เที่ยวเพชรบูรณ์ 8 จุดเช็คอิน
ไปได้ทุกฤดูกาล!
ถ้าชอบเที่ยวภูเขา เดินป่า ชมธรรมชาติ ยลไอหมอก เพชรบูรณ์คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เรานึกถึง เพราะมีทิวเขาน้อยใหญ่โอบล้อม กับป่าไม้พืชพรรณเขียวขจี สภาพอากาศเย็นสบาย สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาล สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์คงหนีไม่พ้นภูทับเบิก แหล่งชมทะเลหมอกและกะหล่ำปลีลูกใหญ่กว่าฝ่่ามือ แต่นอกจากภูทับเบิกแล้ว ใครจะรู้ว่าเพชรบูรณ์ยังมีสถานทีท่องเที่ยวสวยๆ อีกมากมาย ตามไปดูกัน…
- ภูทับเบิก
เมื่อฝนตกพรำๆ ความหนาวเย็นก็เข้ามาเยือน เป็นช่วงเวลาดีของการออกไปโอบกอดทะเลหมอก ต่อด้วยการเดินชมแปลงกะหล่ำปีที่ผุดขึ้นละลานตาทั่วภูทับเบิก แปลงกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางอากาศบริสุทธ์ สูดหายใจได้เต็มปอด ตกกลางคืนกางเต็นท์นอนรับลมหนาวเฝ้ามองดาวบนฟากฟ้าและบนดิน ดังคำเปรียบเปรยที่ว่า ภูทับเบิกคือดาวบนดิน ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 1768 เมตร ทำให้เมื่อมองจากยอดภูทับเบิกลงไปด้านล่างในยามค่ำคืน จะเห็นแสงไฟของบ้านเรือนส่องประกายระยิบระยับคล้ายกับแสงดาวบนฟ้านั่นเอง
*****************************************************************************
- เขาตะเคียนโง๊ะ
ออกไปแตะแสงแรกของวัน พร้อมฟินกับทะเลหมอกรอบด้าน 360 องศา บนเขาตะเงียนโง๊ะ ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งบนเขาค้อ และจากจุดชมวิวนี้เองสามารถมองไปเห็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปร่างคล้ายภูเขาไฟฟูจิ (ไม่ต้องบินไปดูที่ญี่ปุ่นแล้ว) รวมไปถึงผืนป่าเขาค้อ ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลหมอก เป็นภาพที่สวยงามที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง
เขาตะเคียนโง๊ะตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2258 ขับเลยพระตำหนักเขาค้อไปทางทุ่งแสลงหลวง สามารถนำรถขึ้นถึงเขาตะเคียนโง๊ะได้เลย ด้านบนมีเต็นท์พักแรมบริการ หรือนำเต็นท์ขึ้นไปกางเองก็ตามแต่สะดวก
*****************************************************************************
- ทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
ทุ่งแสลงหลวง หรือ “ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย” เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ถือเป็นแหล่งผืนป่าสะวันนาแห่งเดียวของภาคเหนือที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ภายในอุทยานครอบคลุมพื้นที่สองจังหวัด คือเพชรบูรณ์และพิษณุโลก มีพื้นที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง เนื้อที่ประมาณ 16 ตร.กม. ตามเส้นทางจะตัดผ่านป่าเบญจพรรณ มีพันธุ์ไม้ดอกมากมาย และอาจเจอสัตว์ป่าออกมาหากินตามข้างทาง นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนสองใบ คือทุ่งหญ้าเมืองเลนและทุ่งโนนสน นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินป่าและกางเต็นท์พักแรม โดยทางอุทยานจะเปิดให้เข้าไปเที่ยวได้ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี
*****************************************************************************
- วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งตระหง่านอยู่กลางอ้อมกอดของขุนเขา มีความวิจิตรอลังการจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด พลอย แก้วแหวน หินสี ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม ตั้งแต่เสา ผนัง พื้น บันได เมื่อยามต้องแสงแดดทั่วบริเวณจะสะท้อนประกายงดงามราวกับวัดบนสรวงสวรรค์ ภายในวัดมีเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และมหาวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ พระพุทธรูปสีขาวซ้อนกัน 5 องค์ ใหญ่โตโอ่อ่ามากทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน รอบๆ วัดจะเต็มไปด้วยทะเลหมอกสีขาวโพลน
*****************************************************************************
- Pino Latte Resort & Cafe
