รู้ก่อนเที่ยวญี่ปุ่น! ปราสาทนาโงย่า ปิดปรับปรุงอาคารหลัก ยาวถึงปลายปี 2022

ปราสาทนาโงย่า ปิดปรับปรุง
อาคารหลัก ถึงปลายปี 2022

ปราสาทนาโงย่า ประกาศปิดปรับปรุง อาคารหลัก (Main Castle) ตั้งแต่วันนี้ จนถึงเดือนธันวาคม 2022 ใครมีแพลนไปเที่ยวนาโงย่าระหว่างนี้ คงต้องตัดโปรแกรมเที่ยวปราสาทไปก่อน อดใจรอกันหน่อย จะกลับมายิ่งใหญ่อลังการเหมือนเดิม

การปิดปรับปรุงครั้งนี้ ก็เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่บูรณะไว้ตั้งแต่ปี 1959 กลับมาเป็นโครงสร้างไม้ทั้งหมด เนื่องจากเกรงว่าโครงสร้างเก่าอาจมีปัญหา หากเกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง

ปราสาทนาโงย่า (Nagoya Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของโชกุนโทกุงาวะ อิเอะยะสุ เพื่อเป็นฐานอำนาจความมั่นคงและป้องกันการโจมตีจากทางเมืองโอซาก้า ตัวปราสาทสร้างจากฐานหินขนาดใหญ่

จุดเด่นของยอดปราสาท คือ โลมาสีทอง ตัวผู้และตัวเมีย หุ้มด้วยทอง 18 กะรัต หนักตัวละ 44 กิโลกรัม เป็นสัตว์ในตำนานของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นคือมีหัวเป็นเสือ ตัวเป็นปลาคาร์ฟ คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “คินซาชิ” หรือ “ซาชิโฮโกะ” โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องคุ้มครองปราสาทและชาวเมือง

ปราสาทสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1612 และให้ โทกุงาวะ โยชินาโอะ บุตรชายคนที่เก้ามาปกครองปราสาทแห่งนี้ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนาโงย่าถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ทำให้ปราสาทแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก และได้มีการบูรณะครั้งใหม่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กในปี ค.ศ.1959 โดยพยายามคงรูปลักษณ์เดิมไว้ให้มากที่สุด

ภายในปราสาทถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้ ยุทโธปกรณ์ของเหล่าซามูไรในสมัยโบราณ ภายนอกปราสาทมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ คูเมือง และกำแพงป้อมปราสาท ซึ่งเป็นจุดชมซากุระที่จะเบ่งบานออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ ปลายเดือนมีนาคม – เมษายน

อย่างไรก็ตาม แม้อาคารหลักจะปิดปรับปรุง แต่ส่วนอื่นๆ ยังเปิดให้เข้าชมอยู่ เช่น พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Place) อดีตบ้านพัก และที่ว่าราชการของท่านโชกุน รวมถึงไว้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัยก่อน ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลังถูกทำลายลงไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ ตามแบบสถาปัตยกรรมเดิมทุกอย่าง ด้านในมีภาพวาดฝาผนังที่ถูกแต่งแต้มสีสันได้อย่างปราณีตวิจิตร

Source : ญี่ปุ่นแซ่บStorywikimedia, compathy magazine

 

นั่งรถไฟฉึกฉัก เที่ยวใกล้กรุงเทพ 5 เส้นทางไหว้พระ วันวิสาขบูชา

นั่งรถไฟฉึกฉัก เที่ยวใกล้กรุงเทพ
ไหว้พระวันวิสาขบูชา

ฉึกฉัก ฉึกฉัก ~~ Travel Mthai ขอชวนนั่งรถไฟ เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไปไหว้พระ 5 จังหวัด ในวันหยุดวิสาขบูชา ซึบซับกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง สัมผัสลมเย็นๆ จากธรรมชาติรอบตัว ถือเป็นเสน่ห์ของการนั่งรถไฟไทยแบบเนิบๆ ที่ถึงจะช้าแต่ถึงปลายทางแน่นอน

อยุธยา

เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน ตัวเลือกอันดับแรกๆ ของคนอยากไหว้พระ จะ 5 วัดก็ดี หรือ 9 วัดก็ได้ขอแค่ไหว แนะนำว่าเช่าจักรยานแล้วปั่นไปตามวัดต่างๆ ชิลล์มากกก เมื่ออิ่มบุญก็ตระเวนเที่ยวต่อ ทั้งอุทยานประวัติศาสตร์ หรือพิพิธภัณฑ์ร้านของเล่นก็น่าสนใจทั้งคู่

วัดมหาธาตุ 

แวะชมความงามปนขลังของวัดมหาธาตุ และอัศจรรย์เศียรพระพุทธรูปในต้นไม้ ที่ถูกรากต้นโพธิ์ปกคลุมจนเกือบมิด ความโดดเด่นอีกอย่างก็คือ พระปรางค์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากปรางค์ขอม แม้ปัจจุบันจะพังทลายลงหมดแล้ว เหลือเพียงชั้นฐาน แต่ยังคงมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และงดงามไม่เสื่อมคลาย

