7 ที่เที่ยวหลบฝน ในกรุงเทพ เดินชิลล์ ตัวไม่เปียก กระเป๋าไม่ฉีก

7 ที่เที่ยวหลบฝน ในกรุงเทพ เดินชิลล์
ตัวไม่เปียก กระเป๋าไม่ฉีก

ฝนตก รถติด หงุดหงิด อารมณ์เสีย ปัญหาเหล่านี้พาลให้ไม่อยากออกจากบ้านไปไหน บางคนเดินเที่ยวอยู่ดีๆ ท้องฟ้าก็ดูสดใสดีนะ แต่จู่ๆ ฝนก็กระหน่ำลงอย่างอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำยังไงล่ะทีนี้? สุดท้ายทางเลือกเดียวที่จะหลบฝนได้คือห้างสรรพสินค้า ถ้ารู้สึกเบื่อกับกิจกรรมเดิมๆ แบบนี้ล่ะก็ Travel.mthai มีที่เที่ยวหลบฝน เด็ดๆ ในกรุงเทพ เดินชิลล์ ตัวไม่เปียก กระเป๋าไม่ฉีก มาบอกต่อกัน

1. ศูนย์การเรียนรู้และการออกแบบ TCDC

ขอบคุณภาพจาก tcdc

กำลังเดินหาของกินอร่อยๆ แถวบางรักอยู่ดีๆ ฝนก็เทลงมาซะงั้น เข้าไปหลบฝนที่ TCDC เลยค่ะ  ตั้งอยู่ตรงอาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ย่านเจริญกรุง เป็นศูนย์การเรียนรู้และการออกแบบ ที่รวบรวมหนังสือ วารสาร มัลติมีเดียต่างๆ ตลอดจนวัสดุภัณฑ์เพื่อการออกแบบ มาให้เราศึกษาค้นคว้า บางครั้งมีการจัดนิทรรศการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้วย ช่วยกระตุ้นความคิดสรรค์ และไอเดียใหม่ๆ ได้เยอะเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก Thailand Creative & Design Center(TCDC)

*****************************************************

2. หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ

ขอบคุณภาพจาก Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เสพงานศิลป์ หาแรงบันดาลใจกันต่อที่ หอศิลป์กรุงเทพฯ ศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในมีทั้งหมด 10 ชั้น แบ่งเป็นส่วนนิทรรศการหลัก อยู่ชั้น 7, 8, 9 มีงานศิลป์หมุนเวียนมาแสดงเรื่อยๆ ให้เราชมต่อเนื่องทั้งปี และชั้น L-5 จะเป็นส่วนนิทรรศย่อย ห้องสมุด ห้องประชุม ร้านขายสินค้าทำมือ รวมไปถึงคาเฟ่ ให้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจ

*****************************************************

3. มิวเซียมสยาม

ขอบคุณรูปภาพจาก : Museum Siam

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ภายในมีชุดนิทรรศการถาวร บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ได้อย่างน่าสนใจ นำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดียที่ทันสมัย ให้เรามีส่วนร่วมและสนุกสนานไปด้วยได้ ช่วยกระตุ้นต่อมความความคิด ความสงสัย อยากรู้ นำไปสู่การตั้งคำถาม และขวนขวายหาคำตอบด้วยตัวเอง

Credit : news.mthai

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการชุดหมุนเวียน ซึ่งตอนนี้กำลังจัดแสดงนิทรรศการชุด “ชาย หญิง สิ่งสมมุติ” ว่าด้วยเรื่องความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิง ทลายกรอบเรื่องเพศที่เราขีดขึ้นมา ให้เข้าใจและยอมรับในเพศภาวะทั้งของตัวเราเอง และของคนอื่นมากขึ้น สามารถไปชมกันได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 .. 2561  (ปิดทุกวันจันทร์เวลา 10.00 – 18.00 .

*****************************************************

4. บ้านศิลปินคลองบางหลวง

ขอบคุณภาพจาก บ้านศิลปิน คลองบางหลวง artisthousebkk

บ้านไม้เก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ริมคลองบางหลวง แห่งนี้ เปิดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ แสดงงานศิลปะหลากหลายแขนง ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ภาพพิมพ์ งานแกะสลักและงานจิวเวลรี่ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้โบราณ ของกลุ่มศิลปินหลายแขนง อีกทั้งยังจัดสรรพื้นที่ทำเป็นร้านขายของที่ระลึก มีมุมร้านกาแฟ ให้ได้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบพร้อมชมวิวทิวทัศน์ริมคลอง นอกจากนี้ทุกวันเวลาบ่าย 2 โมง ที่บ้านศิลปินจะมีการแสดงหุ่นละครเล็กฟรีอีกด้วย

