เที่ยววิถีชุมชน 2 หมู่บ้านน่าเที่ยว เชียงรายสไตล์ใหม่ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร

เที่ยววิถีชุมชน 2 หมู่บ้านน่าเที่ยว
เชียงรายสไตล์ใหม่ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร

เบื่อไหม? กับการเที่ยวเชียงรายในที่เดิมๆ ซ้ำรอยเช็คอินของคนอื่น อย่างพิพิธภัณฑ์บ้านดำ วัดร่องขุ่น ภูชี้ฟ้า หรือไร่ชาฉุยฟง วันนี้ Travel Mthai จะพา เที่ยววิถีชุมชน เชียงรายสไตล์ใหม่ แบบไม่เหมือนใครแน่นอน จะเป็นยังไงน้า ตามเรามาเลยค่า

ชุมชนอาข่า บ้านหล่อชา

เยือนชุมชนอาข่า บ้านหล่อชา ตั้งอยู่ริมถนนสายท่าตอน-แม่จัน เป็นหมู่บ้านของชาวไทยภูเขาเผ่าหนึ่งที่อพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีน ลงมาอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย ประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว

บ้านหล่อชา เป็นโครงการนำร่อง ของโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สนับสนุนโดย สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (พีดีเอ-เชียงราย) และได้รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยดีเด่นเมื่อปี 2011

เมื่อเราเข้ามาถึงหมู่บ้าน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้นำชุมชน ซึ่งพาเราเดินชมรอบหมู่บ้าน และสาธิตการล่าสัตว์ เราได้เรียนรู้ว่าคนในสมัยก่อนใช้กับดักสัตว์ ในการล่า ก็ออกจะดูน่ากลัวอยู่นิดๆ จากนั้นผู้นำชุมชนก็พาเราลอดประตูผี ที่เปรียบเหมือนประตูเข้าหมู่บ้าน โดยมีกฎเหล็กว่าห้ามแตะต้องซุ้มประตู หรือสิ่งของใดบริเวณประตูเด็ดขาด

ที่เพื่อนๆ เห็นในภาพนี้คือ โล้ชิงช้า เป็นชิงช้าประจำหมู่บ้าน จะมีประเพณีโล้ชิงช้าทุกปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน เพื่อเฉลิมฉลองก่อนเก็บเกี่ยว และขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาที่คอยปกปักษ์รักษา (ตอนยืนดูคุณลุงโหนไปมา นี่เสียวอยู่เหมือนกันนะ 55)

ถ้าถามว่ามาที่นี่แล้วได้อะไร?? ก็ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวอาข่า ภูมิปัญญาพื้นบ้าน การแสดงของชนเผ่า ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นหัตถกรรมการทอผ้า การตัดเย็บเสื้อผ้า การตีเหล็ก การทำไม้กวาด ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ยังมีร้านขายสินค้าแฮนเมด อย่างกำไรข้อมือ หมวกชนเผ่า กระเป๋าผ้า ที่คนในชุมชนทำเอง ในราคาไม่แพงเลย เริ่มต้นที่ 10 บาทเท่านั้น มาเที่ยวและอุดหนุนสินค้าของชาวอ่าข่ากันเยอะๆ นะคะ ชาวบ้านที่นี่น่ารักมากจริงๆ

*****************************************************

ชุมชนตำบลนางแลใน

ถ้าใครชอบกินสับปะรดนางแล ก็คงต้องคุ้นชื่อ นางแล กันบ้างแหละ ใช่แล้ว ที่นี่เป็นแหล่งผลิตสับปะรดพันธ์ุนางแลคุณภาพเยี่ยมของประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสับปะรด ที่มีรสชาติโดดเด่นไม่เหมือนพันธุ์ไหน ด้วยความหวานฉ่ำ เนื้อแน่น ออกสีเหลือเข้ม และส่งกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง บ้างก็เรียกกันว่า สับปะรดพันธุ์น้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวตอบโจทย์คนรักธรรมชาติอีกมากมาย ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างเต็มที่

