ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เหมาะกับการไปเที่ยวชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สูดอากาศเย็นสดชื่น และสัมผัสเสน่ห์ของต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มสุดๆไปเลย
วันนี้ HotelSThailand.com เลยนำ 8 ที่เที่ยวธรรมชาติต้องไปฟิน! ที่น่าไปสัมผัสลมหนาวปลายปีมาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็นนั่งแพชมทิวต้นสนริมอ่างเก็บน้ำบนยอดเขาที่ “ปางอุ๋ง” หรือจะไปชมนาขั้นบันไดสีทองที่ “บ้านป่าบงเปียง” ฯลฯ ใครเลือกได้แล้วว่าจะไปที่ไหน ก็เตรียมไปสูดกลิ่นฝนต้นหนาวให้ฟินกันเลย!
Oktoberfest (อ็อกโทเบอร์เฟสต์) เป็น เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงมายาวนาน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 183 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน – 3 ตุลาคม 2559 นี้ ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ใครมีแพลนไปเที่ยวก็อย่าลืมไปเที่ยวเทศกาลนี้กันนะ 1 ปีมีครั้งเดียวน้า …
อ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) หรือที่ชาวเยอรมันเรียกว่า Wiesn เป็นเทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่และคึกคักที่สุดในโลกก็ว่าได้ เทศกาลจัดขึ้นเป็นทุกปี ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ซึ่งในปีนี้ได้จัดเป็นปีที่ 183 ส่วนระยะเวลาจัดจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ยาวนานติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์ แต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 6 ล้านคน ทั้งในประเทศและจากทั่วโลก
ความเป็นมาของ เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก นี้ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.1810 เพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรเซ
ภายในงานก็จะมีโรงเบียร์จากหลายที่มาตั้งเต็นท์ มีเบียร์หลากลหายรสชาติให้เลือกดื่ม อีกทั้งผู้คนจะได้สนุกสนาน เริงร่าไปกับเสียงเพลงจากวงตนดรี ดื่มเบียร์ และทานของอร่อยอย่าง ไส้กรอก เพรสเซล เนื้อย่างแล้ว ภายในงานก็จะมีการแต่งตัวสไตล์พื้นเมืองที่สวยงาม อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะในปีนี้มีการตรวจผู้เข้าร่วมงานอย่างเข้มงวด และเตรียมการป้องกันเป็นอย่างดี
ขอบคุณรูปภาพ: https://www.festicket.com/festival/oktoberfest-2016/
ขอบคุณข้อมูล: mono29.mthai.com และ http://travel.mthai.com/member-blog/142798.html
ร้านเล็กๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหรา แต่เรื่องรสชาติของ ร้านคั่วชามเปล อยู่ในระดับที่เอาไปบอกต่อได้ ทีเด็ดของร้านต้องยกให้ คั่วไก่ อร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ ที่เรากับเพื่อนไม่มีใครปรุงอะไรเพิ่มเติม นอกจากการถ่ายรูปและวาดภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก พริกน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้ม ไม่ได้ตกลงไปในชามแม้แต่นิดเดียว เราชอบที่ทางร้านโรยกระเทียมเจียวหอมๆ ด้วย
ร้านนี้พลุกพล่านด้วยผู้คนต่อแถวกันเนืองแน่น เป็นการการันตีว่า อาหารรสชาติดีๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในร้านหรูติดแอร์เย็นฉ่ำเสมอไป ซึ่งคั่วชามเปล ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ปี 2529 จวบจนวันนี้ดำรงความเก๋ามานานกว่า 30 ปีแล้ว ระหว่างนั่งรอชามที่สอง เราพยายามสอดส่องดูวิธีการทำของพี่หมวย เจ้าของร้าน เพื่อหาสาเหตุของความอร่อย
ภาพที่เห็นคือ พี่หมวยผัดเส้นใหญ่จนหอมเหลือง จากนั้นก็ตอกไข่ดังโป๊ะๆ ผัดคั่วไปมาอยู่หลายที พร้อมๆ กันหลายๆ กระทะ ก่อนจะนำอกไก่ล้วนๆ ที่หมักเครื่องปรุงไว้แล้ว ตรงนี้อาจเป็นสูตรเฉพาะที่ทำให้เนื้อไก่นิ่มได้รสกลมกล่อม พร้อมกับโยนปลาหมึกกรอบ กุ้ง ตับ ไส้หมูและกระเพาะหมูลงไปคั่วให้หอมฉุย ก่อนจะรองด้วยผักกาดหอมไว้ก้นชามเปลและตักทุกสิ่งอย่างในกระทะพรวดลงชามให้ความร้อนที่ยังระอุๆ เปลี่ยนเป็นควันคลุ้ง
ส่วนรสชาติไม่เลี่ยน ทีเด็ดเราว่าอยู่ที่เส้นไม่แฉะ ไม่แห้ง กรอบนิดๆ หอมกลิ่นกระทะหน่อยๆ เนื้อไก่นุ่มเข้าเนื้อ แต่ขอจบด้วยการบรรยายแบบเลี่ยนๆ ว่า เป็นรสชาติที่เหมือนการตกหลุมรักใครคนหนึ่ง ตั้งแต่แรกพบ
เปิด: ทุกวัน เวลา 17.00-22.30 น.
ปิด: พุธสุดท้ายของเดือน
ราคาเริ่มต้น: 45 บาท
ที่ตั้ง: อรุณอมรินทร์ 30 บางยี่ขัน บางพลัด กรุงเทพ
ขอบคุณหนังสือ เย็นนี้กินอะไรดี สำนักพิมพ์ Geek Book และ http://food.mthai.com/mafia-food/116316.html