*****************************************************

5. The common ทองหล่อ

ขอบคุณภาพจาก : The COMMONS

ฝนตก รถติด ถอยหลังก็ไม่ได้ ให้ขับต่อไปก็คงไม่ถึง งั้นแวะเดินเล่น นั่งเล่นฆ่าเวลาที่ The common คอมมูนิตี้มอล ย่านทองหล่อ ซอย 17 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Wholesome living” เน้นการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสุขภาพ ตัวอาคารตกแต่งสไตล์ลอฟท์ โครงสร้างแบบเปิดโล่ง แซมด้วยต้นไม้สีเขียว ได้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เหมือนมาพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

โดยด้านในแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่  Market, Village, Play Yard, Top Yard มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่ ตกแต่งเก๋ๆ อยู่หลายร้าน ให้เราเพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อย พร้อมนั่งชิลสโลว์ไลฟ์ได้แบบไม่สิ้นสุด

*****************************************************

6. STYLENANDA Pink Hotel
& Pink Pool Cafe

Credit : teen.mthai

STYLENANDA PINK HOTEL เนรมิตตึกใจกลางสยามสแควร์ ซอย 5 ทั้งตึกเป็นสีชมพู ตกแต่งภายในสวยงาม ตามคอนเซ็ปต์ PINK WONDERLAND มีสินค้าเพียบ และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ชิคๆ ถึง 4 ชั้น ฟินไม่แพ้สาขาออริจินัลที่เมียงดง ประเทศเกาหลีเลย โดยชั้น 1 จะมีเครื่องสำอางค์ ชั้น 2 มีเครื่องสำอางค์ แถมด้วยเสื้อผ้าน่ารักๆ ชั้น 3 มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ส่วนชั้นสุดท้ายที่ถือเป็นไฮไลท์เลยก็คือ Pink Pool Cafe คาเฟ่ที่ทำเครื่องดื่มและขนมออกมาได้คิวท์สุดๆ ซึ่งจำลองบรรยากาศเหมือนนั่งทานอยู่ริมสระว่ายน้ำ รับรองถ่ายรูปมุมไหนก็เป๊ะปังแน่นอน

*****************************************************

7. ท้องฟ้าจำลอง

นอนดูดาวในร่ม ตัวไม่เปียก ที่ท้องฟ้าจำลองกันดีกว่า ชื่อเต็มๆ ก็คือ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เป็นแหล่งเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เช่น การแสดงท้องฟ้าจำลอง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลกใต้น้ำ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตยุคในโดเสาร์ ฯลฯ ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ในอาคารท้องฟ้าจำลอง ให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์และอวกาศ จัดแสดงการฉายภาพดาวในจักรวาล ซึ่งตำแหน่งของกลุ่มดาวที่ฉาย ยังตรงกับตำแหน่งจริงๆ ของดาวบนฟ้าในวันที่ไปชมอีกด้วย

ขอบคุณรูปภาพจาก : ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ

6 พิกัด ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน สุดชิลล์ ใครไปเป็นติดใจ!

6 พิกัด ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน
สุดชิลล์ ใครไปเป็นติดใจ!

ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าเที่ยวไม่แพ้ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเลยค่ะ เพราะขึ้นชื่อในหลายๆ เรื่อง ทั้งอาหารการกิน แหล่งช้อปปิ้ง ที่เที่ยวฮิตๆ และที่สำคัญคือ ไปเที่ยวง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า ค่าครองชีพก็ใกล้เคียงกับบ้านเรา แถมยังมีที่เที่ยวธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ให้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดอีกด้วย ใครกำลังเครียดกับงาน อยากออกไปเที่ยวเติมพลังให้ตัวเอง หรือจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยก็ได้ วันนี้ มัชรูมทราเวล จะพาไปแนะนำ 6 ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน สวยตรึงใจ พร้อมวิธีเดินทาง ออกไปหาธรรมชาติบำบัดกันดีกว่า

1. อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ
(Taroko National Park)

เริ่มที่ อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ (Taroko National Park) หรือที่คนไทยเรียกว่า ทาโรโกะ ตั้งอยู่ในเมืองฮวาเหลียน ทางฝั่งตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ห้อมล้อมด้วยทัศนียภาพของเทือกเขาที่สลับซับซ้อนสวยงาม มีถ้ำ น้ำตก น้ำพุ ลำธาร และจุดชมวิวสวยๆ เราจะได้เห็นวิวหุบเขาในป่าใหญ่และชายฝั่งทะเลอันงดงาม ธรรมชาติที่นี่สวยงามขนาดที่ว่าเป็น ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดนิยม ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ด้วย

