สังขละบุรี อำเภอหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์ ที่ใครต่างเข้ามาก็เป็นอันต้องหลงรัก ด้วยวิถีชีวิตชาวมอญแบบเรียบง่าย ผู้คนเป็นมิตร อากาศดี ใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าอัศจรรย์มากมาย travel.mthai.com ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ 7 มนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี ที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองดูสักครั้ง
7 มนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี
รับรองว่าคุณต้องหลงรัก
สังขละบุรี มีแม่น้ำซองกาเรีย เป็นศูนย์รวมความมีชีวิตชีวา เพราะชีวิตต้องหล่อเลี้ยงด้วยสายน้ำ ชาวบ้านที่นี่มีความรักในถิ่นเกิดและธรรมชาติของพวกเขามาก เมื่อคุณไปคุณจะเห็นแววตาแห่งความสุขของพวกเขา เมื่อได้เล่าเรื่องราวถิ่นเกิดอันน่าประทับใจ …
1. พิธีตักบาตรมอญ
พิธีตักบาตรมอญ เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านที่นี่ ทุกเช้าตรู่เวลาประมาณ 6.30 น. ชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ต่างต่อแถวเนื่องแน่น เพื่อรอใส่บาตรพระสงฆ์ คุณจะพบรอยยิ้มของคนในชุมชน เด็กน้อยผู้นำโถข้าวมาซ้อนไว้บนศีรษะ หรือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดมอญเดินถ่ายรูป เป็นภาพที่คุณไม่อาจเห็นที่ไหนในประเทศนี้
2. สะพานมอญ
สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเรียไปยังหมู่บ้านมอญ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อม ๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดคือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทย ในดินแดนสุดขอบตะวันตกแห่งนี้
3. มัคคุเทศก์น้อย
แน่นอนว่าแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลาย ๆ แห่ง ต่างมีเจ้าหนูมัคคุเทศก์น้อย ที่จะคอยเดินเข้ามาพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่เกิดของพวกเขา ด้วยความน่ารัก เป็นมิตร พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่เงินเป็นสิ่งตอบแทน แต่ต้องการจะสื่อสารกับผู้คนด้วยจิตใจรักบ้านเกิด ถ้าคุณมีโอกาสไป ลองมองตาพวกเขา แล้วจะรู้ว่าเด็กน้อยกลุ่มนี้ พวกเขามีเสน่ห์มากแค่ไหน …
4. จัมเปอร์แห่งลุ่มน้ำซองกาเรีย
“ต๋อง” เด็กหนุ่มผู้มีพลังแห่งความเยาว์วัย ด้วยท่าทียียวน บุคลิกที่ค่อนข้างไฮเปอร์ เขาจะคอยมอบความสุขให้กับผู้คน ด้วยการโชว์กระโดดสะพานมอญ ลงสู่แม่น้ำซองกาเรีย อันเป็นเหมือนบ้านในโลกบาดาลของเขา เด็กหนุ่มผู้ซึ่งปราศจากความกลัว ผมเชื่อว่าเมื่อคุณได้เห็นสิ่งที่เขาทำ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจอันมหาศาลอย่างบอกไม่ถูก
5. เจดีย์พุทธคยา
พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเรีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น วันสงกรานต์
6. วัดจมน้ำ เมืองบาดาล
วัดใต้น้ำ หรือ วัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นUnseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – มิถุนายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำจะลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนจนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่ประมาณกันยายน – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำเท่านั้น
7. จุดเล่นน้ำตกซองกาเรีย
จุดเล่นน้ำตกซองกาเรีย ตั้งอยู่บริเวณสะพานแม่น้ำซองกาเรีย อำเภอสังขละบุรี ห่งจากตัวเมืองเมืองสังขละ ประมาณ 8 กิโลเมตร ขับรถไปทางชายแดนด่านเจดีย์สามองค์จะเห็นสะพานซองกาเรียทางขวามือ มีพื้นที่จอดรถ และมีบริการฝากรถเสียคันละ 20บาท พร้อมบริการเช่าห่วงยาง อันเล็ก 10 บาท อันใหญ่ 20 บาท ความน่าสนใจของพื้นที่บริเวณนี้ คือเป็นจุดเล่นน้ำ ที่มีน้ำไหล ใสและเย็น น้ำก็ไม่สูง เล่นน้ำสนุกมากครับ และมีซุ้มรับประทานอาหารริมน้ำ มีอาหารอีสานรสชาติจัดจ้านขายด้วย เป็นบรรยากาศปิคนิกที่เย็นสบายมาก
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : kanchanaburi.co/th , www.sadoodta.com
เรื่องและถ่ายภาพโดย : MuzTong – Travel MThai