จับ “เย็นตาโฟต้มยำ” มาลงหม้อชาบู แล้วกินกันให้หนำใจในราคาแค่ 299 บาท

จับ เย็นตาโฟต้มยำ มาลงหม้อชาบู แล้วกินกันให้หนำใจในราคาแค่ 299 บาท

001

จะกินชาบู – สุกี้ให้อร่อย นอกจากน้ำจิ้มต้องครบรสแล้ว น้ำซุปก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยนะ เพราะทั้งเอาไว้ซดร้อนๆ แล้วยังช่วยเพิ่มความอร่อย เวลาที่ปล่อยให้รสชาติของน้ำซุปแทรกซึมเข้าไปในบรรดาเนื้อหมู เนื้อไก่ ลูกชิ้น และบรรดาเครื่องชาบูทั้งหลายอีกด้วย แต่ครั้นจะมาในรูปของน้ำซุปแบบเดิมๆ มันก็น่าเบื่อไปหน่อยใช่มั้ยล่ะ

002

อย่างที่ Hot Pot Buffet ซุปบูเดชิเกเค้าก็เคยมีแล้ว ซุปต้มยำมันกุ้งแซ่บๆ ก็มีแล้ว ยังขาดน้ำซุปอะไรอีกน้า ที่มันจะอร่อย เมื่อจับมาเข้าคู่เนื้อสัตว์ต่างๆ ลูกชิ้นสารพัดชนิด และผักมากมายที่เรียงรายอยู่ที่บุฟเฟต์บาร์

003

คำตอบก็คือ “ซุปเย็นตาโฟต้มยำ” ไงล่ะ! ลองคิดถึงกลิ่นหอมๆ และรสชาติเฉพาะตัวของเย็นตาโฟดูสิ มันเข้ากันได้ดีเลยนะ ยิ่งมีเสิร์ฟพร้อมหนังปลาแซลมอน ยิ่งฟินกับพวกลูกชิ้นต่างๆ และเนื้อสัตว์นุ่มๆ ทั้งเนื้อ หมู ไก่ และหัวปลาแซลมอน (เมนูใหม่ไม่ได้หาทานง่ายๆ นะ)

004

ไปถึงก็จัดเลย! ตักลูกชิ้นต่างๆ ทั้ง ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลา หมูห่อสาหร่าย ปลาหมึกแช่ เกี๊ยว ลูกชิ้นแคะ ผักบุ้ง และเห็ดหูหนูขาว จับลงหม้อแล้วรอน้ำซุปเดือดปุดๆ ได้เลย พอน้ำซุปเดือดแล้ว แนะนำให้ปล่อยทิ้งไว้สักพักนะ รอให้รสชาติของน้ำซุปค่อยๆ กำซาบเข้าไปพวกลูกชิ้นอีกสักนิด เวลาเคี้ยวจะฟินมาก

005

006

จากนั้นก็ไปต่อกันที่เนื้อสัตว์บ้าง จัดแจงไปตัก เนื้อหมูสไลซ์ เนื้อหมูหมัก เบคอน หมึกทรงเครื่อง และหัวปลาแซลมอนมาเลย จับหัวปลาแซลมอน ใส่ลงในหม้อ ให้ความหวานจากเนื้อปลาและไขมันโอเมก้าอันแสนจะมีประโยชน์ ได้แทรกซึมอยู่ในน้ำซุปก่อนนะ แล้วค่อยจับหมูสไลซ์ หมูหมัก และเบคอนลงไปแกว่งในน้ำซุปให้แค่พอสุก อย่าลวกนาน เพราะเนื้อหมูและเบคอนจะสุกเกินไปจนเสียความเหนียวนุ่ม

007

และด้วยความที่น้ำซุปเย็นตาโฟมีรสชาติที่เข้มข้นอยู่แล้ว ทั้งเปรี้ยวเค็มและหวานนิดๆ ก็สามารถตักซดได้เลย ไม่ต้องเติมอะไร ส่วนน้ำจิ้ม ใครชอบใส่รสจัดๆ ก็ตักพริกกระเทียมลงไปให้หนักๆ เลย

