5 คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิค สโลว์ไลฟ์ตามสไตล์คนเมือง!

5 คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิค สโลว์ไลฟ์ตามสไตล์คนเมือง!

ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้มีคอมมูนิตี้มอลล์เกิดขึ้นหลายที่เลยทีเดียว ซึ่งเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ชิลๆ เน้นธรรมชาติมากกว่าโครงสร้างแบบตึกที่ดูแออัด ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ชอบนั่งจิบกาแฟ สังสรรค์พบปะกัน วันนี้ Travel.mthai ขอแนะนำ 5 คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิค สโลว์ไลฟ์ตามสไตล์คนเมือง! ที่กำลังมาแรงในตอนนี้มาฝากกันค่ะ

01

1. ฮาบิโตะ (Habito): สุขุมวิท 77

02

คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ สไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณนั้นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี ทำให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมช้อปปิ้ง กินของอร่อยๆ ได้ นี่แหละสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่ภายในโครงการ T77 ซอยสุขุมวิท 77 หรือ อ่อนนุช ซอย1 โดยที่นี่เขามีแนวคิดที่ว่า “Habito: The Heart of Good Living” มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดเย็นแก่คนรุ่นใหม่

ภายใน ฮาบิโตะ (Habito) ประกอบด้วยร้านค้าจำนวน 32 ร้าน ตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าและบริการต่างๆอย่างครบครัน

03

04

2. เดอะ คอมมอนส์ (The Commons): ทองหล่อ ซอย 17

05

คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 17 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Wholesome living” ตอบโจทย์คนเมืองในปัจจุบันที่เน้นใส่ใจสุขภาพ ตัวอาคารตกแต่งสไตล์ลอฟต์ โครงสร้างแบบเปิดโล่ง ใช้ปูนเปลือย พร้อมผสมผสานกับธรรมชาติด้วยต้นไม้สีเขียว ทำให้คนที่มาจะได้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

เดอะ คอมมอนส์ แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ Market, Village, Play Yard, Top Yard มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่ ตกแต่งเก๋ๆ อยู่หลายร้าน รับรองว่ามาทีนี่คุณจะได้เพลินเพลินกับอาหารแสนอร่อยพร้อมกับนั่งชิลสโลว์ไลฟ์ได้แบบไม่สิ้นสุด

06

3. เดอะ สตรีท (The Street Ratchada)

07

เป็นตรีทมอลล์สุดชิคที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี เปิดแบบ 24 ชั่วโมง! ทั้งตั้งอยู่ในทำเลกลางใจเมืองอย่างถนนรัชดา ที่คึกคักและมีสีสันในยามค่ำคืน ออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัย เท่ สุดๆ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารแบบจุใจ รวมถึง Supermarket ที่เปิด 24 ชั่วโมง แบบไม่ต้องกังวลว่าจะหิว!! ซึ่งที่นี่มีทั้งหมด 5 ชั้น มีร้านค้า, ร้านอาหาร, โซน IT Zone, ธนาคาร และบริการอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งมีกิจกรรมสนุกให้เล่นกันอีกด้วยกับ “Bounce” สปอร์ตเทนเม็นท์ใจกลางเมือง มีแทรมโพลีนจากประเทศออสเตรเลียที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตั้งอยู่ และจำลองหน้าผาให้ได้เล่นออกกำลังกันด้วย!

08

4. เดอะ เซ้นส์ ปิ่นเกล้า (The Sense Pinklao)

09

คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ย่านปิ่นเกล้า ออกแบบสไตล์ร่วมสมัย (contemporary) แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะคงความกลมกลืนกับธรรมชาติ ประกอบไปด้วย ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหาร, เบเกอรี่, ร้านค้า, ความงาม, เครื่องดื่ม, สุขภาพ

5. สวนเพลิน มาร์เก็ต (Suanplern Market): พระราม 4

10

สวนเพลิน มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามตึกมาลีนนท์ มีคอนเซปต์ “เพลินจิต เพลินใจ เพลินช้อป เพลินชิม” ออกแบบตกแต่งสไตล์ อินดัสเทรียล ลอฟท์ จำลองบรรยากาศสถานีรถไฟ เพราะด้านหลังในอดีตเคยเป็นเส้นทางรถไฟสายแรกในประเทศไทย ที่เรียกว่า “สายปากน้ำ” นั่งเอง มีร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกมากกว่า 250 ร้านค้า มีจุดเด่นหลักที่ โซน Food & Beverage อีกทั้งมีงานกิจกรรม ที่ทางโครงการจะจัดงานอยู่เป็นประจำ