สวนสตรอเบอร์รี่ชมดอย

มานอนสูดอากาศสดชื่น เดินเก็บสตรอว์เบอร์รี่แบบชิลๆ ที่สวนสตรอว์เบอร์รี่ชมดอย อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 20 กิโลเมตร ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากสตรอว์เบอร์ลูกโต รสหวานอร่อย ปลอดสารพิษแล้ว ยังมีมัลเบอรี่ หรือลูกหม่อน ให้เราเดินถือตะกร้าเลือกเก็บตามความพอใจ (อย่าหมดสวนก็แล้วกัน 555) จะเอาไปกินสดๆ หรือปั่นเป็นน้ำผลไม้ก็ดีต่อใจสุดๆ

ในส่วนของที่พัก ก็มีบริการทั้งแบบโฮมสเตย์ ในราคาห้องละ 600 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า และเต็นท์ ในราคาหัวละ 300 บาท รวมอาหารเช้า สามารถปิ้งบาร์บีคิวได้ มีกองฟืนเตรียมให้พร้อม หรือใครอยากโชว์ลีลาการทำกับข้าว เขาก็มีครัวที่เปิดต้อนรับแขกผู้เข้าพักทุกคน นอกจากนี้เจ้าของยังใจดีมีรถจักรยานฟรีให้ได้ปั่นไปเที่ยวบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย เช่น น้ำตกนางแลใน นาข้าวขั้นบันได และหมู่บ้านลิไข่ เป็นต้น

เสน่ห์อย่างหนึ่งของสวนสตรอว์เบอร์รี่ชมดอย ก็คืออากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางหุบเขา และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จนเราอดคิดไม่ได้ว่า นี่มาเที่ยวเชียงรายตั้งหลายครั้ง ทำไมถึงพลาดที่นี่ไปได้??

น้ำตกนางแลใน บ้านลิไข่

สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชนเผ่าอาข่า และลิไข่ ซึ่งก่อตั้งหมู่บ้านมาตั้งแต่ปี 2520 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ข้าวต้มห้วยลึก มีประเพณีประจำปีที่น่าสนใจ คือ ประเพณีกินวอ จะจัดตรงกับช่วงตรุษจีน โดยการนำของไปเซ่นไหว้ผีเจ้าป่าเจ้าเขา และผีบรรพบุรุษ นักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมได้ ซึ่งยาวนานถึง 7 วัน 7 คืนเลยทีเดียว

ภายในพื้นที่ไม่ใกล้ไม่ไกล จะได้ยินเสียงสายน้ำไหลกระทบโขดหิน ดังมาจากน้ำตกนางแลใน มีทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกันคือ น้ำตกตาดฝน น้ำตกตาดราง น้ำตกใหม่ น้ำตกตาดถ้ำ และน้ำตกสี่ชั้น อาจจะไม่ได้เป็นน้ำตกใหญ่โตหรือดูสวยอลังเท่าไหร่ แต่ก็พอเป็นแหล่งน้ำคลายร้อนได้ดีเลยล่ะ

โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา (สำนักปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยโอ่ง)

นวดผ่อนคลายสไตล์ล้านนากันซะหน่อย หลังจากเดินเมื่อยมาทั้งวัน ที่โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา หรือ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลนางแล วัดพระธาตุดอยโอ่ง เมื่อมาถึงเราจะได้พบกับ พระเมธาวินทร์ แสนธิ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตุ๊เม (ตุ๊ ภาษาเหนือ แปลว่า พระ) ผู้เผยแพร่วิชาแพทย์ทางเลือกแห่งล้านนาโบราณ โดยการใช้พืชสมุนไพรในการรักษา ทั้งการตอกเส้น การย่ำขาง การนอนย่างสมุนไพร แช่เท้าสมุนไพร สปาสุ่มไก่ การเช็ดใบไม้ และการแหกเขาควายฟ้าผ่า

ไม่ต้องตกใจถ้าเห็นหมอนวดที่นี่หน้าตายังละอ่อน แต่ฝีมือไม่ธรรมดา เพราะล้วนถูกฝึกสอนโดยตุ๊เม ซึ่งความตั้งใจของท่านก็คือ เพื่อสร้างคนสร้างงาน เมื่อเรียนแล้วก็เอาไปต่อยอดได้ทันที นอกจากนี้ท่านยังสอนคนเฒ่า คนแก่ ทำยาสมุนไพร ยาหม่อง ลูกประคบ เพื่อสร้างรายได้ และยังทำให้พวกเขาไม่เหงาอีกด้วย

