ส่วนประกอบ
–อกไก่,แป้งทอดกรอบ
–แป้งเกล็ดขนมปัง,น้ำปูนใส,น้ำมัน
วิธีทำ
–นำแป้งทอดกรอบผสมน้ำปูนใส
-นำไก่ลงไปคลุกกับแป้งที่ผสม
-แล้วนำมาวางใส่แป้งเกล็ดขนมปัง
-นำลงทอดไฟกลางทอดจนเหลืองตามต้องการ
-หั่นตามต้องการ จิ้มซอสที่ชอบ
‘แกรนด์แคนยอน‘ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำโคโลราโด กัดเซาะจนเกิดการสึกกร่อนพังทะลายของหินเป็นเวลาหลายพันปี และนั่นทำให้เราเรียกขานสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะนี้ในประเทศไทยว่า “แกรนด์แคนยอน เมืองไทย”
7 ที่เที่ยว แกรนด์แคนยอน เมืองไทย
อลังการธรรมชาติสร้าง
แม้ประเทศเราจะเป็นเพียง มินิแกรนด์แคนยอน แต่ก็สวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วันนี้เราจะพาไปชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ 7 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตามภาคเหนือและภาคอีสาน จะมีรูปลักษณ์แตกต่างกันอย่างไร ดูกันเลย
1. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี
สามพันโบก เป็นแก่งหินใต้ลำน้ำโขง จะปรากฏให้เห็ความงดงามแค่เพียงในยามน้ำแล้งเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินนี้จะจมอยู่ใต้บาดาล
ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง มองเห็นเป็นภาพศิลปะ มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างเป็นรูปวงรี รูปดาว รูปวงกลม และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เราจะจินตนาการจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง
***********************************************************
2. “หินชมนภา” หาดชมดาว จ. อุบลราชธานี
หาดชมดาว คือแก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำวน จนเกิดเป็นผาหิน และแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตา มีริ้วลายหินแตกต่างกันไป จุดไฮไลท์เป็นผาหินสูงใหญ่ และเว้าแหว่งยาวคล้ายช่องแคบ มีสายน้ำไหลผ่าน ในฤดูน้ำโขงลดจะมีหินกลางน้ำผุดขึ้นมาให้เราได้เห็น ชาวบ้านเชื่อกันว่าให้หาหินนี้ให้เจอ เพราะเป็นจุดชมท้องฟ้าที่ส่องแสงและสีสันได้สวยที่สุด
***********************************************************
3. ละลุ จ.สระแก้ว
“ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัวหรือพังทลายของดิน เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ อาจมีรูปร่างคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างก็มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ ซึ่งในทุกๆปี ละลุจะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ ตามแต่ลมและฝนที่ช่วยกันตกแต่งชั้นดิน
ละลุเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โดยนักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากนั้นใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้านพาเข้าไป ค่าเช่ารถประมาณ 200 บาท นั่งได้ 8-10 คน
***********************************************************
4. เสาดินนาน้อย–คอกเสือ จ.น่าน
ขอบคุณภาพจาก : thainorthtour
เสาดินนาน้อย หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า “ฮ่อมจ๊อม” มีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินสีแดงปนส้มรูปทรงต่างๆ กันไป เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม สั่งสมมาเป็นเวลานาน สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000-30,000 ปี และบริเวณนี้เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน นอกจากนี้ยังค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
ห่างจากเสาดินนาน้อยมาประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับคอกเสือ ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดินด้านบนประมาณ10 เมตร เมื่อลงไปจะพบว่าบริเวณรอบๆ หุบผามีลักษณะเป็นหลืบม่าน รวมถึงมีแท่งดินรูปร่างต่างๆ กระจัดกระจายเหมือนกับที่เสาดินนาน้อย