008

009

010

011

012

013

บุฟเฟต์ที่ Hot Pot Buffet แค่หัวละ 299 บาทเท่านั้น กินได้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง แถมไม่ได้มีแค่บุฟเฟต์ชาบูเท่านั้น แต่ยังมีโซน ติ่มซำ, อาหารจานร้อน เช่น ข้าวผัด สปาเก็ตตี้ ปลานึ่งซีอิ๊ว, ของทอดต่างๆ เช่น กุ้งเทมปุระ ทาโกะยากิ ไก่ทอด, ซูชิหลากหลายหน้า และของหวานให้เลือกด้วยนะ มันช่างคุ้มค่าจริงๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก: Food MThai

 

 

 

 

 

 

สัมผัสกาแล็คซี 10 ที่เที่ยวนอนชมดาว ส่องทางช้างเผือก

สัมผัสกาแล็คซี 10 ที่เที่ยวนอนชมดาว ส่องทางช้างเผือก

001

การเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง ก็ย่อมสร้างความประทับใจแตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าคุณจะพบเจอธรรมชาติแบบไหน พวกเขาก็พร้อมจะมอบความสุขให้คุณเสมอ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแสงยามเช้า ความงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คลื่นทะเลหมอก ความโรแมนติกของดวงจันทรา ผืนป่า ต้นหญ้า และหมู่ดอกไม้ แต่สิ่งหนึ่งที่ travel.mthai.com อยากจะนำเสนอ นั่นก็คือความอลังการของดวงดาราและทางช้างเผือกยามค่ำคืน ไปพบกับ 10 ที่เที่ยวนอนชมดาว ส่องทางช้างเผือกกันครับ ถ้าชอบ ก็ตามรอยไปเที่ยวกันได้เลย

แนะนำ 10 ที่เที่ยวนอนชมดาว ส่องทางช้างเผือก

สำหรับการจะชมดาวหรือทางช้างเผือกด้วยตาเปล่า จะมีให้เห็นในคืนเดือนมืดเท่านั้น แล้วแต่สภาพท้องฟ้า และต้องไม่มีแสงรบกวน และเดี๋ยวนี้ก็สะดวกมากขึ้นเพราะมีแอพลิเคชั่นแนะนำช่วงวันเวลาในการมองเห็นด้วยนะ โดยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของช่างภาพสายท่องเที่ยว

  1. ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่

เดินป่าฝ่าความสูงกับยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ในเมืองไทย

002

  1. วัดป่าสว่างบุญ จ.สระบุรี

พระมหาเจดีย์ 500 ยอด กลางวันงดงามอร่ามตา กลางคืนพร่างพราวกับดวงดารา

003

  1. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

มหัศจรรย์แก่งหิน ราวกับเดินสำรวจในโลกดึกดำบรรพ์

004

  1. หาดขนอม จ.นครศรีธรรมราช

ชายหาดแดนใต้อันเงียบสงบ ฟังเสียงเกลียวคลื่น ยืนมองดวงดาว สุกสกาวเต็มฟ้า

005

  1. ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

ลานสนสามใบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย พร้อมดอกหงอนนาคสีขาวโพลน เบ่งบานเต็มท้องทุ่ง

