Green Season ความสุขหน้าฝนที่โครงการหลวง

1

มีคำถามว่ามาเที่ยวโครงการหลวงตอนไหนถึงจะได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ คำตอบคงอยู่ที่ “ฤดูฝน” สายฝนที่มาดับร้อน และเพิ่มความชุ่มฉ่ำในหลายๆพื้นที่บนดอยสูง ทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าไปเที่ยว ผลผลิตงอกงาม ดอกไม้ผลิบานเต็มสวนสวย มาเตรียมอุปกรณ์กันฝนและกางแผนที่ไปเที่ยวกับที่เที่ยวหน้าฝนในโครงการหลวงกันได้เลย…

Green Season ความสุขหน้าฝนที่โครงการหลวงฃ

2

  1. สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

3

ที่อ่างขางในฤดูฝนนี้คนอาจจะบางตา ไม่หนาแน่นเหมือนฤดูหนาว แต่ภายในสถานียังเต็มไปด้วยหลากหลายพืชพันธุ์ที่น่าสนใจ ดอกไม้เมืองหนาวมากมายในสวน 80 สวนดอกไม้กลางแจ้ง โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก สวนบอนไซ จะทำให้นักท่องเที่ยวสนุกไปกับการถ่ายรูป และยังได้ชิมผลไม้ที่ออกมาในช่วงนี้ เช่น พลัม พลับ พีช บลูเบอรี่ เป็นต้น ส่วนบรรยากาศบริเวณชายแดนหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านนอแล และแปลงชาสองพัน ถ้าหลังฝนตกใหม่ๆ ก็จะสามารถมองเห็นสายหมอกที่ทอดผ่านแนวเขา เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงที่คนรักอ่างขางไม่ควรพลาดมาชื่นชม

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง : ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 053-969-489
จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร. 053-969-476-78 ต่อ 114

  1. ม่อนแจ่ม โครงการหลวงหนองหอย

4

การเดินทางที่สะดวกสบายใกล้เมือง ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมไปชมความงามที่ม่อนแจ่มกันมากมาย ในฤดูฝนมองไปมุมไหนม่อนแจ่มเต็มไปด้วยสีเขียว ทั้งวิวป่าไม้และวิวแปลงผักสดที่ปลูกเป็นขั้นบันได กิจกรรมสุดชิลล์ของที่นี่คือการได้นั่งจิบชาสมุนไพรสดร้อนๆ และมองดูทะเลหมอกที่ลอยไปลอยมาตลอดทั้งวันหลังฝนตก ต่อด้วยการไปถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ แล้วแชร์ให้เพื่อนดู ส่วนใครอยากนอนค้างที่นี่ก็มีแคมป์ปิ้งในโซนส่วนตัวเงียบๆ ให้พักผ่อนมองดูทะเลหมอกในตอนเช้า และห้ามพลาดกับอาหารเมนูสุขภาพดีที่มีให้ทานทุกวัน

ม่อนแจ่ม แคมป์ปิ้ง: จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร.081-806-3993, 084-3720466

  1. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ

5

โครงการหลวงแม่โถเป็นแหล่งเรียนรู้การเกษตรเรื่องการปลูกผัก ซึ่งการเดินทางเข้าแปลงไปชมผักสดๆ นั้น ต้องผ่านถนนลูกรังเฉอะเฉะบ้างยิ่งช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นความท้าทายที่นักท่องเที่ยวจะได้ผจญภัย ผ่านทิวเขา เข้าหมู่บ้านเห็นวิถีชีวิตชาวเขา เข้าแปลงไปลงมือเก็บผัก และเด็ดกินกันสดๆ ในโรงเรือน มาเที่ยวที่นี่แนะนำให้ค้างคืน ภายในศูนย์ฯ มีบ้านพักรับรอง และร้านอาหารให้บริการ เมนูเด็ดที่ต้องสั่งมากินเป็นน้ำพริกพื้นบ้านกับผักสดกรอบๆ ที่แม่โถมีจุดชมทิวทัศน์ให้ชมธรรมชาติหลายจุดรอบๆ ศูนย์ฯ และที่สวยที่สุดคือ จุดชมวิว 360 ดอยแม่โถ (เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นตั้งแต่ เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์) เป็นดอยที่ขั้นระหว่างเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวที่อยากเดินพิชิตยอดดอยแม่โถต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม และต้องมีไกด์จากชุมชนเป็นผู้นำขึ้นไปเท่านั้น สามารถติดต่อได้ที่ไกค์ล่วงหน้าได้ที่สำนักงานโครงการหลวงแม่โถ