***********************************************************
5. แพะเมืองผี จ.แพร่
แพะเมืองผี เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติจากดิน และหินทราย ที่ถูกกัดเซาะด้วยกระแสน้ำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นหน้าผาสูงต่ำสลับกัน และเกิดเป็นเสาดินรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน เช่น ดอกเห็ดยักษ์ หน้าผา เสาม่าน แล้วแต่จิตนาการของผู้พบเห็น
คำว่า “แพะ” เป็นภาษาพื้นเมือง แปลว่า ป่าละเมาะ ส่วน “เมืองผี” หมายถึงความเงียบเหงาวังเวง ซึ่งชื่อนี้อาจได้มาจากสภาพภูมิประเทศที่ดูเร้นลับน่ากลัว
แพะเมืองผีเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น ไม่เสียค่าธรรมเนียม
***********************************************************
6. ผาช่อ จ.เชียงใหม่
ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดิน เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้ เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก
จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกาลเวลา และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผา และเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา มีลวดลายที่สวยงาม อีกทั้งยังสูงใหญ่ ราวๆ 30 เมตร เทียบเท่าเรือนยอดไม้ ครอบคลุมพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง
***********************************************************
7. กองแลน (ปายแคนย่อน) จ.แม่ฮ่องสอน
กองแลน มีลักษณะเป็นภูเขาดินแดงในป่าเต็งรังสลับป่าสน เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนยอดจะพบหน้าผาสูงชันถูกกัดเซาะคล้ายปรากฏการณ์ดินทรุดตัว บางส่วนยุบตัวมากกลายเป็นเหวลึก บางส่วนยังเหลือเป็นแนวสันเขาที่เป็นทางแคบๆ พอให้เดินได้ทีละคนเท่านั้น เวลาที่เหมาะสมในการเข้าชมคือช่วงเช้า และช่วงเย็น เพราะอากาศจะเย็นสบายกว่าช่วงกลางวัน
ที่มา : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง
เวียดนาม ถือได้ว่าเป็น dream place ของสายฮิปยุค 4.0 กันไปซะแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ประเทศ เวียดนาม นั้นอุดมไปด้วยความน่าสนใจในหลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรม โบราณสถาน และสถาปัตยกรรมสวยงามตามคติความเชื่อที่ผสมผสานทั้งของ เวียดนาม จีน ฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกันมาร่วมหลายร้อยปี และเช่นเดียวกัน ณ บัดนาวหากจะเอ่ยถึงจุดปักหมุดอันเป็น ‘A Must’ หนึ่งที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องไม่พลาดไปเยือนนั่นก็คือเมืองลุงโฮหรือโฮจิมินห์ซิตี้ประเทศ เวียดนาม แห่งนี้นั่นเอง
วันนี้เราจะพานักเดินทางสายฮิปทั้งหลาย ไปเช็คอิน 5 จุดสุดฮ็อต กลางเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งหลังจากได้อ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนอาจเร่ง search หาโปรโมชั่นดีๆ การเดินทางที่คุ้มค่าและสะดวกสบายกับโปรโมชั่น “It’s time to fly” จากเวียตเจ็ท
เวียตเจ็ทพาคุณและผองเพื่อน บินสู่ เวียดนาม เพื่อไปพบประสบการณ์เอเชียด้วยบริการเที่ยวบินราคาประหยัดและมอบความคุ้มค่าสูงสุด เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ติดตั้งเบาะหนังนุ่มสบายและบริการชั้นเลิศตลอดการเดินทางจากลูกเรือที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรีจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวหน้าร้อนของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม นักท่องเที่ยงสามารถบินมาต่อเครื่องได้ที่ท่าอากาศยานใน เวียดนาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นเต้นและสนุกสนานในแต่ละประเทศของเอเชีย ผู้สนใจสามารถจองตั๋วในราคาต่ำสุดที่ 0 บาทในช่วงโปรโมชั่น Golden Hours และ Summer Sale ของเวียตเจ็ท (ซึ่งผู้โดยสารชื่นชอบมาก!) โดยติดตามข่าวสารโปรโมชั่นได้ทางVietjetair.com ในช่วงวันที่ 4 – 6 กรกฎาคม 61 นี้!