การ เที่ยววิถีชุมชน นอกจากเราจะได้สัมผัสกับชีวิตของผู้คนที่นั่นอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนด้วย ผ่านการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ทางชุมชนจัดขึ้น ถ้าเพื่อนๆ สนใจอยากมาเที่ยวเชียงรายสไตล์ใหม่ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร แบบนี้ล่ะก็ อย่ารอช้า แพ็คกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันเลย

ขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทางโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

รับส่วนลด 500 บาท! เมื่อพักที่ ผึ้งหวาน รีสอร์ท แอนด์ สปา (แควใหญ่) (Pung-Waan Resort & Spa) จ.กาญจนบุรี

ผึ้งหวาน รีสอร์ท แอนด์ สปา (แควใหญ่) (Pung-Waan Resort & Spa) จ.กาญจนบุรี       

มอบส่วนลดทันที 500 บาท เมื่อจองโรงแรมนี้

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Travel Guru เท่านั้น!

ผึ้งหวานรีสอร์ท ไทรโยค (Pung-Waan Resort, Saiyoke) จ.กาญจนบุรี ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำแควน้อย ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำแคว ที่นี่ท่านจะสัมผัสธรรมชาติสีเขียว เหล่าต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขา และสายน้ำทีสวยสดงดงาม ท่านสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ ใช้เวลาวิ่งเพียง 3 ชั่วโมง บนถนน 4 เลน อย่างดี เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมให้บริการท่านอย่างมากมาย อาทิ กระท่อมไม้บนเนินเขา บ้านพักริมสระบัว ตึก 2 ชั้น ริมแม่น้ำแควน้อย ท่านจะเพลิดเพลินไปกับกีฬากลางแจ้งนานาชนิด หรือจะเลือกพักผ่อน ชมธรรมชาติที่สวยงามเฉพาะตัวของจังหวัดกาญจนบุรี

ข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวก
กีฬาและนันทนาการ
-สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 1 สระ และสไลเดอร์ยักษ์
-สระว่ายน้ำเด็ก 1 สระ
-อ่างน้ำวนกลางแจ้ง 1 อ่าง
-จักรยาน
-เปตอง
-ล่องแพ
-ปีนหน้าผาจำลอง
-ปิงปอง
-สนามวอลเลย์บอล
-สนามฟุตบอล
-รถม้า
-บักกี้
-บ้านผึ้งน้อย นวดบำบัด
-บริการซักรีด
-บริการไปรษณียากร และส่งจดหมาย
-ร้านขายของที่ระลึก
-บริการส่งอาหารถึงห้องพัก เวลา 06:00 – 23:00 น.
-ห้องพยาบาล
-บริการส่งแฟกซ์
-บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
-บริการรถรับส่งฟรี(แผนกต้อนรับ-อาคารชายน้ำ)
-บริการฟรี WIFI บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง

ห้องพักแบบ Suite (Baan Boonnark)

ห้องพักแบบ Standard (Baan Lom-Bung Garden View)

ห้องพักแบบ Floating House (VIP 4 Pax)

 ห้องพักแบบ Standard (Baan Koo-Bua Garden View)

ห้องพักแบบ Cottage (Mountain and River View)

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

เงื่อนไข:

-ห้องพักทุกประเภท 2 วัน 1 คืน จำนวน 1 ห้อง

-รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดชำระค่าห้องพักตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Travel Guru เท่านั้น

-ราคาดังกล่าวรวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

-Check in 14.00 hrs and Check out 12.00 noon

-ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง (Long Weekend) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ

-กรุณาสำรองห้องพักอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-กรุณาสำรองห้องพักได้ที่ 02-100-7008 เท่านั้น

-ไม่สามาถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆหรือแลกเป็นเงินสดได้

-กรณีเลื่อนวันหรือยกเลิกการเดินทางต้องแจ้งก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วันทำการ และ สามารถเลื่อนได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

-หากของรางวัลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทจะหาของรางวัลที่มูลค่ามากกว่าหรือเทียบเท่ามาชดเชยให้

 ระยะเวลา: วันนี้ – 31 ก.ค. 61

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.hotelsthailand.com/thailand/kanchanaburi/pung-waan-resort-spa.html

 

 

ทิ้งความเหนื่อยล้า เดินเข้าป่าเที่ยว 10 อุทยานแห่งชาติ สัมผัสลมหนาว

ทิ้งความเหนื่อยล้า เดินเข้าป่าเที่ยว
10 อุทยานแห่งชาติ สัมผัสลมหนาว

ทำงานเหนื่อยล้ามาทั้งเดือน ให้รางวัลแก่ชีวิตด้วยการพาร่างกายไปชาร์จแบตกับธรรมชาติกันดีกว่า ไปนอนกางเต็นท์ฟินๆ นั่งนับดาวเล่นๆ สูดอากาศแสนสดชื่น เดินป่าชมเขา กับ 10 อุทยานแห่งชาติ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้

  1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    จ.นครราชสีมา

ขอบคุณรูปภาพจาก: wikipedia

อุทยานแห่งชาติเชาใหญ่ เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรัก มีพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด คือ สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก ได้รับสมญานามว่า อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน สภาพด้านบนมีผืนป่าอุดมสมบูรณ์สลับกับพืชพรรณและสัตว์นานาชนิด โดดเด่นด้วยน้ำตกหลายสายที่สำคัญ เช่น น้ำตกเหวสุวัติ น้ำตกเหวนรก น้ำตกนางรอง น้ำตกสาริกา เป็นต้น

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก
    จ. เชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแดนลาว มีความสูง 2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีหมอกปกคลุมจัดและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ประกอบไปด้วยดอยสำคัญได้แก่ ดอยฟ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง

ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โป่งน้ำร้อนฝาง, น้ำตกโป่งน้ำดัง, น้ำตกตาดหมอก, ถ้ำห้วยบอน นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวทิวสน ห่างจากที่ทำการอุทยาน 1.3 ก.ม. เป็นลานยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก และชมทะเลหมอกได้มุมมองแบบพาโนราม่า

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
    จ.เชียงใหม่

ห้วยน้ำดัง เป็น อุทยานแห่งชาติ ที่มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสีเขียว หน้าหนาวดอกกล้วยไม้เอื้องเงิน ที่ขึ้นตามธรรมชาติ จะออกดอกบานต้อนรับนักท่องเที่ยว และมีดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย บานแซมอยู่เป็นระยะๆ แต่งแต้มสีสันให้ดอยนี้มีชีวิตชีวา

นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นดอยไปสัมผัสไอเย็น ชมทะเลหมอก ณ จุดชมวิวดอยกิ่วลม ซึ่งสามารถมองเห็นดอยเชียงดาวได้ หรือจะเลือกขึ้น ดอยสามหมื่น หรือ ดอยช้าง ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    จ.เชียงใหม่

เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน

ดอยอินทนนท์ ยอดดอยสูงสุดของประเทศไทย อยู่ที่ระดับ 2,599 เมตร จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี ประกอบไปด้วยน้ำตกหลายแห่งและเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวชมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์  เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา และเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติแม่เมย
    จ.ตาก

อุทยานแห่งชาติแม่เมย มีลักษณะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนมีที่ราบน้อยมาก จุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,250 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์

สำหรับจุดชมทะเลหมอก จะอยู่หลังที่ทำการอุทยานฯ  มีความสูงประมาณ 1,100 เมตร เป็นจุดที่มองเห็นทะเลหมอกได้กว้างไกลมาก รวมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ยังมีม่อนต่างๆ ที่เหมาะกับคนชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ทั้งม่อนกิ่วลม ม่อนครูบาใส ม่อนปุยหมอก และม่อนพูนสุดา