11

ขอบคุณข้อมูล: http://travel.mthai.com/blog/142231.html

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Older… แฮงค์เอาท์ก็ได้ จัดหนักก็ดี

Older… แฮงค์เอาท์ก็ได้ จัดหนักก็ดี

01

จากตึกเก่า ถูกปรับปรุงจนกลายเป็นร้านลุคดิบๆ หรูๆ สไตล์ยูโรเปียนคลาสสิคที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนค้นหา เพิ่มความขรึมด้วยเฟอร์นิเจอร์หนัง แต่ยังดูอบอุ่น เสมือนนั่งอยู่บ้าน เคล้าคลอด้วยดนตรีเพราะๆ ทั้งเพลงไทยและเพลงสากล รวมถึงดนตรีสดแนวอินดี้ร็อคหรือเบเกอรี่ฟลูแบรนด์ทุกคืน บรรยากาศแบบนี้ขอยกให้ร้าน Older ว่าคือที่สุดแล้ว!!

02

03

04

ร้าน Older ใส่กิมมิกเก๋ๆ ด้วยการใช้ผนังแทนจอภาพยนตร์ตามมุมต่างๆ เหมาะกับการดินเนอร์และนั่งดริ๊งก์สุดๆ เพราะนอกจากจะมีเมนูอาหารสไตล์ฟิวชันและญี่ปุ่นรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ตั้งแต่กับแกล้มไปจนถึงหนักท้องให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีเครื่องดื่มเพียบ…

05

06

เริ่มกันด้วยเมนูกินเล่นอย่าง Raw Prawn Wagame Garlic Chilli กุ้งแช่น้ำปลาราดซีฟู้ดรสจัด เสิร์ฟคู่กับสาหร่ายญี่ปุ่นสามชนิด Caramall ปลาหมึกชุบแป้งทอดกับซอสหมึกดำเป็นอีกหนึ่งเมนูกินเล่น เผ็ดนิดๆ กินได้เพลินๆ ต่อด้วย Salmon Pistchio and Chili แซลมอนย่างกับพริกสด เนยและกระเทียม รับประทานคู่กับถั่วพิสตาชิโอและสลัด Pasta Tiger Prawn Tom Yam พาสต้ากุ้งลายเสือตัวใหญ่ผัดแห้งกับซอสต้มยำ แบบไทยๆ ท้อปด้วยโฟมผักชีและไข่แซลมอน อร่อยเลิศแทบไม่อยากวางช้อน Kurobuta Pork Serve with Thai Spicy Dressing หมูดำย่างจนได้เนื้อนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมผักรวมย่าง และซอสจิ้มแจ่ว และที่พลาดไม่ได้ต้องเป็นเมนู Tuna-Tai-Mussel-Octopus Garlic & Chili ยำดิบรวมที่เต็มไปด้วยทูน่า หอยแมลงภู่ หมึกยักษ์ ท้อปด้วยไข่ปลาแซลมอน ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ด

07

08

ส่วนดริ๊งก์ ซิกเนเจอร์ก็ต้องเป็น Josephine ค็อกเทลหอมหวานซ่าแสนสดชื่น จากส่วนผสม Lamon Cello, Triple Sec, Elder Flower และท้อปด้วย Sparking บอกได้คำ เดียวว่าใครได้ลองต้องเลิฟมาก…

ที่ตั้ง: 212/5 ถนนพหลโยธิน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 (BTS สนามเป้า ทางออก 2)

เปิดทุกวัน เวลา 18.00-02.00 น. โทร. 08-6383-3600

ขอบคุณรูปภาพจาก: www.bkkmenu.com

เครดิต: นิตยสาร Weekend ฉบับเดือนกันยายน 2016

อ่านเพิ่มเติม:  www.mbookstore.com และ http://food.mthai.com/food-recommend/116111.html

 

 

 

มาแรง! 9 ที่พักสไตล์บ้านไม้ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ

มาแรง! 9 ที่พักสไตล์บ้านไม้ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ

ถ้าใครอยากหาที่พักผ่อน ได้ฟีลแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง Travel.mthai มี 9 ที่พักสไตล์บ้านไม้ ที่มาแรงในตอนนี้มาฝากกันค่ะ รับรองว่าทุกคนจะได้ซึบซับกับบรรยากาศดีๆ สูดอากาศแสนบริสุทธิ์ และชาร์จแบตร่างกายได้แบบเต็มที่แน่นอน ^^

