarkable บนชายฝั่งของทะเลสาบวาคาติปู (Wakatipu) โดยเฉพาะถ้าไปหน้าหนาวจะได้ชมวิวหิมะขาวๆ บนยอดเขา

เครดิตข้อมูลและรูปภาพจาก: CNN Travel

เรียบเรียงโดย: Travel.mthai

 

 

 

 

 

 

 

10 อันดับ ภูเขาโคตรอันตรายที่สุดในโลก

10 อันดับ ภูเขาโคตรอันตรายที่สุดในโลก

ความอันตราย มีมนต์เสน่ห์ของความท้าทาย ชวนหลงไหลให้มนุษย์เราอยากลองไปทดสอบตัวเองเพื่อการเอาชนะ … เว็บไซต์ Telegraph ได้มีการจัดอันดับ 10 อันดับ ภูเขาอันตราย ที่สุดในโลก พร้อมคร่าชีวิตนักปีนเขาจากทั่วโลกมาแล้วอย่างมากมาย มีที่ใดบ้าง ลองติดตามกัน

10. Everest, ประเทศเนปาล

01

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,844.43 เมตร (29,017 ฟุต)

Everest เป็นยอดเขาหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก โดยนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีนักปีนเขาจบชีวิตลงที่นี่กว่า 200 รายแล้ว รวมทั้งมีไม่น้อยที่พยายามปีนแต่ก็ไปไม่ถึงยอดจนต้องถอดใจ ทุกวันนี้ด้วยความก้าวหน้าทำให้มีผู้พิชิตยอดเขานี้ได้มากขึ้น มันจึงไม่น่ากลัวเหมือนในอดีต อีกทั้งยังคงเป็นความฝันสำหรับนักปีนเขาจากทั่วโลกที่อยากจะเป็น ผู้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

9. The Matterhorn, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์-ประเทศอิตา

02

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,478 เมตร (14,692 ฟุต)

The Matterhorn เป็นหนึ่งในยอดเขาที่อันตรายในเทือกเขา Alps เมื่อปี 1857 ได้มีกลุ่มคนริเริ่มอยากลองพิชิตยอดเขานี้ แต่เรื่องก็จบลงอย่างน่าเศร้า เพราะ 4 คนในคณะต้องสังเวยชีวิตที่นี่ และต่อมาก็ยังมีนักปีนเขาจบชีวิตลงอีกเรื่อยๆ ทำให้อัตราการตายสูงเป็นอันดับต้นๆ เพราะด้วยรูปทรงคล้ายปีระมิดทำให้เกิดความชันอย่างน่ากลัว

8. Mount Vinson, ทวีปแอนตาร์กติกา

03

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,892 เมตร (16,050 ฟุต)

Mount Vinson เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอนตาร์กติกา ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1958 และถึงแม้จนถึงปัจจุบันจะมีนักปีนเขาราว 1,400 คน สามารถพิชิตยอดเขานี้ได้สำเร็จแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียว เพราะตำแหน่งที่ตั้งของมันซึ่งอยู่ในทวีปที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำแข็ง และห่างไกล ทำให้มันเป็นหนึ่งในภูเขาที่ยากที่สุดก็ว่าได้

7. Mount Fitz Roy, ประเทศอาร์เจนตินา

04

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,359 เมตร (11,020 ฟุต)

Mount Fitz Roy ถึงแม้มันจะไม่ได้สูงเสียดฟ้า ทว่าในแต่ละปีแทบจะไม่มีใครไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ หรือบางปีไม่มีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งสาเหตุเพราะมันเป็นผาหินแกรนิตสูงชันสุดอันตรายกว่าที่ไหนๆ นั่นเอง

6. Kangchenjunga, ประเทศอินเดีย-ประเทศเนปาล

05

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,586 เมตร (28,169 ฟุต)