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ: จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร.088-434-4902

  1. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย

6

ฤดูแห่งการทำนาเริ่มต้นแล้วเมื่อฝนมา นาข้าวขั้นบันไดที่แม่ลาน้อยเป็นหมุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยว ช่วงฤดูฝนบรรยากาศที่นี่เย็นสบาย สดชื่น ละอองฝนติดเต็มยอดหญ้า ภายในและรอบๆ ศูนย์มีนาข้าว และโรงเรือนแปลงผักปลอดสารพิษให้ได้ชม นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังจะได้เห็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงและละว้า การแต่งกายที่ดั้งเดิม วัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชุมชนที่นี่มีผลิตภัณฑ์ทองถิ่นที่มีชื่อเสียง อาทิ ผ้าทอขนแกะ ผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วบด เครื่องเงิน ผ้าฝ้ายทอมือละว้า ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อเป็นของที่ระลึกกลับไป ภายในศูนย์ฯ มีที่พักร้านอาหารไว้บริการ และในหมู่บ้านห้วยห้อมมีโฮมสเตย์ราคาไม่แพงให้เป็นตัวเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย: จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร.093-167-164

  1. สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

7

นอกจากจะสดชื่นและรับไอเย็นจากฝนที่ตกบนยอดดอยแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาโครงการหลวงอินทนนท์ฤดูนี้ยังจะได้ตื่นตากับสีสันของดอกไม้และไม้ประดับนานาชนิดที่ปลูกไว้ภายในสวน เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกสิริภูมิที่ตลอดทางมีเฟินหลายสายพันธุ์ปลูกไว้ให้ชม และที่ร้านอาหารสโมสรอินทนนท์ที่มีเมนูสุขภาพที่อร่อยติดใจใครหลายๆคนพร้อมเสิร์ฟ ส่วนที่ร้านขายของที่ระลึกก็มีกาแฟและผลผลิตสดใหม่มาขายให้เลือกซื้อกลับบ้านทุกวัน และควรระมัดระวังเรื่องการเดินทางขึ้นมาให้มากเพราะฝนตกทำให้ถนนลื่นและหมอกลงหนาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์: จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร. 080-769-1944

  1. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ

8

โครงการหลวงขุนแปะโดดเด่นด้วยการมีพื้นที่ปลูกดอกไฮเดนเยียหลายสีขนาดใหญ่หลายแปลง ทั้งสีฟ้า สีชมพู สีม่วง สีขาว นักท่องเที่ยวจะถ่ายรูปเพลินไปกับแปลงดอกไม้ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาล้อมรอบ ภายในศูนย์ฯ มีที่พัก สโมสรร้านอาหาร ที่ราคาไม่แพง มีมุมทานข้าวที่มองเห็นวิวนาข้าวขั้นบันไดผืนใหญ่ที่มีหมอกจากยอดดอยมาปกคลุมเพิ่มความสดชื่น และเดินชมโรงเรือนการปลูกผักและสมุนหลายชนิด การเดินทางช่วงฤดูฝนที่ขุนแปะแนะนำใช้รถกระบะ เพื่อเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ: จองที่พัก/ร้านอาหาร โทร. 095-450-6335

เครดิตข้อมูลจาก Thai Royal Project

 