**************************************************************

นครปฐม

ปู๊นๆ นั่งรถไฟมาหยุดที่สถานีนครปฐม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากสถานีหัวลำโพง บางคนก็เลือกสถานีปลายทางไปลงน้ำตกไทรโยคน้อย จ.กาญจนบุรี เพราะรถไฟจะหยุดให้แวะสักการะพระปฐมเจดีย์ประมาณ 40 นาที นอกจากนี้ นครปฐม ยังมากมายไปด้วยคาเฟ่ริมน้ำชิคๆ พิพิธภัณฑ์แจ่มๆ อีกเพียบ อย่าง เจษฎาเทคนิค มิวเซียม หรือ วู้ดแลนด์เมืองไม้ อ้อ! และที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลองค์พระ ก็มีพระราชวังสนามจันทร์ ที่เราจะได้พบสิ่งปลูกสร้างในอดีตที่สวยงามทั้ง พระที่นั่ง พระตำหนัก เรือนต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6

องค์พระปฐมเจดีย์ 

มาเที่ยวนครปฐม แล้วไม่สักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ถือว่ามาไม่ถึง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับเมืองนครปฐม อีกทั้งเป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า

**************************************************************

ฉะเชิงเทรา

สถานีต่อไป ชุมทางฉะเชิงเทรา หรือ คุ้นปากคุ้นหูกันดีว่า เมืองแปดริ้ว สัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าริมแม่น้ำแม่กลอง และกราบไหว้หลวงพ่อโสธร พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีตลาดโบราณหลายแห่งให้เดิมชิม ช้อป กันจนจุใจ รับรองมาแล้วได้ทั้งบุญ แถมอาจกลิ้งกลับบ้านอีกต่างหาก

วัดหลวงพ่อโสธร

ด้วยเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อย เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ มาบนบานศาลกล่าวหวังพึ่งพาบารมี และขอให้หลวงพ่อปกป้องคุ้มครอง รักษาโรคให้แคล้วคลาด รวมถึงทำมาค้าขายขึ้น ตลอดจนเรื่องการสอบติดชิงทุนของลูกหลาน

ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อโสธร ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน

**************************************************************

สมุทรสงคราม

 

ยลเสน่ห์ของตลาดร่มหุบ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยเพราะเมื่อรถไฟวิ่งผ่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะพร้อมใจกันหุบร่ม เก็บแผงขาย เพื่อเปิดทางให้รถไฟแล่นผ่าน จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘ตลาดร่มหุบ’ จากตลาดเดินไปไม่ไกลก็จะเจอวัดหลวงคู่เมืองแม่กลองมายาวนาน เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อบ้านแหลม และถ้าอยากเที่ยวอัมพวาต่อ ก็สามารถต่อรถสองแถวไปได้ ส่งถึงข้างหน้าทางเข้าเลยค่ะ

การเดินทางด้วยรถไฟเที่ยวสมุทรสงคราม ต้องนั่งรถไฟสองต่อ ต่อแรกขึ้นรถไฟที่สถานีวงเวียนใหญ่ ไปลงสถานีมหาชัย จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม ต่อที่สองเดินจากท่าเรือไปขึ้นรถไฟสถานีบ้านแหลม เลือกสถานีปลายทางที่แม่กลอง

วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (หลวงพ่อบ้านแหลม)

แต่เดิมชื่อวัดศรีจำปา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ชาวบ้านได้อาศัยวัดนี้เป็นที่ลี้ภัยสงครามพม่า และภายหลังได้ช่วยกันบูรณะวัดขึ้นใหม่แล้วเรียกว่า “วัดบ้านแหลม” ปัจจุบันวัดบ้านแหลมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรีวรวิหาร และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” มีหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรสงคราม

**************************************************************

ลพบุรี

เยือนถิ่นลิง ที่จังหวัดลพบุรี แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์ ด้วยความที่สถานีรถไฟอยู่ใจกลางเมือง จึงสะดวกสบายต่อการเดินเท้าเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  ศาลพระกาฬ และปรางสามยอด นอกจากฝูงลิงที่ขึ้นชื่อแล้ว ยังมีทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

ขอบคุณรูปภาพจาก : tourismthailand

ออกจากสถานีรถไฟลพบุรี ด่านแรกก็จะเจอ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ภายในวัดพบโบราณวัตถุมากมาย ที่ผ่านการบูรณะมาหลายครั้ง ทั้งศาลาเปลื้อง พระปรางองค์ใหญ่ พระปรางค์องค์เล็ก ภาพจิตกรรมฝาผนัง เจดีย์ราย วิหารไทย และวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวมีเสากั้นรวมกันเก้าช่วงเสา หน้าตาทรงโค้งงดงามอ่อนช้อย

 ศาลพระกาฬ

ขอบคุณรูปภาพจาก : tourismthailand

มาเที่ยวลพบุรี ต้องแวะมาไหว้ศาลพระกาฬ เดี๋ยวจะมาไม่ถึง เพราะศาลแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี โดดเด่นด้วยเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแดงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง ผู้คนจึงนิยมเรียกว่า “ศาลสูง” ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืน บริเวณรอบๆ ศาลพระกาฬยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงกว่า 300 ตัว