Kangchenjunga เป็นยอดเขาหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยและสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีช่วยในการปีนเขาที่ทันสมัยและก้าวหน้า แต่อัตราการตายจากการพยายามปีนยอดเขาแห่งนี้ก็ยังคงสูงอยู่เหมือนเดิม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ต่อ 5 เลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะหิมะถล่มและอากาศเลวร้ายบนเขาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

5. Nanga Parbat, ประเทศปากีสถาน

06

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,126 เมตร (26,660 ฟุต)

Nanga Parbat เป็นยอดเขาหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยและสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ด้วยความหฤโหดทำให้นักปีนเขามากมายต่างก็ต้องล้มเหลวและเอาชีวิตมาทิ้งที่ นี่ อีกทั้งยอดเขาแห่งนี้หากเป็นในหน้าหนาว ยังไม่เคยมีใครพิชิตมันได้เลยแม้แต่คนเดียว

4. Mont Blanc, ประเทศฝรั่งเศส-ประเทศอิตาลี

07

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,810 เมตร (15,781 ฟุต)

Mont Blanc เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขา Alps ซึ่งสูงที่สุดในทวีปยุโรป มันขึ้นชื่อในเรื่องทิวทัศน์ที่สวยงามชวนหลงไหลและเหมาะสำหรับการเล่นสกี แต่มันก็เป็นต้นเหตุให้หลายคนต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้คนกล้าที่อยากจะไปเสี่ยงที่ภูเขา นี้น้อยลงเลยสักนิด

3. K2, ประเทศปากีสถาน

08

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,611 เมตร (28,251 ฟุต)

K2 มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองมาจาก Everest และมันมีอัตราการตายมากเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วย และ K2 ก็ยังเป็นหนึ่งในยอดเขาที่ไม่เคยมีใครพิชิตมันในหน้าหนาวได้เลย เช่นเดียวกับ Nanga Parbat มันจึงได้ฉายาว่า “Savage Mountain” หรือ ภูเขาแห่งความโหดร้ายทารุณ และแม้บางครั้งจะมีผู้ปีนไปจนถึงยอดเขาได้ แต่ก็ต้องสังเวยชีวิตจากลมพายุหิมะที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงนั่นเอง

2. Annapurna, ประเทศเนปาล

09

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,091 m (26,545 ฟุต)

Annapurna เป็นภูเขาที่มีอัตราการตายมากที่สุดในโลก โดยในจำนวนนักปีนเขาทั้งหมด 157 คน มีถึง 60 คนที่ต้องมาจบที่นี่ หรือสูงถึง 38% ของผู้ท้าทายทั้งหมด ทำให้มันเป็นภูเขาที่ยากแก่การพิชิตแห่งหนึ่งของโลก แต่กระนั้นในปี 1987 มีนักปีนเขาคู่หนึ่งพิชิตมันลงได้ท่ามกลางความหนาวเหน็บในฤดูหนาวได้เป็น ครั้งแรก

1. Eiger, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

10

ความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,970 เมตร (13,025 ฟุต)

Eiger ถึงแม้มันจะไม่ได้สูงเสียดฟ้าอย่างใครเขา ทว่ามันก็จัดเป็นยอดเขาที่อันตรายที่สุด โดยตั้งอยู่ในเทือกเขา Alps ถูกค้นพบเมื่อปี 1858 แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถพิชิตยอดมันได้ซักที ถึงแม้จะมีนักปีนเขาพากันไปท้าทายความสูงของมัน แต่ก็ต้องจบชีวิตลงถึง 64 คน และส่วนที่เหลือก็พากันล้มเหลวทั้งหมด ทำให้มันมีฉายาว่า “Mordwand” หรือ “Murder wall” หรือ “กำแพงแห่งความตาย” นั่นเอง จนกระทั่ง วันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1938 หรือ 80 ปีต่อมา จึงมีผู้สามารถพิชิตมันลงได้ในที่สุด

ข้อมูลและภาพ: Telegraph / Wiki / Google

เรียบเรียงโดย: Travel MThai