15 อุทยานฯ น่าเที่ยวช่วงหน้าฝน ชมทะเลหมอก โอบกอดธรรมชาติ

1

ใครหลายคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติ ภูเขา ป่าสีเขียว หวังพึ่งหน้าหนาวจะได้เห็นหมอกทะเลสวยๆ แต่ถ้าลองได้เที่ยวในหน้าฝน รับรองว่าจะหลงรักฤดูนี้อย่างแน่นอน เพราะเขาว่ากันว่า ทะเลหมอกในหน้าฝนนี้แหละสวยที่สุด วันนี้เรามี 10 อุทยานฯ น่าเที่ยวช่วงหน้าฝน ชมทะเลหมอก โอบกอดธรรมชาติ มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ ได้ซึมซับบรรยากาศ และสัมผัสธรรมชาติได้แบบเต็มอิ่ม รวมถึงได้ท่องเที่ยวน้ำตก และสถานที่ยอดฮิตได้อีกตั้งหลายที่

15 อุทยานฯ น่าเที่ยวช่วงหน้าฝน 
ชมทะเลหมอก โอบกอดธรรมชาติ สายน้ำตกเย็นชุ่มฉ่ำ

2

ขอบคุณภาพจาก คุณ popumon

  1. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิตจังหวัดชัยภูมิ

สภาพป่าสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสักมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง และมีความโดดเด่นทางธรณีวิทยา มีลานหินที่มีรูปลักษณ์สวยงามแปลกตา, ทุ่งดอกกระเจียว หลากหลายสายพันธุ์ สีชมพูสดใสที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯ ชูดอกสะพรั่งในช่วงต้นฤดูฝน ชมทะเลหมอก อีกทั้งมีน้ำตกเทพนา และ ป่าหินงาม (ลานหินงาม) ทั่วบริเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่

3

ขอบคุณรูปภาพ facebook.com/kepkrapao

  1. อุทยานแห่งชาติไทรทองจังหวัดชัยภูมิ

มีอากาศเย็นช่วงฤดูฝนของทุกปี อุทยานแห่งชาติไทรทองยังเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำหลายสาย และมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก เป็นที่ตั้งของ น้ำตกไทรทอง, น้ำตกตาดโตน, มอหินขาว และผาหำหด เป็นชะง่อนหินยื่นออกไปนอกภูเขาทั้งแผ่น ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 864 เมตร และเป็นจุดสูงของเทือกเขาพังเหย สามารถมองวิวทิวทัศน์รอบด้าน และผาพ่อเมือง แนวผา ตั้งอยู่บนสันเขา

อีกทั้งผู้คนนิยมมาชมความงามของดอกกระเจียว ที่นี่เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งความพิเศษของที่นี่อยู่ที่ดอกกระเจียว มี 2 สี คือ สีม่วงอมชมพู (ดอกบัวสวรรค์) และ ดอกกระเจียวสีขาว (ดอกบัวเทพอัปสร) ดยเส้นทางเดินดูดอกกระเจียว จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มเส้นทางใหญ่ๆ

4

  1. วังน้ำเขียว  – อุทยานแห่งชาติทับลานจังหวัดนครราชสีมา

อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นอุทยานแห่งชาติในภาคอีสาน ป่ามีความอุดมสมบูรณ์และมีป่าลาน ซึ่งหาดูได้ยากที่มีเฉพาะบางท้องที่เท่านั้น มีต้นลานขึ้นตามธรรมชาติ เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ และมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น หุบผา หน้าผา น้ำตก นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

นอกจากนี้ยังอยู่ในกลุ่ม “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ที่องค์การยูเนสโก ประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปางสีดา และตาพระยา ส่วน วังน้ำเขียว ก็ได้รับฉายา สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน มีโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติใากใายให้เราได้เข้าไปสัมผัส

5

  1.  เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

ทีลอซู ได้รับคำกล่าวขานถึงว่าเป็นน้ำตกที่สวยงาม และมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่าง 1 มิ.ย. – 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น

ความงามของ น้ำตกทีลอซู น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งผืนป่าบริเวณทิศตะวันตกติดชายเแดนพม่า เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย

และยังมี “น้ำตกปิตุ๊โกร” หรือ เปโตร๊ะลอซู น้ำตกที่อยู่บนดอยเทือกเขาสามหมื่น น้ำตกที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงที่สุดในเมืองไทย ด้วยความสูงกว่า 500 เมตร หรือเกือบสองเท่าของตึกใบหยก นับเป็นน้ำตกที่อลังการสุด ๆ แต่การจะเดินทางไปถึงนั้นโหดเอาเรื่องทีเดียว ที่น้ำตกแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความโรแมนติกด้วย ถ้านักท่องเที่ยวได้มองน้ำตกปิตุ๊โกรจากระยะไกล จะเห็นน้ำตกแห่งนี้เป็นรูปหัวใจ บางคนจึงเรียกที่นี่ว่าน้ำตกรูปหัวใจ