1. The Birder’s Lodge เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

รีสอร์ทสุดฮิปสำหรับคนชอบชิว บ้านไม้สไตล์กระท่อมแบบยุโรป ตั้งอยู่ท่ามกลางกลางป่าไม้และขุนเขา ทำให้เราได้สัมผัสธรรมชาติกันอย่างใกล้ชิด ณ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ไม่ไกลจากกรุงเทพนี่เองค่ะ ซึ่งที่นี้เป็นที่พักแห่งใหม่เปิดได้ไม่นาน ตอบโจทย์ผู้เข้าพักไม่ว่าจะเป็นคู่รัก กลุ่มเพื่อน และครอบครัวได้อย่างลงตัว!

01

02

2. บ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ (baan rai i arun) อำเภอ กะเปอร์ ระนอง

หลีกหนีอากาศร้อนๆ บ้านเมืองที่วุ่นวายไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ชิวๆ เงียบสงบกันที่จังหวัดระนองกันดีกว่า! รับรองว่าถ้าได้ชมที่พักแห่งนี้ ทุกคนจะต้องหลงรักธรรมชาติและความเป็นอยู่ของที่นี่แน่นอน การกินอยู่อย่างพอดี หลายคนพูดได้แต่ทำยาก แต่! ที่ บ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ จะทำให้หลายๆ คนที่เข้าพักมีความสุขกับชีวิตแสนธรรมดา แต่โคตรมีความสุขได้ในที่แห่งนี้ได้แน่นอน ^^

03

04

3. ลาเอนาตู (La A Natu Bed & Bakery Resort) ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

เป็นรีสอร์ทริมทะเลขนาดเล็กที่มีสไตล์โดดเด่นเฉพาะตัว ตั้งอยู่บนชายหาดปราณบุรี-สามร้อยยอด ด้านหน้ารีสอร์ทเป็นชายหาดส่วนตัว ด้านหลังเป็นแปลงนาข้าวขั้นบันได บรรยากาศสบายๆ เงียบสงบ รื่นรมย์

แลนด์มาร์กสะดุดตาของ ลา เอ นาตู คือหลังคาทรงลอมฟางขนาดมหึมาอันเป็นจุดหมายปลายทางของสะพานไม้ไผ่ที่พาดข้ามทุ่งนาไปสู่ทะเล สิ่งก่อสร้าง สถาปัตยกรรม งานดีไซน์ และการตกแต่งภายในของลา เอ นาตูเป็นแบบพื้นถิ่นผสมโมเดิร์น เน้นความกลมกลืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีสระว่ายน้ำส่วนกลางลอยฟ้าแบบ roof-top ถูกโอบล้อมด้วยทัศนียภาพของภูเขา ทะเล ทุ่งนา และบรรยากาศของหมู่บ้้านเล็กๆ ริมหาด

05

06

4. สโลว์ไลฟ์ ณ บ้านต้นไม้ แม่แมะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

บ้านต้นไม้ (Tree House) เป็นโฮมสเตย์ โดยมีลุงสุขกับป้าผงเป็นเจ้าของ หลายคนที่ได้มาพักที่นี่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประทับใจในการบริการของที่นี่มากๆ คุณลุงคุณป้าใจดีและเป็นกันเอง ดูแลอย่างอบอุ่น ^^

ห้องพักของที่นี่มีหลายแบบ คือ บ้านต้นไม้ เป็นบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้น มีห้องนอนแบบแยกส่วนตัวและแบบรวม ชั้นล่างจะเป็นที่นั่ง ที่กินข้าว ดื่มชากาแฟ มีแปลญวณไว้นอนอ่านหนังสือได้สบายๆ ส่วนด้านบนจะเป็นห้องพัก , บ้านต้นไม้ หลังเล็ก สร้างอยู่บนต้นไม้จริงๆ บ้านทั้ง 2 แบบนี้จะมองเห็นวิวภูเขา ต้นไม้สีเขียวแบบเต็มอิ่ม ยิ่งหน้าฝนหรือหน้าหนาว จะได้สัมผัสหมอก อากาศเย็นสบาย และ บ้านริมลำธาร จะตั้งอยู่ติดลำธาร สัมผัสธรรมชาติและวิวสวยไปอีกแบบ

