7 ที่เที่ยวอำเภอปัว เย็นสบายกลางสายฝน ปักหมุดชมธรรมชาติสุดชิลล์

อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมืองเล็กๆ แสนโรแมนติก เหมาะกับการใช้ชีวิตเรียบง่าย และเงียบสงบ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นทุ่งนา ถ้าเรามาช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม แม้ต้นข้าวจะยังไม่โตเต็มที่ เพราะชาวบ้านเพิ่งเริ่มดำนากัน แต่เราจะได้ภาพผืนนาสีน้ำตาลกว้างไกลตัดกับต้นกล้าสีเขียว สวยงามมาก สะกดทุกสายตาของผู้มาเยือนแน่นอน นอกจากธรรมชาติแล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณี ก็ยังน่าหลงไหล ไปดูกันว่า 7 ที่เที่ยวอำเภอปัว ที่เรามาฝากกันวันนี้ จะทำให้คุณตกหลุมรัก ปัว มากขนาดไหน

7 ที่เที่ยวอำเภอปัว
ปักหมุดชมธรรมชาติสุดชิลล์

1. ดอยภูแว

ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก ดอยภูแว ยอดดอยอันสูงชัน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นยอดเขาทุ่งหญ้า ไม่มีต้นไม้ใหญ่ มีความงดงาม รูปทรงแปลกตา เต็มไปด้วยหินผา และทุ่งหญ้าปกคลุม

หากมาเที่ยวดอยภูแวหน้าฝน หลังฝนตกจะมีโอกาสเจอทะเลหมอกสุดแสนตระการตา ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวบนยอดภู พร้อมกับอากาศหนาวเย็นจับใจ

**************************************************************

2. วัดภูเก็ต

ขอบคุณภาพจาก : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง

วัดภูเก็ต ไม่ได้อยู่ภูเก็ตแต่อย่างใด แต่ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเก็ต และตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ซึ่งทางภาคเหนือเรียกกันว่า ภู หรือ ม่อน จึงกลายเป็นชื่อวัดภูเก็ต ที่นี่นอกจากเราจะได้เข้ามาไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีลานชมวิวที่เราสามารถมองเห็นวิวทุ่งนาได้กว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังมีลำธารด้านล่าง ที่เราสามารถให้อาหารจากลานด้านบนผ่านท่อไหลลงไปให้กับฝูงปลาได้

**************************************************************

3. ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ และลำดวนผ้าทอ

ขอบคุณภาพจาก ลำดวนผ้าทอ ตำบลศิลาแลง อ.ปัว

นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ มีลักษณะเป็นซุ้มไม้เล็กๆ ตกแต่งสไตล์ไทลื้อ ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนา ซึ่งยามหน้าฝนแบบนี้ นาข้าวจะเขียวขจีเต็มท้องทุ่ง พร้อมวิวของเทือกเขาดอยภูคาสูงตระหง่านเป็นฉากหลัง และมีสะพานไม้ทอดยาวเชื่อมต่อกับร้านลำดวนผ้าทอ สามารถแวะมาซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ ทั้งผ้าทอเมืองน่าน, ผ้าไทลื้อ, ผ้าทอพื้นเมือง, ชุดเสื้อผ้าสำเร็จรูปสไตล์พื้นเมือง และของที่ระลึกอีกมากมาย ในราคาย่อมเยา

**************************************************************

4. ต้นดิ๊กเดียม วัดปรางค์

ขอบคุณภาพจาก tourismthailand

ชมต้นไม้ที่มีอารมณ์ขันอยู่คู่วัดปรางค์แห่งอำเภอปัวมานานนับร้อยปี ด้วยไม้ต้นนี้มีความแปลกพิสดาร ตั้งแต่อากัปกริยาของมันที่หันหน้าเข้าวัด แต่หันหลังให้แดด และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น คือ เพียงแค่ลูบเบา ๆ บริเวณลำต้น ทั้งกิ่งก้านใบของมันจะสั่นไหว คล้ายบอกว่ามันกำลังรู้สึกจั๊กจี๋