6

ขอบคุณภาพ Muztongraphy

  1. ภูทับเบิกอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์

เมื่อฝนโปรยปราย กะหล่ำปลี เริ่มเขียวขยายๆ เป็นวงกว้างทั่วภูทับเบิก ไอหมอก และความหนาว ก็เข้ามาเยือนอีกครั้ง ความสวยงาม บรรยากาศ หามิได้จากที่ไหน กะหล่ำปลี กำลังเริ่มเขียวจนจะทั่ว ภูทับเบิกใครหลายๆคนที่อยากเห็นไร่กะหล่ำปลีบนภูทับเบิกก็เตรียมตัว เตรียมตังค์มาเที่ยวช่วงนี้เป็นต้นไปได้เลย นอกจากไร่กะหล่ำปลีแล้ว ภูทับเบิกหน้าฝน มีหมอกลงตลอดวัน ในบางวันช่วงเช้าๆ มีทะเลหมอกที่สวยงามมาก และมีโอกาสเห็นมากกว่าหน้าหนาวอีก หมอกในตอนเช้าๆสีขาวนวล ท้องฟ้าสดใส สวยกว่าในตอนหน้าหนาวมากทีเดียว ส่วนเรื่องอุณหภูมิหน้าฝนแบบนี้ไม่เคยเกิน 30 องศาเซลเซียส เฉลี่ย 27-28 องศา ส่วนกลางคืน 18-20 องศา หนาวตลอดปีจริงๆ

7

  1. อุทยานแห่งชาติพุเตยจังหวัดสุพรรณบุรี

เที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปลายฝน-ต้นหนาว จะให้บรรยากาศที่เย็นสบายจากไอฝนท่ามกลางป่าไม้ มีป่าสนสองใบธรรมชาติ มีประมาณกว่า 1,300 ต้นอยู่บนเทือกเขาพุเตย สภาพป่าสมบูรณ์มาก จนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์แม่พันธุ์ไม้สนสองใบในภาคกลาง บางต้นมีขนาดใหญ่วัดได้ถึง 2-3 คนโอบ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (พุเตย) ประมาณ 12 กิโลเมตร

อีกทั้งยังมีน้ำตกตะเพินคี่น้อย, น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี เป็นความงดงามทางธรรมชาติ ที่คนภายนอกไม่ค่อยได้มีโอกาสไปสัมผัส เหมาะสำหรับผู้ที่รักการเดินทางแบบผจญภัยเล็กๆ และยังมีถ้ำที่สวยงามที่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ

8

ขอบคุณรูปภาพ www.govivigo.com

  1. ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์

กางเต๊นท์นอนบนลานสนภูสอยดาวจะเต็มไปด้วยพรรณไม้ดอกนานาชนิด เช่น หงอนนาค สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน บานสะพรั่งอวดความงามทั่วลานสนสามใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วง ถือ ว่าเป็นนางเอกของภูสอยดาว ยามเช้าๆ บนลานสนของภูสอยดาวจะตกอยู่ภายใต้ทะเลหมอก

นอกจากนี้ยังมีน้ำตกสายทิพย์ ให้ได้ยลโฉมความงามความชุ่มชื้นของมอสตะไคร้ที่เกาะตามโขดหิน เเละน้ำตกภูสอยดาว ตรงจุดเริ่มต้นเดินเท้าขึ้นภู น้ำใสไหลเเรงให้เราได้ลงไปเล่นน้ำผ่อนคลายหลังจากที่เดินภูหนักหนามาทั้งวัน