07

08

5. แทนรัก ทะเลหมอก เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ที่พักบรรยากาศดี ใกล้จุดชมวิวทะเลหมอก ริมเส้นทางไปน้ำตกศรีดิษฐ์ และทุ่งแสลงหลวง มีห้องพักสไตล์โรงแรม 20 ห้องให้บริการ มีร้านกาแฟและอาหาร มีจุดชมวิวทะเลหมอก และจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกเหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัยและบริการเต็นท์ให้เช่าพร้อมอุปกรณ์นอน

09

10

6. บ้านสวนจันทิตา (Baan Suan Chanthita) จังหวัดอุทัยธานี

มีคุณป้าจันทิตาและคุณลุงไพศาลเป็นเจ้าของ คุณลุงเล่าว่าแต่ก่อนที่ตรงนี้เป็นบ่อปลา ต่อมาก็เริ่มถมที่และปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้ทุกต้นที่นี่คุณลุงไพศาลเป็นคนปลูกเองทั้งหมด ใช้เวลาเกือบ 30 ปี! เมื่อนำพื้นที่ตรงนี้มาทำเป็นโฮมสเตย์ ก็สร้างโดยการปลูกแทรกตามต้นไม้ โดยไม่ตัดต้นใดทิ้งแม้แต่ต้นเดียว ^^

11

บ้านสวนจันทิตา เป็นที่พักโฮมสเตย์ แบบบ้านไม้ 4 หลัง ตั้งแทรกอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ เชื่อมต่อกันทั้งหมด 4 หลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะมีความสูงไม่เท่ากัน เพราะอยากให้ดูมีมิติ และระบายอากาศได้ดี ภายในบ้านฌปร่งสบาย เน้นเจาะหน้ารอบบ้านแบบให้เราเห็นธรรมชาติได้แบบพาโนรามาด้วย อีกทั้งโดยรอบๆ บรรยากาศร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด และที่พักราคาไม่แพงด้วย เพียงหลังละ 2,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าอยากมาพักผ่อนที่นี่ต้องจองล่วงหน้ากันยาวสักหน่อย ^^

12

7. ภูลังกา รีสอร์ท (Phu Lang Ka Resort) จังหวัดพะเยา

ภูลังกา รีสอร์ท ตั้งอยู่ใน อ.ปง จังหวัดพะเยา เป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว รีสอร์ทแบบบ้านไม้ตั้งอยู่บนเนินเขาของวนอุทยานภูลังกา ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ มองเห็นวิวเขาหินปูนและแอ่งที่อยู่ด้านล่าง ทะเลหมอกสวยๆ ได้แบบเต็มอิ่ม อีกทั้งมีจุดไฮไลท์ตรงที่ชมพระอาทิตย์จะขึ้นหน้ารีสอร์ท เมื่อแสงส่องลงมายังทะเลหมอกในแอ่งกระทะ ให้บรรยากาศสวยงามเหมือนภาพวาด เรียกได้ว่า เป็นที่พักหลักร้อยแต่ได้วิวหลักล้านของจริง

13

14

15

16

8. บ้านหว่าญ่า บ้านพักน่ารักๆ ณ ม่อนแจ่ม

เป็นที่พักเพิ่งเปิดใหม่ปลายปีที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนภูเขาสูง มองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติได้แบบพาโนรามา อีกทั้งอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ซึ่งบ้านหว่าญ่าจะเน้นการออกแบบที่พักแบบเรียบง่าย และให้มีขนาดเล็ก เพื่อไม่บดบังทัศนียภาพโดยรวมของวิวที่มีความโดดเด่น ภูเขาที่สวยงาม ที่นี่จึงเหมาะจะเป็นที่พักกายพักใจในวันหยุดได้ดีสุดๆ

17

18

9. ไร่แสงอรุณ รีสอร์ท (Rai Saeng Arun Resort) จ.เชียงราย

คุณจะได้พบกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมของรีสอร์ทที่พัก ซึ่งจัดสร้างและตกแต่งโดย วัสดุที่เรียบง่ายจากธรรมชาติ บ้านพักทุกหลังซ่อนตัวในแนวไม้และป่าไผ่ กลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่งที่ตั้งของที่พักนั้นจะทำให้คุณได้พักผ่อนและได้สัมผัสความงดงามของทิวทัศน์ได้เต็มตา

19

20

ขอบคุณข้อมูล: http://travel.mthai.com/hotel-review/141733.html