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติพุเตย
    จ. สุพรรณบุรี

อุทยานแห่งชาติพุเตย ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี จุดสูงสุดอยู่ที่ยอดเขาเทวดา ระดับความสูง  1,123  เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย ใครที่เป็นนักเดินทางขาลุย คงจะติดใจกับธรรมชาติระหว่างทาง ทั้งป่าไผ่ น้ำตก ไร่ข้าวโพด ป่าสนสองใบธรรมชาติ  แถมด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้า ทะเลหมอก และอากาศหนาวเย็น

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
    จ.เลย

ภูกระดึง แหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไฮไลท์สำคัญในช่วงหน้าหนาวคือการเดินเข้าป่าไปชมความงามของพืชพรรณนานาชนิด โดยเฉพาะใบเมเปิ้ลแดงสวยสด หรือเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ถ้าจะให้ดี ต้องเดินไปชมให้ถึงสุดแผ่นดินด้านทิศตะวันตกอย่าง “ผาหล่มสัก” แลนด์มาร์กเด็ดที่มาถึงภูกระดึงแล้วต้องไปถ่ายรูปให้ได้

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
    จ.กำแพงเพชร

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีผืนป่ากว้างใหญ่ครอบคลุมสองจังหวัด คือกำแพงเพชร และนครสวรรค์ อยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จึงมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ อย่างป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และ ป่าเต็งรัง รวมถึงสัตว์ป่าหายาก ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็น ช้างป่า กระทิง เสือ กวาง เก้ง หมี แมวลาย และนกต่าง ๆ มากกว่า 300 ชนิด

มาเที่ยวที่อุทยานฯ แห่งนี้ ต้องไปพิชิต ยอดเขาโมโกจู สักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงสุดสุด วัดได้ 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โดยอาศัยสองเท้าเดินไปตามทางในป่า ใช้เวลาไป-กลับ ประมาณ 5 วัน ถือเป็นบททดสอบที่โหดพอสมควรสำหรับนักเดินทาง

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติแม่ยม
    จ.แพร่

ขอบคุณรูปภาพจาก: อุทยานแห่งชาติแม่ยม-แก่งเสือเต้น

อุทยานแห่งชาติแม่ยม มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูง มียอดเขาที่สำคัญอย่าง  ดอยหลวง ดอยยาว ดอยขุนห้วยแปะ และดอยโตน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย  ที่ไหลลงสู่แม่น้ำยม สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่ แก่งเสือเต้น มีลานกางเต็นท์พักแรมและกิจกรรมล่องแก่ง, หล่มด้ง มีลานกางเต็นท์ เพื่อชมทิวทัศน์ป่าสักที่งดงาม และชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก, จุดชมวิวเหมืองแร่แบไรต์เก่าสามารถชมวิวทะเลหมอกได้อย่างจุใจ

ฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม เนื่องจากในฤดูฝน เป็นช่วงน้ำหลากในแม่น้ำยม และทางคมนาคมไม่สะดวก จึงอาจก่อให้เกิดอันตราย

*********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
    จ.เพชรบุรี

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพื้นที่ถึง 2,915 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.8 ล้านไร่ ยังคงสภาพเป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติที่สมบูรณ์

มีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เขาพะเนินทุ่ง ยอดดอยสูงที่มีทะเลหมอกให้ชมตลอดปี, ทะเลสาบเหนือเขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งมีไฮไลท์เป็นสะพานแขวน สร้างข้ามผ่านทะเลสาบ ที่เราสามารถเดิน หรือนั่งชมป่าเขาบริเวณรอบๆ ได้ไม่มีเบื่อ ตลอดจนน้ำตกและถ้ำอีกมากมายที่เป็นถิ่นอาศัยและหากินของสัตว์ป่านานาชนิด

ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า~~ … โอ้วว เนื้อเพลงท่องนี้ถ้าจะจริง เวลาเหนื่อยๆ ก็อยากหาอะไรสดชื่นๆ มาเติมพลังชีวิต ให้เราได้ผ่อนคลายสักหน่อยก็ยังดี ถ้าเพื่อนๆ กำลังรู้สึกหมดแรงอยู่ตอนนี้ล่ะก็ อย่ามัวรีรอ เดินเข้าป่าเที่ยวธรรมชาติกันเถอะค่ะ