1. คาเฟ่ อพาร์ทเม้นท์ (The Café Apartment)
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก The Café Apartment
หนึ่งแลนมาร์คที่ผู้มาเยือนต่างต้องไปชิคไปชิลและพลาดไม่ได้คือไป “แชะ” ภาพบรรยากาศเก๋ๆ กันคือที่ Café Apartment โดยตั้งอยู่ที่ถนน Nguyen Hue Street หรือถนนคนเดินยอดฮิต สถานที่แห่งนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์เก่า 9 ชั้น ที่ถูกรีโนเวทให้มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านเสริมสวย ร้านหนังสือ รวมกันอยู่ภายในที่เดียว ตัวตึกหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มีระเบียงเล็กๆ มองเห็นถนนคนเดินใจกลางเมืองและแม่น้ำไซ่ง่อน ซึ่งหากคุณจะเยี่ยมชมร้านรวงให้ครบทั้ง 9 ชั้นก็มีทั้งเส้นทางบันได หรือจะใช้ลิฟต์ก็ต้องเสียเงินนิดหน่อย คาเฟ่ส่วนใหญ่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 22.00 น. (เวลาปิดอาคาร) แอบกระซิบไฮไลท์ร้านน้ำชากาแฟยอดนิยมที่ควรค่าแก่การแวะชิม นั่นก็คือ ร้าน Thinker & Dreamer คาเฟ่เล็กๆ ที่ตกแต่งร้านด้วยต้นไม้นานาชนิด (ชั้น 4), ร้านน้ำชาPartea (ชั้น 4), ร้านคาเฟ่ Saigon O’i (ชั้น 5), ร้าน The Letter Café (ชั้น 6), ร้าน Buihaus Cafe (ชั้น 7), เป็นต้น และห้ามพลาดจุดชมวิวชั้น 9 ที่สามารถมองเห็นวิวสวยเหนือระดับ …ก็เหนือกว่าทุกชั้นจริงๆ ล่ะนะ!
2. “Trầm Café” ร้านกาแฟลับที่ซ่อนตัว ณ ย่าน Phú Nhuận
ขอบคุณภาพจาก theculturetrip.com: “Trầm Café” ร้านกาแฟที่ซ่อนตัว ณ ใจกลางเมือง
ขอบคุณภาพจาก theculturetrip.com: “Trầm Café” ร้านกาแฟที่ซ่อนตัว ณ ใจกลางเมือง
น้อยคนจะรู้ว่า ห่างออกไปจากตัวเมืองโฮจิมินห์เล็กน้อย ในย่าน Phú Nhuận จะมีคาเฟ่กลางแมกไม้ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์สุดประทับใจแห่งนี้ซ่อนอยู่! “Trầm Café”… ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ 100 Trần Huy Liệu phường 8 Phú Nhuận โฮจิมินห์ซิตี้
เมื่อคุณได้ย่างเท้าเข้าไปด้านใน อาจรู้สึกคล้ายถูกมนต์สะกดไปกับบรรยากาศชวนหลงใหลที่ผสานการตกแต่งแบบธรรมชาติทั้งต้นไม้ใบหญ้า บ่อน้ำ ทางเดินไม้ สะพานหินเก่าแก่ เข้ากับลูกเล่นของการใช้แสง โดดเด่นที่โคมไฟสีแดงเรียงรายรอบตัว ซึ่งเมื่อเดินตามแสงโคมเข้าไปด้านในคุณจะพบกับบรรยากาศที่น่ารื่นรมณ์ของร้านคาเฟ่สุดเก๋ไก๋แห่งนี้ คุณสามารถเลือกชิลไปกับมื้อกาแฟแสนพิเศษนี้ทั้งในบริเวณพื้นที่กลางแจ้งหรือซ่อนตัวคุณเองไว้ในมุมต่างๆ ภายในร้าน พักผ่อนไปกับกลิ่นกาแฟหอมๆ ขนมอร่อยๆ หรือจะเป็นอาหารสุดพิเศษก็มีให้เลือกมากมาย สายฮิปไม่ควรพลาดอย่างแรง…
3. ตลาดนัดคนเดินสุดสุปดาห์ “The Saigon Flea Market”
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กตลาดนัดคนเดินในโฮจิมินห์ “The Saigon Flea Market”
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กตลาดนัดคนเดินในโฮจิมินห์ “The Saigon Flea Market”
อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสายฮิปได้สัมผัสความเป็นไปของเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ ก็คือการเดินตลาดนัดสุดสัปดาห์! ตลาดนัดหรือ Flea Market เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบสินค้าที่ผสมผสานไอเดียสร้างสรรค์ที่บ่งบอกความน่าสนใจของท้องถิ่นในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงสินค้าทำมือ สินค้าราคาถูก ของที่ระลึก งานหัตถกรรม และแน่นอนสินค้ามือสองก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ซึ่งหากยังไม่มีพิกัด เรามีตัวอย่างให้นักเดินทางลองตามGoogle Map ไปเปิดหูเปิดตาเช่น 107 Ton Dat Tien, Tan Phu Ward, District 7 ตลาดที่เป็นแหล่งรวมงานฝีมือท้องถิ่นและยังคงเป็นงานสำคัญในปฏิทินช้อปปิ้งของไซ่ง่อน หรือว่าจะเป็น ตลาดเบนถัน(Le Loi, Ben Thanh Ward, District 1) อีกหนึ่งตลาดที่เรียกได้ว่าเป็นไอคอนิกของตลาดนัดคนเดินที่คุณจะเพลิดเพลินไปกับสินค้าทำมือเท่ๆ กระเป๋าผ้า รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น
ความน่ารักของตลาด Flea Market ที่ไซ่ง่อนนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นสถานที่จับจ่ายสินค้าแปลกตาเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็จะรวมถึงเรื่องราวของอาหารท้องถิ่นstreet food ไปจนถึงคาเฟ่เก๋ๆ ที่นักชิมนักแชะต้องแวะศิลปะและศิลปินท้องถิ่นที่เวียนกันมาสร้างสรรค์ผลงานเขียนภาพขายแก่นักท่องเที่ยวซึ่งเหล่านี้ได้สร้างคอมมูนิตี้ย่อมๆ ให้เหล่าผู้มาเยือนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านเรื่องเล่าจากผู้คนหลากหลายมุมมองและเชื้อชาติ
4. สตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area” Where street art and shopping collide!
ขอบคุณเฟสบุ๊กสตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area”(A3- Alternative Art Area)
ขอบคุณเฟสบุ๊กสตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area”(A3- Alternative Art Area)
สตรีทอาร์ท “A3- Alternative Art Area” เป็นโลเคชั่นสุดเปรี้ยวที่เราอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนโฮจิมินห์ได้แวะไปเสพย์ศิลปะให้ฉ่ำปอด เติมความรื่นรมย์และ input ไอเดียสร้างสรรค์ให้จิตใจเบิกบานกันซักครั้งในโอกาสที่ได้มาเยือนเวียดนาม ดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์…
หนึ่งในสตรีทอาร์ทที่เลื่องชื่อของเมืองคงต้องยกให้ A3- Alternative Art Area เพราะเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจทางด้านศิลปะจากแนวคิดในการสร้างพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยดีๆ สักแห่ง ที่ต้องการจะนำศิลปะมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมต่างๆ โดยหมายใจให้เข้าถึงและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทุกคนทุกระดับ เปิดให้ผู้สนใจได้แวะเวียนไปดูงานศิลปะสมัยใหม่ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทั้งพื้นที่เปิด สำหรับเหล่าศิลปินมาใช้สร้างผลงานอย่างอิสระ และนิทรรศการที่มีผู้จัดและดูแลประสานงานแก่ผู้ไปชมเช่นกัน โดย Hip Place แห่งนี้เก๋ตรงที่นำคลังสินค้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาดัดแปลงอย่างทันสมัยให้เป็นศูนย์กลางทางศิลปะ มีแกลเลอรี่ ร้านบูติกที่จำหน่ายทั้งเสื้อผ้าและของที่ระลึก และคาเฟ่จำนวนมาก อาคารแห่งนี้ได้รับการตกแต่งด้วยภาพวาดและงานกราฟิตี้จากศิลปินหลากเชื้อชาติ ทั้งศิลปินท้องถิ่นและเครือข่ายศิลปินต่างประเทศ ทั้งยังมีโชว์ดนตรีสด งานเปิดตัวแฟชั่นและงานดีไซน์ รวมถึงเป็นแหล่งนัดพบของเหล่าอาร์ติสเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองอีกด้วย โดยสตรีทอาร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 13 Thai Van Lung, Ben Nghe, District 1
5. Maison Marou คาเฟช็อคโกแลตที่ คอช็อคโกแลตไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง(Maison Marou Chocolate)
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กร้านคาเฟ่ช็อคโกแลต Marou (Maison Marou)
เพราะทุกการเดินทาง… นอกเหนือจากสถานที่แปลกใหม่ให้ชื่นตาชื่นใจแล้ว นักท่องเที่ยวตัวจริงจะไม่ลืมดื่มด่ำรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง เสมือนเป็นการหยอดจิ๊กซอตัวสุดท้ายให้ภาพแห่งความทรงจำตราตรึงและน่าประทับใจมิรู้ลืม.. และแน่นอนสำหรับผู้มาเยือนโฮจิมินห์ซิตี้ หมุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งที่สายฮิปต้องแวะชิม ช้อป และเก็บเรื่องราวน่าสนใจไปฝากคนทางบ้านก็คือ คาเฟ่ช็อคโกแลต Marou
ไม่ว่าจะด้วยรสชาติอันโดดเด่นเข้มข้นที่ทุกคนต่างยกให้เป็น No.1 ของสายขนมหวาน บรรยากาศร้านที่แตกต่างอย่างน่าประทับใจ ทุกการตกแต่งและทุกมุมนั่งสบาย สอดแทรกไปด้วยกลิ่นอายของความคิดสร้างสรรค์อันมาจากตัวตนของ 2 ผู้ให้กำเนิดร้าน Vincent Mourou และ Samuel Maruta นี่ยังไม่รวมถึงความพิเศษที่ทางร้านมีโซนของเครื่องคั่วบดกันสดๆให้ชมผ่านห้องกระจกใส อันสะท้อนถึงที่มาที่ไปของร้านแห่งนี้ซึ่งผู้ได้ฟังเรื่องเล่าต่างสนุกสนานไปกับการผจญภัยของแบรนด์ กว่าจะมาเป็นร้านและเป็นผลิตภัณฑ์ช็อคโคแลตคุณภาพที่โด่งดังจนสามารถส่งออกเป็นหน้าเป็นตาของเวียดนามเช่นทุกวันนี้
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งจุด Hip ที่ต้องเช็คอิน และหนุ่มสาวสาย Hip ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นต้องได้ไปเปิดประสบการณ์กันซักครั้งล่ะน่า เมนูเด็ดที่เราแนะนำให้ไปโดน! คุณต้องไม่พลาด เค้กช็อคโกแลต เอแคลร์ ช็อคโกแลตมูส ทาร์ตช็อคโกแลต มัฟฟิน และอย่าลืมจิบช็อคโกแลตร้อนหวานมันกลมกล่อม รับรองเลยว่ารสชาติหอมละมุนของช็อคโกแลตแท้คั่วสดจาก Maison Marou จะทำให้คุณดื่มด่ำและประทับใจมิรู้ลืม