การเดินทางมาทาโรโกะ ยังสะดวกสบายมากๆ เพราะสามารถนั่งรถไฟจากไทเปมาเที่ยวได้แบบชิลล์ๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง แถมพอมาถึงก็สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้ง Taxi Guide และ Tour Bus ในราคาไม่แพง เที่ยวไปรอบๆ อุทยาน จะมาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นครอบครัวก็สามารถมาสูดอากาศบริสุทธิ์ของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะได้เต็มปอดเลยล่ะค่ะ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: 08.30 – 17.00 .
การเดินทาง: นั่งรถไฟ TRA มาลงที่สถานี Hualien แล้วต่อ Taxi Guide หรือ Shuttle Bus
ที่อยู่: 972 Taiwan Hualien County, Xiulin Township, Fushi Cun Fushi 291

***************************************************************

2. อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน
(Yangmingshan National Park)

ถัดมาเป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน (Yangmingshan National Park) อุทยานแห่งชาติใกล้ไทเป ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ใครเที่ยวอยู่ในเมืองจนเบื่อก็สามารถออกไปชมธรรมชาติที่นี่ได้ง่ายมากๆ ค่ะ

จุดเด่นของ หยางหมิงชาน ก็คือความเป็นป่าเขาแบบอบอุ่นที่ทำให้มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ล้อมรอบไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิบานตลอดทั้งปี ทั้งซากุระ กุหลาบพันปีสีขาว และคาลล่าลิลลี่ เหมาะสำหรับการพาครอบครัว พาคุณพ่อคุณแม่มาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแคมป์ปิ้ง ปีนเขา ปิกนิกกลางแจ้ง แช่น้ำพุร้อน หรือเดินเล่น และปั่นจักรยานชมธรรมชาติ รับรองว่าจะได้เต็มอิ่มกับวิวสีเขียวแบบสุดๆ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: 07.00 – 17.30 .
การเดินทาง: จากไทเปสามารถนั่งรถบัสมาลงที่อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชานได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้
สาย Red5 จากสถานี MRT Jiantan
สาย 260 จากสถานี MRT Taipei Main Station ทางออก Y6 หรือ MRT Ximen ทางออก 3
ที่อยู่: No.1-20, Zhuzihu Rd., Beitou District, Taipei City (Yangmingshan)

***************************************************************

 3. อุทยานแห่งชาติอาลีซาน
(Alishan)

มาถึง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดนิยม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด อุทยานแห่งชาติอาลีซาน (Alishan) นั่นเองค่ะ ที่นี่ตั้งอยู่ในเมืองเจียอี้ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน โดดเด่นด้วยความงดงามของธรรมชาติที่ว่ากันว่าใครมา เที่ยวไต้หวัน แล้วไม่ได้มา อาลีซาน ถือว่าพลาดมากๆ บรรยากาศในอาลีซานคือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติเลยก็ว่าได้ค่ะ ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระบานอยู่ในหลายๆ พื้นที่ ส่วนช่วงหน้าหนาวก็จะได้เจอกับป่าไม้สีเขียวชอุ่มกับหมอกบางๆ เป็นวิวที่ฟินสุดๆ สามารถเดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลินและไม่มีเหนื่อยเลย

สำหรับการขึ้นไปบนยอดเขาอาลีซาน นักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถไฟโบราณชมวิวสวยๆ บรรยากาศดีมากๆ อีกทั้งบนยอดเขาอาลีซานยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวันอีกด้วย เชื่อกันว่าหากได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาอาลีซานจะถือว่าเป็นมงคลกับชีวิต และได้รับพลังลมปราณจากหมอกบนยอดเขาในยามเช้าที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ได้รับธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง ใครพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยว อย่าลืมพามาซึมซับบรรยากาศที่นี่กันนะคะ

ค่าเข้าชม: NT$ 300
เวลาทำการ: เข้าชมได้ตลอด
การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี HSR Chiayi ทางออก 2 แล้วต่อรถบัสไป Alishan ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 4.30 ชั่วโมง
ที่อยู่: 605 Taiwan Chiayi County, Alishan Township, No.59, Zhongzheng Village

***************************************************************

 4. เมืองไถจง (Taichung)

ใครเป็นสายธรรมชาติผสมกับสายช้อปปิ้งหน่อยๆ ต้องไม่พลาด เมืองไถจง (Taichung) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวัน ถิ่นกำเนิดของ ชานมไข่มุก และ ชาบู Hot Pot แห่งนี้เลยจ้า Taichung ไต้หวัน หรือ ไถจง เป็นเมืองใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วย ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Gaomei Wetlands จุดชมพระอาทิตย์ริมป่าชายเลนที่สวยงาม, Maple Garden สวนสวยใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด, หรือ Moncoeur สวนสุดโรแมนติกที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สวยๆ

