อร่อยชั้นต่อชั้น สูตร ขนมชั้น ของหวานไทยกินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

ขนมชั้น เป็นขนมหวานที่กินมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความเป็นเด็กก็ชอบจะกินทีละชั้น เคี้ยวหนุบหนับอร่อยไม่รู้ลืม ขนมชั้นที่คลาสสิคที่สุดก็คือขนมชั้นใบเตย ชั้นสีเขียวสลับกับชั้นสีขาว ทำมาจากสีธรรมชาติ ขนมไทยทำแล้วเพลินๆ แต่ต้องใช้ความอดทนรอความสุกของแต่ละชั้น อยากกินร้อนๆ ต้องลองทำเองดูค่ะ

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเจ้า 40 กรัม
  • แป้งท้าวยายม่อม 40 กรัม
  • แป้งมัน 300 กรัม
  • กะทิ 500 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 500 กรัม
  • ใบเตย 3-4 ใบ
  • กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ผสมน้ำตาลทรายกับกะทิ แล้วนำไปตั้งไฟอ่อนๆ พอให้อุ่นจนน้ำตาลทรายเริ่มละลาย ไม่ต้องต้มให้เดือด เสร็จแล้ววางพักไว้
  2. ผสมแป้งทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน แล้วค่อยๆ เติมน้ำกะทิลงไป คนจนแป้งละลาย หากไม่แน่ใจว่าแป้งละลายหมด ให้นำไปกรองกับกระชอนตาถี่
  3. แบ้งน้ำกะทิไว้สองชาม ชามแรกผสมกลิ่นมะลิลงไป คนให้เข้ากัน อีกหนึ่งชามใส่น้ำใบเตยลงไป คนให้เข้ากัน
  4. เตรียมพิมพ์สำหรับขนมชั้น ใส่น้ำในลังถึง ต้มน้ำจนเดือด แล้วนำแม่พิมพ์ลงไปนึ่งวอร์มก่อน 15 นาที
  5. เสร็จแล้วก็เทขนมลงไปทีละชั้น ชั้นละเท่าๆ กัน ระหว่างสลับสีกันให้นึ่งชั้นละ 5 นาที จนเต็มแม่พิมพ์
  6. นึ่งเสร็จแล้ว นำขนมออกมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จัดเรียงใส่จานเสิร์ฟ หรือใส่กล่องสวยๆ ก็ได้ค่ะ

เรียบเรียงโดย Food MThai

สวยตะลึง! ภาพจำลอง 7 โบราณสถาน หากได้รับการฟื้นฟู

วันนี้ Travel mthai จะพาไปเยือน โบราณสถาน และซากปรักหักพังของอารยธรรมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นวิหารพาร์เธนอน โรมันบาธ ป้อมปราการมาซาด้า นครวัด และร่องรอยทางประวัติศาสตร์อันมีค่าอีกมากมาย

สวยตะลึง! ภาพจำลอง 7 โบราณสถาน
หากได้รับการฟื้นฟู

หลายคนคงเกิดจินตนาการตามว่าสถานที่เหล่านั้นในอดีตเคยสวยงามเพียงใด และหากได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ จะมีสภาพเป็นอย่างไร ทางเว็บไซต์  My Voucher Codes จึงได้ลองชุบชีวิตสิ่งปลูกสร้างโบราณทั้ง 7 แห่งขึ้นมาอีกครั้ง โดยทำการบูรณะผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสวยขนาดไหนนั้น ดูกันเลย

1. Domus Aurea (Octagonal room)
กรุงโรม ประเทศอิตาลี

สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศักราชที่ 65-68 โดยจักรพรรดิแนโร่ ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยม พระราชวังแห่งนี้ นอกจากใช้เป็นที่ประทับแล้ว ยังไว้เลี้ยงต้อนรับแขกคนสำคัญด้วย ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ฟู่ฟ่า ประดับตกแต่งด้วยวัสดุล้ำค่ามากมาย ทั้งอัญมณี งาช้าง และไข่มุก ราวกับดินแดนแห่งสรวงสวรรค์เลยทีเดียว น่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็น