**************************************************************

5. วัดพระธาตุเบ็งสกัด

ขอบคุณภาพจาก : วัดพระธาตุเบ็งสกัด นครน่าน เมืองปัว

วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่บนเนินสูง ที่มองเห็นหมู่บ้านเบื้องล่างโอบล้อมด้วยผืนป่า หากมาในช่วงฤดูฝน จะพบความงามของผืนนาเขียวขจีเต็มพื้นที่ มีโบราณสถานที่สำคัญคือ องค์พระเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวปัวเคารพและศรัทธาอย่างมาก ตั้งอยู่ข้างๆ กับวิหารทรงตะคุ่มแบบศิลปะพื้นบ้านไทลื้อ

**************************************************************

6. วัดร้องแง

ขอบคุณภาพจาก Tat Phrae

เป็นวัดโบราณอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน มีวิหารที่โดดเด่นด้วยศิลปกรรมแบบไทยลื้อ ลักษณะของวิหารหน้าบันเป็นลายพันพฤกษา วิหาร มีหลังคาคลุมต่ำ ในวิหารมีพระประธานปางมารวิชัย และจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและเนมีราชชาดก

ด้านหน้าวัดมีทางเดินผ่านทุ่งนาไปยัง หอเทพญารินทร์เจ้าหลวงช้างเผือกงาเขียว ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ในช่วงฤดูทำนา วิวระหว่างทางเดินเห็นวิวทุ่งนาปลูกแทรกไปกับบ้านของชาวบ้าน รวมถึงด้านหลังหอคำหลวงสามารถเห็นวิวทุ่งนาได้แบบกว้างไกล

**************************************************************

7. วังศิลาแลง

ขอบคุณภาพจาก Pua108

วังศิลาแลง อีกหนึ่งที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ได้ฉายาว่า แกรนด์แคนยอนเมืองปัว มีความโดดเด่นอยู่ที่สายน้ำกูนไหลคดเคี้ยวผ่านซอกหินผา กัดเซาะหินรอบข้างทั้งสองด้าน จนเกิดเป็นลวดลายที่สวยงามแปลกตา เเละมีวังน้ำอยู่ประมาณเจ็ดวังด้วยกันในระยะ 400 เมตร โดยในช่วงฤดูเเล้งนั้น น้ำที่ไหลลงมาจะเป็นนำใสๆ สามารถมองทะลุลงไปจนถึงข้างล่างเลยทีเดียว ส่วนในฤดูฝนนั้นไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นน้ำเท่าไหร่ เพราะน้ำออกจะขุ่นเเละไหลเชี่ยว

**************************************************************

7. วังน้ำปัว

ขอบคุณภาพจาก วังน้ำปัว

วังน้ำปัว ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านนาฝาง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางสายน้ำใสไหลเย็น มีแพไม้ไผ่และแคร่ให้นั่งเล่น พร้อมบริการอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ และเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ ให้นั่งกินไป เอาเท้าหย่อนน้ำไปเพลินๆ หรือจะนอนกางเต็นท์ เฝ้ารอดูดวงดาวยามค่ำก็ชิลล์ดี ส่วนใครเป็นสายลุย ชอบอะไรมันส์ๆ ที่นี่เขาก็มีกิจกรรมล่องห่วงยางในน่านน้ำปัว ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีอุปกรณ์เซฟตี้อย่างดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : khaosan-nannakorntourismthailand

‘ถ้ำควังเมียง’ เกาหลีใต้ ชุบชีวิตเหมืองร้างไร้ค่า กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดปัง

ถ้ำควังเมียง หรือ ถ้ำควางมยอง (Gwangmyeong Cave) อดีตเหมืองแร่ ที่ถูกประโฉมใหม่ในปี 2011 ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้

ถ้ำควังเมียง’ เกาหลีใต้ จากเหมืองร้าง
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดปัง

ถ้ำควังเมียง สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองควางมยอง จังหวัดคยองกีโด ห่างจากกรุงโซลเพียงครึ่งชั่วโมง กำเนิดขึ้นเมื่อปี 1912 และเคยเป็นเหมืองขุดทองที่ใหญ่มากมาตั้งแต่สมัยที่เกาหลีอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น ก่อนจะถูกปล่อยทิ้งร้างในปี 1972 ยาวนานกว่า 40 ปี

ปัจจุบัน รัฐบาลได้ทำการรีโนเวทถ้ำแห่งนี้ใหม่ทั้งหมด โดยปรับเปลี่ยนให้เป็นมิวเซียมและอาร์ตแกลเลอรี่ ตลอดทางเดินภายในถ้ำ ที่ยาวประมาณ 7.8 กิโลเมตร ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ LED หลากหลายสี บ้างมีการเพ้นท์สีกราฟฟิตี้บนผนังถ้ำเป็นลวดลายที่วัยรุ่นชอบ และแบ่งห้องจัดแสดงออกเป็นหลายๆ ห้อง เช่น ห้องแสงสว่างและความมืด, ห้องสวนสวยธรรมชาติ, ห้องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, ห้องถนนสีทอง หรือเส้นทางแห่งความมั่งคั่งและสุขภาพดี, ห้องน้ำตกสีทองที่มีความสูง 3.6 เมตรห้องพระราชวังทองคำ, ห้องจัดแสดงโครงสร้างของถ้ำควังเมียง

อีกทั้งยังมีห้องจัดแสดงไวน์ ซึ่งคุณสามารถชิมและเลือกซื้อไวน์คุณภาพดีจากที่นี่ได้ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นก็มีให้บริการเช่นกัน ตลอดจนมีห้องโถงสำหรับการแสดงดนตรี หรือใช้เป็นโรงละคร ที่มีเก้าอี้ให้คุณนั่งชมในถ้ำได้ด้วย

นอกจากนี้หากคุณติดตามภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit และเป็นแฟนตัวยงของ The Lord of the Rings คุณอาจชื่นชอบประติมากรรมตัวละคร “กอลลัม” ที่ส่งตรงมาจากผู้กำกับของเรื่องเลยทีเดียว

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 4,000 วอน / วัยรุ่น 2,500 วอน / เด็ก 1,500 วอน
เวลาเปิดปิด : 09.00-16.30
วันปิดทำการ : หยุดทุกวันจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ

วิธีการเดินทาง :

จากสถานีรถไฟใต้ดิน Gwangmyeong Station สาย Seoul Subway 1 ทางออกที่ 8 ให้ต่อด้วยรถบัสสาย 17 แล้วไปลงที่ป้าย Gwangmyeong cave

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : journeykoreaChina Xinhua Newstravel.thaizawowkorea-supporterschilloutkorea
เรียบเรียงโดย Travel MThai

วิธีทำเครื่องดื่ม โกโก้เย็นสูตรเข้มข้น

โกโก้เย็นสุดเข้มข้นที่มีส่วนผสมของนม ผงโกโก้ และช็อกโกแลต ถ้าอยากให้เข้มข้นแบบสุดๆ ห้ามใช้น้ำเปล่าผสม ให้ใช้เป็นนมสดร้อนๆ เพิ่มความเข้มข้นให้กับโกโก้แบบสุดๆ เราไปดูวิธีทำที่แสนจะง่ายกันเลยค่ะ

ส่วนผสม

  • ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตท็อปปิ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำแข็งป่นในแก้ว 22 ออนซ์
  • นมสดร้อน 100 มิลลิลิตร

วิธีทำ

  1. ผสมผงโกโก้กับนมสดร้อนๆ คนให้ผงโกโก้ละลาย
  2. เทช็อกโกแลตท็อปปิ้งและนมข้นหวานลงไป คนคนให้เข้ากัน จะใช้เวลาคนนานหน่อยจนกว่าช็อกโกแลตท็อปปิ้งละลาย
  3. เตรียมแก้วใส่น้ำแข็ง เทโกโก้ลงไป หากอยาหให้หวานมันขึ้นมาหน่อย ให้ราดนมข้นจืดตามลงไป