9

ขอบคุณรูปภาพ twitter @soda_pj

  1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

เที่ยว น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือ น้ำตกรักจัง ที่ตั้งอยู่บ้านแม่กลางหลวง ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์น้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้นมีทั้งหมด 10 ชั้น แต่ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือนคือชั้นที่ 7 เพราะสายน้ำจากน้ำตกชั้นบนไหลตกลงมากระทบชั้นล่าง มีความสูงราว 20 เมตร สวยงามตระการตา ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกผาดอกเสี้ยวก็มาจากชื่อต้นเสี้ยวซึ่งเป็นไม้เด่นบริเวณน้ำตกนั้นเอง

10

  1. อุทยานแห่งชาติภูซาง จังหวัดพะเยา

มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของจังหวัดพะเยา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างน้ำตกภูซาน หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในนาม น้ำตกอุ่น ที่มีอุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การมานอนแช่เพื่อสุขภาพ นับว่าเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ของผืนป่า ที่ควรค่าไปสัมผัสกันสักครั้ง

11

ขอบคุณภาพ www.chilldtravel.com

  1. ทาร์ซาน วิวพอยท์ ที่ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่จุดชมวิว “ทาร์ซาน วิวพอยท์” ที่จะทำให้คุณเห็นทัศนียภาพของเขาสกได้อย่างเต็มตา และเต็มอิ่มไปกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติ การเดินทางไป ต้องเดินป่าเป็นระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ผ่านป่าดิบชื้น ต้องปีนผาสูงชันชัน เต็มไปด้วยแง่งหินคมกริบสุดอันตราย ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อีกทั้งต้องฝ่าดงทากนับร้อยอีก ถือเป็นความหฤโหดของเหล่านักผจญภัยโดยแท้

12

ขอบคุณภาพจาก www.tourismthailand.com

  1. น้ำตกห้วยทรายใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี

น้ำตกห้วยทรายใหญ่ (แก่งอีเขียว) อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก-เขายอดมน เป็นน้ำตกที่สวยงาม ห่างจากอำเภอบุณฑริกไปทางทิศเหนือตามเส้นทางหมายเลข 2369 ไปบ้านห้วยทราย เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 29 มีทางแยกขวาไปอีก 6 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกที่ไหลมาตามลานหินลดหลั่นลงไปด้านล่าง บริเวณร่มรื่นมีน้ำมากในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน)

13

ขอบคุณภาพ คุณ warahemato

  1. อุทยานแห่งชาติคลองลาน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

อุทยานแห่งชาติคลองลาน เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบ ดินร่วนปนทราย ภูเขาแต่ละลูกเชื่อมโยงติดต่อกับขุนคลองลานซึ่งเป็นจุดสูงสุดในบริเวณนี้ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,439 เมตร สภาพป่าสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย เช่น คลองขลุง คลองสวนหมาก ไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำปิง

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงของลำน้ำคลองสวนหมากคือ แก่งเกาะร้อย นักท่องเที่ยวนิยมล่องแพยางสำหรับคนที่ชอบท้าทาย ลักษณะของลำคลองสวนหมากจะเป็นแก่งหินและเนินทราย มีน้ำไหลตลอดทั้งปี

14

ขอบคุณรูปภาพ ak12m.multiply.com

  1. อุทยานแห่งชาติขุนสถานอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

ครอบคลุมพื้นที่ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าสนเขา ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,424 เมตร ระหว่างทางไปอุทยานฯมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงทะเลหมอกอลังการให้ได้ชม มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี

ถ้าอยากเห็นทะเลหมอกสวยๆ อย่าหวังพึ่งช่วงฤดูหนาว เพราะฤดูฝนนี่แหละเป็นช่วงที่ทะเลหมอกสวยสุดๆ อีกทั้งไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครเพื่อที่จะถ่ายรูปวิวสวยๆ ด้วย อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยว อาทิ ศาลเจ้าพ่อเขาครึ่ง, น้ำน่านตอนบนเขื่อนสิริกิตติ์, น้ำตกตาดหมอก, น้ำตกผาแดง, ดอยกู่สถาน, ถ้ำละโอ่ง, กาดวิว เป้นต้น มาที่เดียวได้ครบเครื่อง