ใครเที่ยวไทเปเบื่อแล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศไป เที่ยวไต้หวัน แบบชิลล์ๆ แนะนำให้ไปเมืองไถจงเลยค่ะ เดินทางไม่ไกลจากไทเป ได้ทั้งวิวธรรมชาติและลิ้มรสของกินอร่อยๆ เที่ยวได้ครบในเมืองเดียวเลยค่ะ

การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี HSR Taichung ประมาณ 1 ชั่วโมง

***************************************************************

 5.ทะเลสาบสุริยันจันทรา
(Sun Moon Lake)

อีกหนึ่ง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดฮิตที่ใครไป เที่ยวไต้หวัน จะต้องไม่พลาดไปเช็คอินที่นี่อย่างแน่นอนนั่นก็คือ Sun Moon Lake หรือเรารู้จักกันในชื่อไทยว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา ไต้หวันนั่นเอง

ทะเลสาบสุริยันจันทรา ตั้งอยู่ในจังหวัดหนานโถว บริเวณภาคกลางของไต้หวัน เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์ฉากหลังเป็นภูเขาสวยงาม ซึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือ ออกไปชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบ และแวะเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ รวมถึงถ้าใครพอมีเวลาก็สามารถเดินเล่น ปั่นจักรยาน นั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงได้เช่นกันจ้า

ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี Taichung แล้วต่อรถบัส Nantou ไปลงที่ Sun Moon Lake
ที่อยู่: Sun Moon Lake Scenic Area, Yuchi Township, Nantou, Taiwan 555

***************************************************************

6. อุทยานแห่งชาติเย่หลิว
(Yehliu Geopark)

ปิดท้ายด้วย ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ที่โดดเด่นและต้องไปให้ได้สักครั้ง ก็คือที่ อุทยานแห่งชาติเย่หลิว (Yehliu Geopark) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเมืองนิวไทเป ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เย่หลิวเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็คือ ทัศนียภาพของหินปูนรูปร่างแปลกตาอันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล แรงลม น้ำฝน และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกนับล้านๆ ปีนั่นเอง

และด้วยความที่อุทยานแห่งชาติเย่หลิว มีลักษณะเป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเล บรรยากาศรอบๆ อุทยานก็เลยสดชื่นดีต่อใจมากๆ อากาศก็เย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่นถ่ายรูปและชมทัศนียภาพได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นที่เที่ยวไต้หวันใกล้ๆ ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนอีกที่หนึ่งเลยล่ะค่ะ

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ NT$ 80 / เด็กนักเรียนและเด็กอายุ 6 – 12 ปี NT$ 40 / เด็กอายุต่ำว่า 6 ปี หรือมีส่วนสูงต่ำกว่า 115 เซนติเมตรและผู้พิการ เข้าฟรี
เวลาทำการ: 08.00-17.00 .
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Taipei Main Station ทางออก 3 แล้วต่อรถบัส KuoKuang สาย 1815 ลงป้าย Yehliu Geopark
ที่อยู่: No. 167-1, Gangdong Rd, Wanli District, New Taipei City
แผนที่:

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก mushroomtravel

7 เส้นทางเที่ยวชม ดอกไม้ หน้าฝน ถูกใจคนรักธรรมชาติ

แม้หน้าฝนจะเป็นช่วงมรสุม ซึ่งหลายคนคิดว่าไปเที่ยวไหนไม่น่าสนุก แต่หารู้ไม่ว่าเสน่ห์ของฤดูกาลนี้ นอกจากจะเป็นช่วงที่น้ำตกสวยที่สุด หมอกก็เยอะเป็นพิเศษแล้วนั้น ต้นไม้ใบหญ้าก็ดูจะสดชื่นแจ่มใส ดอกไม้หลากสีสัน ก็พากันออกดอกผลิใบให้เราชมกันละลานตา ชวนให้คนชอบเที่ยวธรรมชาติ ต้องออกไปสัมผัส เราขอแนะนำ 7 เส้นทางเที่ยวชม ดอกไม้ หน้าฝน จะงดงามขนาดไหน ไปดูกัน แม้ฝนจะตก เราก็ต้องไปเก็บภาพให้ได้