*********************************************************

2. วิหาร Parthenon
กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ชื่อของวิหารอาจมาจากชื่อของงานประติมากรรมที่เคยตั้งอยู่ภายใน คือ Athena Parthenos ซึ่งหมายความว่าเทพีอันบริสุทธิ์  โดยรูปปั้นเทพีทำจากงาช้างและทองคำ มีความสูงถึง 12 เมตร ปัจจุบันวิหารพาร์เธนอนเหลือเพียงซากปรักหักพังที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.. 2530

*********************************************************

3. Basilica Of Maxentius
กรุงโรม ประเทศอิตาลี

มหาวิหาร Maxentius โบราณสถานเก่าแก่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณ Forum Romanum ในกรุงโรม มีพื้นที่กว้างขวางประมาณ 6,500 ตารางเมตร สำหรับเป็นที่ประชุม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และอาคารบริหารงานในเวลาเดียวกัน ได้รับการออกแบบอย่างประณีต สวยงาม พื้นปูด้วยหินอ่อนหลากสี ผนังปูด้วยกระเบื้องสีทองแดง แต่มีความแปลกอย่างหนึ่งคือ แทนที่จะมีเสารองรับน้ำหนักของเพดานเหมือนมหาวิหารอื่นๆ กลับใช้ซุ้มประตูเป็นฐาน ซึ่งมักปรากฏให้เห็นในโรงอาบน้ำโรมัน (Roman Bath) มากกว่า

*********************************************************

4. Masada
ประเทศอิสราเอล

ป้อมปราการมาซาด้า ตั้งอยู่บนยอดเขาหินสูง กลางทะเลทรายยูเดีย (Judean Dessert) หันหน้าสู่ทะเลเดดซี โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 7 ปี แต่เดิมเป็นพระราชวังฤดูหนาวของกษัตริย์เฮโรด มีทั้งโรงอาบน้ำ ซาวน่า บ่อน้ำร้อนน้ำเย็น  ต่อมาได้เป็นป้อมหลบภัยของชาวยิว ที่หนีการรุกรานของทหารโรมัน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของทางการอิสราเอล เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ

*********************************************************

5. Angkor Wat (นครวัด)
ประเทศกัมพูชา

นครวัด เป็น โบราณสถาน และ ศาสนสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งต่อมาได้หลอมมาเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธ ถือเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นเทวสถานถวายแด่พระวิษณุและเพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์เอง มีงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบขอมโบราณที่ยังสมบูรณ์ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์

*********************************************************

6. Roman Baths
เมืองบาธ ประเทศอังกฤษ

โรมันบาธ เป็นโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ของชาวโรมันยุคโบราณ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 70 ไว้แช่ตัวเพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ และดื่มน้ำแร่เพื่อรักษาโรค ปัจจุบันที่นี่ยังคงทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชม ทั้งโรงอาบน้ำ (ไม่อนุญาติให้ดื่มและอาบ) วัตถุโบราณมากมาย โครงกระดูก รูปปั้นโบราณต่างๆ ซึ่งในอดีตเคยมีหลังคายกสูงคร่อมบ่อน้ำแร่ แต่ภายหลังก็ทรุดโทรมหักพังไปตามกาลเวลา

*********************************************************

7. Aztec Ruins National Monument
รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา

ซากปรักหักพังเหล่านี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.. 1859 เคยเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองแอซเตกส์ (Aztecs) ซึ่งเป็นชนเผ่าอินเดียนที่ไม่ถูกยอมรับจากชนเผ่าอื่นๆ พวกเขาสร้างบ้านขนาดใหญ่มหึมา สูงสามชั้น กว้างกว่าสนามฟุตบอลเสียอีก ด้านในมีห้องรวมกันมากถึง 450 ห้อง และมีบางห้องอยู่ชั้นใต้ดินด้วย

Source : myvouchercodesboredpanda