ใครชอบถ่ายภาพ อยากลิ้มลองเบเกอรี่อร่อยๆ พร้อมดูวิวทะเลหมอกแบบพาโนรามา ที่ Pino Latte Resort & Cafe ตอบโจทย์ครบ ซึ่งเป็นหนึ่งในที่พักและคาเฟ่ยอดฮิตสำหรับคนที่เดินทางมาเที่ยวเขาค้อ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ด้านบนเป็นร้านคาเฟ่ฮิปๆ ดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์ มีเมนูทั้งของคาว ของหวาน เบรคฟาสต์ และเครื่องดื่มหลากรสชาติ จุดเด่นคือด้านหน้าร้าน เป็นจุดชมวิววัดผาซ่อนแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขา พร้อมทัศนียภาพที่สวยงาม 360 องศา ส่วนที่พักจะอยู่ด้านล่าง ตกแต่งสไตล์ Boutique Resort มีห้องพักเพียง 5 ห้องเท่านั้น เน้นความเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา
*****************************************************************************
6.“Bluesky Garden” สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ
“Bluesky Garden” สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ บรรยากาศเหมือนเดินเล่นอยู่ในยุโรป ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติ ตั้งอยู่ในใน The Blue sky Resort@Khao Kho สวนดอกไม้บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ แห่งนี้ ใช้ชื่อว่า The Seasons หรือสวน 4 ฤดู แบ่งออกเป็น 4 โซนตามฤดูกาล คือ Summer Spring Autumn Winter แต่ละโซนปลูกดอกไม้พืชพรรณสวยงามแตกต่างกันไป ทำให้ได้มุมเก๋ๆ ถ่ายรูปเช็คอินเพียบ ที่สำคัญอากาศเย็นสบาย มีลมพัดผ่านตลอดเวลา สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปีไม่ต้องรอถึงหน้าหนาว พร้อมชมทุ่งดอกไม้ที่บานตลอด 365 วัน
*****************************************************************************
- ทุ่งกังหันลม เขาค้อ
ขอบคุณรูปภาพจาก: khaoko
ขอบคุณรูปภาพจาก: ticthai
ใครมาเที่ยวเขาค้อ คงสะดุดตากับกังหันลมยักษ์ใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาสูง ในหมู่บ้านเพชรดำ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกลไปถึงวัดผาซ่อนแก้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เราเข้าไปเก็บภาพสวยๆ ด้วย มีจุดชมวิวสองจุด คือ จุดชมวิวช้างดอย และ จุดชมวิวระเบียงกังหันลม ทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่น อย่างการนั่งรถล้อเลื่อน “ฟอร์มูล่าม้ง” ไถลลงเนินมาเรื่อยๆ สร้างความตื่นเต้นเร้าใจเป็นที่สุด, นั่งชิงช้าชาวเขาสุดหวาดเสียว มีทั้งชิงช้าไม้หมุนและแบบเชือกเส้นเดียว น่ากลัวทั้งคู่เลย, ชิมสตอรเบอรี่สดๆ จากไร่สตรอเบอรี่ บีจี เป็นต้น นักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัวจะเดินเมื่อยเพราะที่นี่เขามีบริการรถรางพาชมจุดต่างๆ ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
*****************************************************************************
- อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
หนาวจริงๆ หนาวสมชื่อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ด้วยสภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูงทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยาน เช่น จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์ มีทางเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์และพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น, จุดชมทิวทัศน์ภูค้อ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า สามารถมองเห็นผืนป่าสวนสนภูกุ่มข้าวสลับกับป่าดงดิบ, น้ำตกตาดพรานบา น้ำตกขนาดใหญ่ไหลมาจากหน้าผา สูงประมาณ 20 เมตร, ป่าเปลี่ยนสี ในเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี ผืนป่าบริเวณนี้จะพร้อมใจกันผลัดใบเปลี่ยนสีอย่างงดงาม จากสีเขียวกลายเป็นสีเหลือง ส้ม แดง สดใสตามธรรมชาติ เป็นต้น
เพชรบูรณ์ถือเป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์จริงๆ ยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ อากาศเย็นสบายมากๆ ขอแนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่วางแผนหาที่เที่ยวปลายปี ว่าแล้วก็เก็บเป้พกกล้อง ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ชาร์จแบตพลังชีวิตให้เต็มร้อยก่อนกลับมาเผชิญโลกความจริงกันเลย