7 เส้นทางเที่ยวชม ดอกไม้ หน้าฝน
ถูกใจคนรักธรรมชาติ

1. ทุ่งดอกกระเจียว
อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ

ฝนตกโปรยปรายมาพร้อมกับความเขียวสดของดอกไม้ใบหญ้า และธรรมชาติสุดสดชื่น อย่างที่ทุ่งดอกกระเจียว ในอุทยานแห่งชาติไกรทอง ความพิเศษของที่นี่อยู่ที่ดอกกระเจียวมี 2 สี คือ สีม่วงอมชมพู (ดอกบัวสวรรค์) และ ดอกกระเจียวสีขาว (ดอกบัวเทพอัปสร) 

******************************************************************

2. ทุ่งดอกกระเจียว
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ

ต่อจากอุทยานแห่งชาติไกรทอง เราสามารถเที่ยวต่อที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม  ดอกกรเจียวบานสะพรั่งรับหยาดฝนกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิว ออกดอกเป็นสีชมพูอมม่วงในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณมิถุนายน ถึง สิงหาคมของทุกปี

******************************************************************

3. ดอกเปราะภูขาว
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

ขอบคุณภาพจาก : tatcontactcenter

ดอกเปราะภูสีขาว” ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จะผลิบานต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน แต่ว่าช่วงที่ดอกเปราะภูสีขาวสวยที่สุด คือปลายเดือนมิถุนายน ถึง ต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งพร้อมใจกันเบ่งบานไปทั่วลานหินปุ่ม นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังจะได้ชมดอกไม้อีกสารพัน ทั้งดอกเปราะหิน  เอื้องตาเหินไหว ลิ้นมังกร บีโกเนีย และอีกมามายละลานตา

******************************************************************

4. ทุ่งดอกหงอนนาค
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

ขอบคุณภาพจาก TAT Sukhothai fanpage

ทุ่งดอกหงอนนาค นางเอกแห่ง ภูสอยดาว  จะเบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยว ประมาณเดือน ส..- .. ของทุกปี โดยมีลักษณะเป็นช่อสีม่วงอ่อน หรือม่วงน้ำเงิน  สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานสะพรั่งเมื่อมีแสงแดด ท่ามกลางป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยสายหมอกจางๆ จนได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของความโรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

******************************************************************

5. ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ
ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก

ขอบคุณภาพจาก TAT TAK

ว่ากันว่า ดอยหัวหมด คือ จุดชมวิวอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภออุ้มผาง แต่นักเดินทางตัวจริงจะรู้กันดีว่าเมื่อถึงฤดูกาลที่ฝนโปรยปราย ราวเดือนกรกฎาคมกันยายน จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นเต็มลานบนยอดดอย เมื่อดอกไม้เล็กๆ นามว่า เทียนปีกผีเสื้อ แตกดอกออกช่อโผล่ขึ้นมาเหนือทุ่งหญ้า เปลี่ยนดอยหัวหมดให้กลายเป็นแดนสวรรค์สีชมพูภายในพริบตา ยิ่งสายลมพัดพาดอกไม้สะบัดไหวไปตามแรงลม ยิ่งทำให้ดูคล้ายผีเสื้อตัวเล็กตัวน้อยกำลังเริงระบำกลางม่านฝน กลายเป็นภาพที่สวยงามน่าดูชม

******************************************************************

6. ทุ่งเปราะภูชมพู
เขตรักษาพันธุ์ป่าภูหลวง จ.เลย

ช่วงต้นฤดูฝน ราวเดือนมิถุนายน บนภูหลวง จังหวัดเลย นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของดอกไม้ต้นฤดูฝน ซึ่งพากันผลิดอกสวยงามขึ้นอยู่ตามลานหิน เช่น โคกนกกระบาและลานสุริยัน แต่ไกลออกไปในป่าสนบริเวณที่เรียกว่า “แปกดำ” เดินเท้าถึงได้ในเวลาชั่วโมงเศษๆ ที่นั่นดอก เปราะภูสีชมพู (Caulokaempferia violacea) สวยสดกำลังพากันออกดอกสะพรั่งทั้งผืนป่า มีเวลาสวยที่สุดอยู่แค่เดือนเดียว พลาดแล้วต้องรอใหม่ปีหน้าถึงจะมีโอกาสชมอีกครั้ง

******************************************************************

7. ทุ่งดอกปอเทือง บ้านรำแดง จ.สงขลา

ทุ่งดอกปอเทือง สีเหลืองสวยสด บานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งนากว่า 300 ไร่ ที่ ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งความจริงแล้วดอกปอเทืองนี้ เป็นพืชปรับปรุงบำรุงดินที่ถูกนำมาปลูกในแปลงนา เพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดช่วยบำรุงดิน เมื่อว่างเว้นจากฤดูทำนา ก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสความสวยงาม และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้