006

  1. ภูกระดึง จ.เลย

เส้นทางเดินป่าสุดคลาสสิก กินลม ชมวิว ชิลน้ำตก ค่ำคืนก็มายืนชมดาว

007

  1. บึงบัว เขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

สะพานไม้ทอดยาว พื้นล่างเป็นบึง เบื้องบนคือดวงดาว เคียงข้างด้วยขุนเขาอันยิ่งใหญ่

008

  1. เขาช้างเผือก จ.กาญจนบุรี

มาดูช้างเผือก จะพลาดเขาช้างเผือกได้อย่างไร เหมือนเกิดมาเป็นของคู่กัน

009

  1. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จ.อุบลราชธานี

ยามค่ำคืน ชมต้นไม้เรืองแสง พร้อมหมู่ดาวมาเป็นพยาน กับวัดที่ฮอตที่สุดในเมืองอุบลฯ

010

  1. เขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

อลังการกับโคตรทะเลหมอกยามเช้า แถมยามค่ำคืนยังจะได้ฟินกับหมู่ดาวนับล้านดวง

ขอบคุณภาพถ่าย จากคุณพชร เกรียงเกร็ด:  Little Potchara และคุณสุรเชษฐ์ เจียมตน:  สุรเชษฐ์ เจียมตน

เรื่องโดย : Travel MThai

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“พิมดารา” (Pimdara Hotel) โรงแรมสไตล์ Art Gallery แห่งใหม่ จ.จันทบุรี

พิมดารา (Pimdara Hotel) โรงแรมสไตล์ Art Gallery แห่งใหม่ จ.จันทบุรี001

จันทบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวมากๆ มีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งภูเขาและทะเล อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ อาหารอร่อย ผลไม้ก็ดีเริ่ด! อีกทั้งยังมีถนนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย ^^ อีกทั้งที่พักของที่นี่ก็มีทั้งที่ตั้งอยู่ติดทะเล ภูเขา หรือริมแม่น้ำ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับโรงแรมน้องใหม่ เพิ่งเปิดสดๆ ร้อนๆ นี่เอง กับ “โรงแรมพิมดารา (Pimdara Hotel)

002

โรงแรมพิมดารา (Pimdara Hotel) เป็นโรงแรมแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี วันที่ 18 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในตัวเมืองจันทบุรี การตกแต่งของโรงแรมเห็นแว๊บแรกก็สะดุดตามากๆ ซึ่งทางโรงแรมบอกว่าเป็นสไตล์ ART GALLERY HOTEL ทำให้คนที่เข้าพักได้พักผ่อนควบคู่ไปกับการได้ชมงานศิลปะ ผ่อนคลายสายตา ซึ่งงานศิลปะเหล่านี้ บางส่วนก็จะเล่าเรื่องราวของเมืองจันทบุรีด้วย มีมุมเอาไว้ถ่ายรูปสวยๆ หลายมุมเลยล่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมมาใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว

003

004

ห้องพักมีบริการด้วยกัน 37 ห้อง ตกแต่งด้วยโทนสีเรียบง่าย ที่ดูสบายตา มาพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวครบครัน มีระเบียงส่วนตัวที่ยื่นออกไป มองเห็นวิวสวยๆ ของเมืองจันทบุรี ชุมชนริมน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกทางโรงแรมก็มีสวนและ roof top สนามหญ้าเทียมที่ให้ลูกค้าสามารถขึ้นไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจ

005

006

007

โรงแรมสวยๆ แบบนี้ มาในราคาที่คุ้มค่ามากๆ  เริ่มต้นราคาหลักร้อยเท่านั้น! วันธรรมดา (อาทิตย์ – พฤหัส) 960.- บาท ส่วนวัยหยุดจะอยู่ที่ 1,190.- บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โทร.สอบถามห้องพัก)

การเดินทาง : สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวหรือรถตู้โดยสาร จาก กทม. อยู่ห่างจากแหล่งที่เที่ยวริมน้ำ เพียง 5 กม. อยู่ใกล้กับ ม.ราชภัฏรำไพพรรนี

ที่ตั้ง : 69/5 ซ.รักศักดิ์ชมูล24 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี

เบอร์โทรศัพท์ : 039 609 878

E-mail : pimdarahotel@gmail.com

Facebook : Pimdara Hotel โรงแรมพิมดารา

008

009

010

011

012

013

014

015

016

017

ขอบคุณข้อมูลจาก: Travel MThai