วันวิสาขบูชา ปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2561 ใครกำลังวางแผนเที่ยว one day trip แบบใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ก็ออกเดินทางตามรอยได้เลย สามารถไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ

 

โบกมือลา พิพิธภัณฑ์สนูปี้ กรุงโตเกียว ชมนิทรรศการสุดท้าย ‘Friendship In Peanuts’

โบกมือลา พิพิธภัณฑ์สนูปี้ กรุงโตเกียว
ชมนิทรรศการสุดท้าย ‘Friendship In Peanuts’

Snoopy เจ้าตูบพันธ์บีเกิลสีขาว ตัวการ์ตูนขวัญใจเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลก มันเป็นหมาที่มีคาร์แร็คเตอร์เป็นของตัวเอง มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเป็นหนังสือ ต่อมาก็ฉายทางโทรทัศน์ และเมื่อเดือนเมษายน ปี 2016 ก็ถูกนำไปสร้างเป็น พิพิธภัณฑ์สนูปี้ (Snoopy Museum Tokyo) แห่งแรกของโลก ที่ย่านรปปงงิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แต่น่าเสียดาย เมื่อมีประกาศออกมาว่า พิพิธภัณฑ์สนูปี้ นี้กำลังจะปิดฉากลง โดยจะจัดแสดงนิทรรศการ Friendship In Peanuts เป็นซีซั่นสุดท้าย ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 24 กันยายน 2018 แฟนคลับคนไหนยังไม่เคยไปพบปะความน่ารักของมัน พร้อมเหล่าแก๊งพีนัตล่ะก็ ต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ

สามารถนำตั๋วที่ซื้อไปแลกเป็นตั๋วภาพพิมพ์โบราณสุดคลาสสิค

ตลอดระยะเวลา 2 ปี พิพิธภัณฑ์จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนนิทรรศการใหม่ๆ มาจัดแสดงเสมอ และคอยเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ใหม่ทุกๆ 6 เดือน มีทั้งภาพวาดและภาพเคลื่อนไหว บางภาพก็ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน ซึ่งคอลเลคชั่นส่วนหนึ่งมาจาก Charles M. Schulz Museum พิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับ Charles Schulz ผู้เขียนสนูปี้ ในสหรัฐอเมริกา

โดยคอนเซ็ปต์แรกใช้ชื่อว่า My Favorite Peanuts : Peanuts of Love เป็นการนำเอาต้นฉบับของการ์ตูน Peanut 60 มาจัดแสดงให้ชมกัน (23 เม.ย. – 25 ก.ย.2016), คอนเซ็ปต์ที่สอง Hello Again (8 ต.ค. – 9 เม.ย. 2017), คอนเซ็ปต์ที่สาม Peanuts Gang All Stars (22 เม.ย. – 24 ก.ย. 2017), คอนเซ็ปต์ที่สี่ Peanuts Love is Wonderful (7 ต.ค. 2017 – 8 เม.ย. 2018)  และคอนเซ็ปต์สุดท้าย  Friendship In Peanuts (21 เม.ย. – 24 ก.ย. 2018)  เป็นชุดรูปแบบของแกลเลอรี่ในเวลานี้

นอกจากนี้ยังมี Brown’s Store ร้านขายของที่ระลึกสนูปี้และแก๊งค์พีนัต รวมถึง Cafe Blanket คาเฟ่ที่ดูน่ารักกุ๊กกิ๊ก สมกับเป็นญี่ปุ่น ที่มาของชื่อคาเฟ่นั้นก็เอามาจากผ้าห่มแสนรักของ Linus van Pelt ตัวละครจากแก๊งพีนัต เพื่อนรักของ Charlie Brown นั่นเอง

สาวก Snoopy ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ก่อนที่ตัวการ์ตูนแสนน่ารักนี้จะอำลาไปในอีก 4 เดือน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีให้ได้ชมอีกไหม หรือจะจัดตั้งพิพิภัณฑ์ที่ไหนต่อ เพราะงั้นรีบจองตั๋วแล้วบินไปเที่ยวโตเกียวกันเร็ว!!

ที่ตั้ง : Tokyo-to, Minato-ku, Roppongi 5-6 ขึ้นรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มาลงสถานี Roppongi และเดินต่ออีก 7 นาที

เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น. (เข้าได้จนถึง 19.30 น.) กำหนดเข้าได้ 5 รอบต่อวัน คือ 10:00-11:30, 12:00-13:30, 14:00-15:30, 16:00-17:30 และ 18:00-19:30

ราคาค่าเข้า : ตั๋วล่วงหน้า : ผู้ใหญ่ 1,800 เยน / นักศึกษา 1,200 เยน / เด็กมัธยม 800 เยน / เด็กเล็ก 4 ขวบขึ้นไป 400 เยน (ถ้าซื้อตั๋ววันที่เข้าชม ราคาจะสูงกว่า 200 เยน ทุกประเภท)

Source: jw-webmagazine, press.ikidane-nippon