15

ขอบคุณภาพจาก pixpros.net/forums/showthread.php?t=50881

  1. ดอยเสมอดาว – อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

ปกติในช่วงหน้าหนาว สิ่งที่เรามักเจอบนดอยเสมอดาวก็คือ เต้นท์ ผู้คน และรถยนต์จอดเรียงราย แต่ถ้าลองเปลี่ยนฤดูเที่ยว มาหน้าฝนดูสิ คุณจะได้เห็นบรรยากาศธรรมชาติอย่างแท้จริง ป่าไม้ชุ่มฉ่ำจากสายฝน ทะเลหมอกสีขาวละลานตา ปกคลุมพื้นที่ภูเขาสีเขียว มันได้ฟีลลิ่งสุดๆ และยังเป็นที่ยอดฮิตสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

นอกจากนี้ยังมี ผาหัวสิงห์ เป็นหน้าผามีรูปร่างหมือนสิงโตนอนหมอบหันหน้าไปทางทิศตะวันออกสามารถมองเห็นทิวทัศน์ ได้ 360 องศา สามารถมองเห็นได้ทั้งวิวเมือง ทิวเขา แม่น้ำน่าน และมีเส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติให้ได้เดินกันด้วย

16

  1. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

จังหวัดภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน โดดเด่นด้วยทัศนีภาพของผืนป่าและทิวเขาที่สวยงาม เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติมากมาย ได้แก่

ชมพระอาทิตย์ตก ณ ลานหินปุ่ม สถานที่สุดมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ราวกับอีกดวงดาวบนจักรวาล อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร , ลานหินแตก พื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสวยงามแปลกตา ลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวยาว คล้ายกับแผ่นดินแยก โดยรอบบริเวณนั้นยังปกคลุมไปด้วยตะไคร่ ไลเคน มอสเฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ

และ ผาพบรัก เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว พบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของผืนป่าและสายหมอกหนาที่สามารถพบได้ในช่วงฤดูฝน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือน ผาพบรัก แล้วไม่ควรพลาดโอกาสไปเยือน ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผาสลัดรัก และจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ช่างเหมาะกับคนมีความรักซะจริงๆ

เรียบเรียงข้อมูล travel.mthai

 

หนึ่งปีมีครั้งเดียว! เที่ยวชมความงาม ‘ทุ่งดอกนิลุบล’ หรือ ‘ดอกอีฮีน’ ที่อุบลฯ กัน

1

ถ้าช่วงวันหยุดยาวนี้ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนกันละก็ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็ได้นะ ‘ทุ่งดอกนิลุบล’ หรือ ‘ดอกอีฮีน’ ที่จังหวัดอุบลราชธานี หนึ่งปีมีครั้งเดียว!

หนึ่งปีมีครั้งเดียว! เที่ยวชมความงาม
‘ทุ่งดอกนิลุบล’ หรือ ‘ดอกอีฮีน’ ที่อุบลฯ กัน

กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สำหรับ ‘ดอกนิลุบล’ หรือที่ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า ‘ดอกอีฮีน’ สีม่วงอมน้ำเงิน ที่บานสะพรั่งอยู่เต็มพื้นที่ทุ่งนากว่า 3 ไร่ ในพื้นที่บ้านตำแย บ้านนาเมือง ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี

2

 ‘ดอกนิลุบล’ หรือ ‘ดอกอีฮีน’ ในปัจจุบันนั้นหาดูได้ยาก เป็นวัชพืชน้ำชนิดหนึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติตามทุ่งนา จะบานสะพรั่งมากในช่วงต้นฤดูฝน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะร่วงโรยไป ลักษณะทั่วไปคล้ายผักตบไทย แต่มีขนาดเล็กกว่า เป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจคล้ายผักตบชวา แต่เล็กกว่า

ก้านใบมีเยื่อบางสีขาว ดอกเป็นช่อดอก กลีบดอกสีม่วงออกจากก้านใบ ดอกย่อย 6-15 ดอก ดอกย่อยมีกลีบดอก 6 กลีบ กลีบดอกมีสีม่วงน้ำเงิน ผลมีขนาดยาวประมาณ 1 ซม เมล็ดสีน้ำตาล พบได้ทั่วไปตามท้องทุ่ง ท้องนาแหล่งน้ำธรรมชาติ

3 4 5 6

เรียบเรียงโดย Travel MThai